ตอนที่ 8 จี้ชิงหยาง บุรุษมากปัญญา
สุดท้าย ไม่รู้ว่าเว่ยชินอ๋องไปเกลี้ยกล่อมคนสำคัญของเซี่ยเฉินอย่างไร จี้ชิงหยางถึงได้ยอมตามเขากลับมาที่จวนอ๋องด้วยกัน จอหงวนคนเก่งเหลือบมององค์หญิงแห่งฉางอันที่แต่งองค์มาอย่างงดงาม นางเดินยิ้มแย้มเข้ามาในเรือนรับรองทว่าสีหน้าเจื่อนลงทันควันหลังจากหันมาเห็นเขาเข้า
จี้ชิงหยางลุกขึ้น “คารวะองค์หญิง”
เซี่ยลี่เจินอ้ำอึ้ง นางต้องการจะมาพูดคุยกับท่านพ่อ ไม่ได้ทันคิดว่าแขกที่พ่อบ้านอู่หมายถึงจะกลายเป็นเขาที่นางเรียกขานว่าเป็นบ่าวอยู่เป็นวัน ๆ นั่น เซี่ยลี่เจินทำตัวไม่ถูก นางไม่รู้ว่าควรจะขอโทษที่เข้าใจเข้าผิดหรือควรจะนั่งอยู่ต่อดี นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก็รีบคารวะท่านพ่อและโค้งกายให้จอหงวนก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถง กล่าวอ้างว่ามีงานสำคัญที่ต้องจัดการ
เซี่ยเว่ยถอนหายใจ เขาอุตส่าห์ให้พ่อบ้านอู่ไปพานางมาเพื่อคุยเรื่องสำคัญด้วยกัน เห็นทีเรื่องนี้คงได้แต่จัดการให้เสร็จสรรพแล้วค่อยบอกนางทีเดียว
ท่านแม่ทัพอู๋ซานวางจอกชาลงด้านข้าง ประสานมือไว้บนตัก “ท่านจอหงวน ข้าจะไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน”
จี้ชิงหยางมีความฉลาดล้ำเลิศเป็นทรัพย์สินติดตัว มีหรือจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำสิ่งใด ทั้งการที่เชิญเขามายังจวนซ้ำยังพาลูกสาวมาให้พบหน้า ถึงบุตรสาวของฝ่ายโน้นจะรีบเร่งตีจากแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความนัยนั้น จี้ชิงหยางยกยิ้ม เตรียมปฏิเสธคำขอนั้นในทันที
“ท่านอ๋อง-”
ทว่าท่านแม่ทัพอู๋ซานกลับยกมือขึ้นขัด “ฟังข้อเสนอของข้าก่อนแล้วกัน” เขาเว้นช่วงไป “อ้อ อยู่ในจวนชินอ๋องนี้ไม่ต้องเรียกขานข้าว่าท่านอ๋องหรอก กับลี่เอ๋อร์ก็ไม่ต้องคารวะนางเป็นองค์หญิง เป็นท่านแม่ทัพกับคุณหนูก็พอแล้ว”
จี้ชิงหยางพยักหน้า “ขอรับ ท่านแม่ทัพ”
“ท่านคงรู้อยู่แล้วว่าข้าจะเสนออะไร” ท่านแม่ทัพอู๋ซานค่อย ๆ พูดขึ้น จี้ชิงหยางเป็นพวกไม่สนใจลาภยศและเงินทอง ฉะนั้นสองสิ่งนี้คงไม่สามารถหลอกล่อเขาได้ แต่ถ้าเป็นสิ่งอื่นที่มีเพียงเขาที่สามารถหยิบยื่นให้ได้เล่า “หากท่านยอมแต่งงานกับลูกสาวข้า ข้าจะกันท่านออกจากเรื่องของราชสำนัก เป็นขุนนางท้องถิ่นที่ไม่ต้องเข้าประชุมเช้าในท้องพระโรง ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่นอกเมืองหลวงห่างไกลเรื่องวุ่นวาย ท่านเห็นเป็นอย่างไร”
จี้ชิงหยางขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการยุ่งเรื่องการเมืองเป็นแน่แท้ แต่จากที่เขาคอยสังเกตในการประชุมขุนนางทุกเช้า ต่อให้เว่ยชินอ๋องมีศักดิ์เป็นน้องชายต่างมารดาและมีศักดิ์เป็นท่านอาของไท่จื่อ เขาก็ไม่เห็นความเคารพของหลานต่อท่านอาเลยแม้แต่น้อย มีแต่ไท่จื่อที่คิดจะเหยียบย่ำท่านอาของเขาให้จมดินอยู่ทุกชั่วยาม
จี้ชิงหยางลังเลอยู่ชั่วครู่ ตัดสินใจถามออกไป “เรียนท่านแม่ทัพ ข้าขอกล่าวตรง ๆ ว่าด้วยสถานะของท่านในพระทัยของฮ่องเต้ จะกันข้าออกจากวังหลวงได้อย่างไร”
เซี่ยเว่ยยกยิ้มจาง “แม้ตัวข้าจะไปอยู่ซันไห่หลายปีดีดักแต่ก็ยังพอมีเพื่อนเก่าในกรมต่าง ๆ อยู่บ้าง ขอเพียงเจ้าตอบตกลง ข้าจะให้เจ้ากรมพิธีการออกหนังสือแต่งตั้งเจ้าวันนี้เลย”
แต่จี้ชิงหยางยังคงลังเล เขาเข้าออกวังบูรพาหลายต่อหลายรอบจึงพอรับรู้มาคร่าว ๆ ว่าองค์รัชทายาทต้องการส่งเปี่ยวเม่ยของตนเองไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับชนเผ่าด้านนอกเพื่อสร้างฐานอำนาจให้ตนเอง หากเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายจะไม่เป็นการสร้างโทสะให้ฝ่ายนั้นจนพากันล่มจมทั้งจวนเว่ยชินอ๋องหรอกหรือ
ท่านแม่ทัพมองจอหงวนคนเก่งที่เงียบไปอย่างกำลังใช้ความคิดนั่น แม้ภายนอกเขาจะดูคล้ายผู้ใหญ่ที่วางท่าทางได้น่าเชื่อถือยิ่งแต่ในใจกลับร้อนรนไปด้วยเปลวเพลิง ลี่เอ๋อร์ใกล้จะสิบแปดหนาวแล้ว คนทั้งฉางอันต่างรับรู้เจตนาลับ ๆของไท่จื่อดีจึงไม่มีใครกล้ามาสู่ขอนาง หากนางครบสิบแปดหนาวเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเจ้าลูกสุนัขนั่นคงไปประจบสอพลอบิดาสุนัขของตนเองให้ออกราชโองการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เป็นแน่
ตัวเขาเป็นแม่ทัพ เป็นขุนนางของบ้านเมือง ต่อให้ไม่อยากปล่อยมือบุตรสาวไปที่ห่างไกลขนาดนั้นแต่ก็ไม่อาจขัดต่อพระราชประสงค์อีกทั้งยังไม่สามารถทิ้งเมืองชายแดนเพื่อไปเยี่ยมเยียนได้ จากเป็นคล้ายจากตาย เรื่องแบบนั้นต่อให้ต้องม้วยมรณาเขาที่เป็นบิดาก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด
ท่านแม่ทัพเริ่มร้อนรนจนทนไม่ไหว เขาถามขึ้น
“เจ้าไม่ชอบลี่เอ๋อร์หรอกหรือ”
จี้ชิงหยางรีบปรับท่าที เขาทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังให้ท่านแม่ทัพเห็นเป็นครั้งแรก มือยกขึ้นประสานคำนับขออภัย “คุณหนูเป็นหญิงสาวที่งดงามฉลาดหลักแหลม ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักนางอย่างแน่นอน เพียงแต่ข้าเติบโตขึ้นกับหลวงจีนที่เป็นอาจารย์ รับรู้เรื่องราวทางโลกมามากและไม่คิดจะแต่งงานไม่ว่ากับหญิงสาวคนใดขอรับ ข้ายังมีเรื่องที่สนใจและยังอยากจะทำให้สำเร็จอยู่ในชีวิต อีกทั้งหลังจากทำเรื่องนั้นเสร็จสิ้น ข้ายังคิดที่จะบวชเป็นหลวงจีนตามรอยอาจารย์ คงมิอาจดูแลคุณหนูของท่านแม่ทัพได้ขอรับ”
ท่านแม่ทัพมองสีหน้าจริงจังนั่นอย่างพอใจ ถึงจะโดนปฏิเสธก็ไม่ได้โมโหโทโสเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันเขายิ่งอยากได้จี้ชิงหยางมาเป็นบุตรเขยมากขึ้นไปอีก มีเพียงบุรุษที่แน่วแน่ในความคิดและมีจิตใจเข้มแข็งเช่นนี้ถึงจะปกป้องลูกสาวเขาให้ปลอดภัยจากพวกโสมมในราชสำนักได้
ท่านแม่ทัพถอนหายใจ เขายังคงไม่ยอมแพ้ หมายมั่นปั้นมือว่ายังไงก็ต้องได้จี้ชิงหยางมาเป็นบุตรเขยเท่านั้น “แล้วเจ้าเคยบอกเรื่องบวชให้กับฮ่องเต้หรือยัง หรือกับไท่จื่อเล่า ได้บอกหรือไม่”
จี้ชิงหยางส่ายหน้า เขาฉลาดหลักแหลม แต่กับคนมีอำนาจพวกนั้นเขาไม่สามารถใช้ปัญญาโน้มน้าวได้เลย มีเพียงแต่จะต้องโอนอ่อนผ่อนตามเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่ก็เท่านั้น ซ้ำเซี่ยลี่เจินก็เป็นหมากที่องค์ไท่จื่อหมายตาไว้แต่แรก มีหรือจะยอมปล่อยให้แต่งกับตนได้โดยง่าย จี้ชิงหยางไพล่คิดไปถึงใบหน้างดงามของเซี่ยลี่เจินกับอุปนิสัยนางที่คุยด้วยเพียงชั่วครู่ก็รับรู้แล้วว่าเบาปัญญาอย่างหนักนั่นก็พลันปวดศีรษะขึ้นมาทันที เขาถอนหายใจ
“ขออภัยขอรับท่านแม่ทัพ ข้าไม่คิดจะแต่งงานจริง ๆ ขอรับ”
ท่านแม่ทัพโบกมือ “เจ้าอาจจะคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าเองก็ยังพอมีลู่ทางอยู่บ้าง ต่อให้ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แต่สุดท้ายฮ่องเต้ก็ต้องยอมพระราชทานสมรสให้พวกเจ้าอยู่ดี ถึงตอนนั้นเจ้าจะพาลี่เอ๋อร์ไปที่ใด ข้าจะไม่เอ่ยปากห้าม หรือหากเจ้าจะแต่งเข้ามาเป็นเขยในจวนอ๋องก็ได้เช่นกัน”
ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนที่เขางัดขึ้นมา จี้ชิงหยางก็ยังไม่ตอบตกลง ท่านแม่ทัพยกยิ้ม “เจ้ายังไม่ต้องรีบตัดสินใจ มาพบปะพูดคุยกับลี่เอ๋อร์ก่อนสักสองสามครั้งก็ย่อมได้ ข้าจะบอกมารดานางไว้ให้ หรือถ้าเจ้าอยากทำความรู้จักกับนางจะมาอยู่ที่นี่ก่อนสักเดือนสองเดือนข้าก็อนุญาต ถ้าเจ้ายังตัดสินใจเช่นเดิม ข้าก็ขอยอมแพ้”
จี้ชิงหยางยังคงสีหน้านุ่มนวลไว้ได้แต่ในใจเขากลับเหนื่อยหน่ายเต็มที องค์หญิงผู้นั้นแม้จะมีใบหน้างดงามและกิริยาเป็นเลิศแต่นางก็คล้ายกับเต้าหู้นุ่ม สติปัญญาไม่เฉลียวฉลาด ใครซ้อนแผนอะไรใส่นางก็ไม่มีวันมองออก สตรีเช่นนี้รังแต่จะทำให้เขารำคาญเสียเปล่าๆ
แต่จี้ชิงหยางก็ไม่อาจด่าคุณหนูของจวนต่อหน้าบิดานางได้ เขาลุกขึ้นยืนทำความเคารพท่านแม่ทัพก่อนจะเดินออกจากจวนไปโดยใช้ข้ออ้างไปวังบูรพา ทว่าเดินออกไปได้ไม่ถึงชั่วจิบชา เขาก็หมุนกาย เดินไปทางที่พักของตนเอง