บทย่อ
เพราะความหวังดี ทำให้อรุณลักษณ์ได้ช่วยเหลือชายนิรนามที่บาดเจ็บอยู่ในตรอก ในค่ำคืนฝนพร่ำ และนั้นนำพาให้เธอเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องอันตราย ชายผู้นั้นคือลูเซียส แวมไพร์สายเลือดราชวงศ์ อรุณลักษณ์ถูกศัตรูของลูเซียสทำร้ายด้วยคมเขี้ยวบาดผิว ทำให้เลือดกลายเป็นพิษ ยามใดพระจันทร์เต็มดวง ยามนั้นร่างกายเธอเร่าร้อนทรมาน และเลือดของเขาคือสิ่งที่ช่วยบรรเทา
บทที่ 1 ชายผู้มีนัยน์ตาสีแดง
เสียงหยาดฝนโปรยลงมาไม่ขาดสาย หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ในชุดสีขาว ถือร่มสีเทาเดินผ่านตรอกเล็กในเมืองเวนิชแห่งอิตาลี ท่อนแขนข้างหนึ่งกอดกระหวัดเพื่อคลายความหนาวเย็นของอากาศ ก่อนก้าวเดินอย่างเร่งรีบกลับห้องพักตนเอง ทว่าสองเท้ากลับต้องชะงัก เมื่อเห็นน้ำไหลมาตามพื้นบาทวิถี ด้วยความเชี่ยวชาญในการทำงาน ทำให้อรุณลักษณ์รู้ดีว่าสิ่งที่เห็นไม่ปกติ
สอดส่ายสายตามองด้านในตรอก มันมืดค่อนข้างมืด มีเพียงแค่ไฟดวงเล็กส่องสว่างเท่านั้น ดวงตาเรียวสวยหรี่มอง ระแวดระวังภัย เพราะเกรงแก๊งมิจฉาชีพอาจแอบซ่อนได้ ทว่าเมื่อเดินลึกเข้าไป กลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ร่างสูงโปร่งรีบทรุดกาย เห็นชายในชุดสีดำสนิท มีเลือดไหลออกมาโทรมกาย สีผมดำสนิท คิ้วเข้มหนา จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำ มือบางเอื้อมจับไหล่
หมับ!
อรุณลักษณ์สะดุ้งเมื่อถูกมือคนเจ็บคว้าไว้ก่อนถึงตัว ดวงตาคู่นั้นเปิดออก เรือนผมสีดำสนิทเปียกลู่หน้าผากแยงเข้าดวงตา สีนัยน์ตาแดงเข้มกำลังจ้องมองมา คนตัวเล็กผงะถอยหลังสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนตั้งสติ
“คะ...คุณ เป็นยังไงบ้าง เลือดคุณไหลออกมากเลย ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้นะคะ!” อรุณลักษณ์ละล่ำละลัก
“ปล่อยผม อย่ามายุ่งกับผม รีบออกไปจากตรงนี้....” เสียงแหบพร่าบอก ก่อนดวงตาคู่นั้นจะปิดลงตามเดิม
เอื้อมมือแตะไหล่แล้วเขย่าเบาๆ เห็นเลือดทะลักออกมาจากหน้าอก ใจเธอยิ่งเต้นแรง อาการหนักขนาดนี้ยังพูดคุยได้เสียอีก แต่ดูท่าแล้วคงไม่น่ารอด เธอเป็นพยาบาลมาสามปี บาดเจ็บมากแบบนี้ถึงโรงพยาบาลไม่นานก็จากไป อรุณลักษณ์รีบกดเบอร์เรียกรถพยาบาลในทันที
หญิงสาวลุกยืน แล้วใช้ร่มกางไม่ให้ร่างกายชายแปลกหน้าเปียกหนักกว่าเก่า จังหวะนั้นเธอพิศมองใบหน้า น่าสงสารหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องราวเลวร้าย ชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ
เสียงไซเรนรถพยาบาล มันจอดเทียบตรงถนนข้างตรอก ร่างคนเจ็บถูกยกขึ้นสู่เตียงแล้วเข็นร่างไร้สติไว้ในรถ อรุณลักษณ์รีบขึ้นนั่งด้านหลัง เจ้าหน้าที่ช่วยกันเปิดเสื้อดูแผลภายใน อรุณลักษณ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยเป็นรูตรงหน้าอก
รอยกระสุน...
เธอเห็นมาเยอะมาก แต่กระสุนเม็ดนี้ใหญ่มาก คนยิงคงกะเอาให้ตายเลย ชายคนนี้มีชีวิตอยู่มาได้ยังไง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ไม่มีชีพจรค่ะ” พยาบาลในรถบอก อรุณลักษณ์หน้าซีดเผือดลง
บุรุษพยาบาลรีบปั้มหัวใจในทันที กระทั่งรถจอดเทียบ ประตูเปิดออกเตียงถูกเข็นเข้าห้องไอซียูทันที อรุณลักษณ์ทำได้แค่เพียงยืนรอเท่านั้น หากชายคนนี้ต้องจบชีวิตลง เธอก็อยากบอกญาติเขาให้ได้รับรู้ ระบายลมหายใจ ทำไมถึงรู้สึกสงสารเขามากขนาดนี้
ครึ่งชั่วโมง บนเตียงมีร่างชายที่เธอช่วยนอนอยู่ อรุณลักษณ์ตะลึกงัน ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะรอดมาได้ ทั้งที่ถูกทำร้ายขนาดนั้น
“ปลอดภัยดีแล้วเหรอคะ” เธอถามสีหน้าสับสน
“ปลอดภัยดีแล้วครับ เหลือแค่ดูอาการ”
อรุณลักษณ์งุนงง ทว่ากลับไม่พยายามคิดมาก การที่เขารอดพ้นจากอันตรายมาได้นับว่าดีมากแล้ว เมื่อเห็นเตียงถูกเข็นเข้าห้องหญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วตัดสินใจเดินทางกลับห้องพัก
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ร่างสูงโปร่งในชุดพยาบาลเปิดประตูห้องพักฟื้น เพราะยุ่งมากจนไม่มีเวลามาดูชายแปลกหน้า จนตอนนี้เวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม อรุณลักษณ์เห็นเจ้าหน้าที่กำลังจัดผ้าปูเตียงอยู่
“คนไข้ไปไหนเหรอคะ” หญิงสาวถาม คิ้วบ้างขมวด
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณอรุณ อยู่ดีๆ ก็หายตัวไป”
“หายไปนานหรือยังคะ” สีหน้าคนถามเริ่มเคร่งเครียด
“ประมานทุ่มหนึ่งค่ะ หมอจะเข้ามาฉีดยาระงับปวดให้ก็หายไปแล้ว ตามหากันไม่เจอ”
อรุณลักษณ์ปิดประตูลงตามเดิม แล้วออกตามหา ในเมื่อช่วยแล้วก็อยากช่วยให้ถึงที่สุด หรือเขามีปัญหาเรื่องเงินเลยหนีไป ถ้าไม่มีเธอพร้อมช่วยอยู่แล้ว โรงพยาบาลกว้างขนาดนี้ควรหาที่ไหนดี ก่อนตัดสินใจไปพบพนักงานรักษาความปลอดภัยเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด
เธอเห็นเขาเดินออกจากห้อง มองกล้องอื่นจะเห็นว่าชายคนนี้เดินทางไปด้านหลัง ซึ่งมีสวนสาธารณะอยู่ โดนยิงมาแบบนั้นเอาเรี่ยวแรงที่ไหนหนีออกจากโรงพยาบาล น่าเหลือเชื่อจริง
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอกล่าวเบาๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง