บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 ความกังวลของของพ่อแม่

จี้ชิงหยางงับบานประตูไม้เก่า ๆ ปิดอย่างเหนื่อยอ่อน เขาปฏิเสธข้อเสนอขององค์ไท่จื่อที่จะจัดห้องหับให้เขาในวังบูรพาเพื่อมาอาศัยอยู่ในวัดเก่า ๆ ใกล้ประตูเมืองแทน ถึงแม้เขาจะต้องตื่นเช้าขึ้นอีกสักนิดเพื่อไปเข้าร่วมประชุมให้ทันและกลับถึงเรือนหลังเล็กนี่มืดค่ำอีกสักหน่อย แต่มันก็เป็นสถานที่พักพิงที่สบายใจมากทีเดียว

จี้ชิงหยางหยิบเทียนขึ้นมาจุด ไฟติดพรึ่บพร้อมกับความคิดของเขาที่เริ่มร้อยเรียงเข้าด้วยกันช้า ๆ จี้ชิงหยางรู้ดีว่าฮ่องเต้เซี่ยเฉินต้องการบีบบังคับให้เขาอยู่รับใช้รัชทายาทเพื่อปูทางบัลลังก์ทองให้ราบรื่นมากที่สุด ทั้งคำสั่งและคำยกย่องเชิดชูอย่างออกนอกหน้านั่น ซ้ำยังมีงานเลี้ยงเจ็ดวันเจ็ดคืนที่ราวกับต้องการจะประกาศให้คนทั้งฉางอันรู้ว่าจอหงวนคนใหม่เข้าร่วมกับฝ่ายตน

ทว่าเขาเองก็หาใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน แม้จะไร้อำนาจแต่เขามีปัญญาเป็นเลิศติดตัว ตั้งแต่ที่ได้รับฟังพระประสงค์แรกของฮ่องเต้ จี้ชิงหยางก็คิดหาทางหนีทีไล่ไว้เรียบร้อยแล้ว ทางแรกเขาคิดจะยื้อเวลาออกไป คนที่ไร้ความอดทนและมักจะมองผู้อื่นต่ำกว่าตนเสมออย่างรัชทายาทไม่มีทางยอมรับการปฏิเสธซ้ำ ๆ นั่นได้อย่างแน่นอน ไม่นานรัชทายาทก็จะหมดความสนใจในตัวเขาแล้วเริ่มมองหาผู้อื่นมาแทนที่

แต่นั่นคงใช้ไม่ได้กับฮ่องเต้ บุรุษผู้นั้นแตกต่างจากบุตรชายอย่างสิ้นเชิง เขาอดทนอดกลั้นได้มากกว่าจนจี้ชิงหยางกล้ากล่าวว่าหากเขาผลัดออกไปสิบปี ฮ่องเต้ก็จะรอเขาไปอีกสิบปีเช่นกัน อีกทางที่เขาเคยคิดเผื่อไว้แต่ไม่หวังให้มันเกิดขึ้นคือการเจรจา มีการเจรจาแสดงว่ามีการขัดแย้ง ตอนนี้เผ่านู่เจินกำลังเลือกข่านคนใหม่ ยังไงก็ไม่พ้นคนที่เขาคิดไว้เป็นแน่ และตอนที่คน ๆ นั้นขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ จี้ชิงหยางยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีคลื่นลมในราชสำนักไปเป็นทูตยุติสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น

แต่หากเขาบอกออกไปว่าหลังจากข่านคนใหม่ขึ้นเป็นผู้นำแล้วชายแดนซันไห่จะเกิดสงครามขนาดใหญ่ ใครจะเชื่อเขากัน? เขาไม่มีทั้งหลักฐานและไม่มีสายสืบที่จะยืนยันข่าวได้ มีเพียงการคาดเดาสถานการณ์อีกหลายเดือนข้างหน้าของตนเองก็เท่านั้น ต่อให้เขาโน้มน้าวคนที่ซันไห่ได้สำเร็จแต่ก็ใช่ว่าฮ่องเต้ที่เห็นเมืองชายแดนเป็นของทิ้งขว้างจะยอมเชื่อเขาเสียหน่อย หรือถ้าหากฮ่องเต้เชื่อขึ้นมา เขายิ่งไม่มีทางหนีจากวังหลวงพ้นอย่างแน่นอน ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลหลุดมือไปเด็ดขาด ยังไงก็ต้องหาทางรั้งตัวเขาไว้ อาจจะถึงขั้นหยิบยกชีวิตคนสำคัญในครอบครัวมาขู่เขาก็เป็นได้ หากมันเป็นถึงขั้นนั้นเขาก็ยังพอมีลู่ทางที่จะบีบบังคับฮ่องเต้ให้ยอมปล่อยเขาไป แต่นั่นคงแลกมาด้วยการเป็นศัตรูกับเจ้าของบัลลังก์ทองเป็นแน่

ได้ไม่คุ้มเสียเอาเสียเลย

หรือหากจะให้เขาแกล้งตายหนีกลับไปก็คงไม่ได้อีก ตัวเขาไม่มีทางรอดพ้นสายตาองครักษ์ลับของฮ่องเต้เป็นแน่ จี้ชิงหยางนวดขมับที่ปวดตุบของตนเอง หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะละทิ้งตำแหน่งแล้วกลับหมู่บ้านไปเสียเลย แต่ความคาดหวังของอาจารย์ยังคงหนักอึ้งอยู่บนบ่า แล้วเขาจะทำตัวเอาแต่ใจได้อย่างไร

จี้ชิงหยางคิดไปถึงข้อเสนอของท่านแม่ทัพ แน่นอนว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้อยากแต่งงานซ้ำยังไม่พร้อมจะดูแลใครทั้งนั้น หรือจะให้เขากลับไปเจรจากับหลี่จื้อเฉิง แต่เจ้านั่นก็เป็นคนประเภทที่เกลียดการพูดคุย รักการใช้กำลัง คงจะไม่มีทางเจรจาได้สำเร็จเป็นแน่

ช่างเถอะ ถ้ามีวันพรุ่งนี้มันก็ยังมีหนทาง ค่อย ๆ คิดไปก็ยังไม่สาย

จี้ชิงหยางถอนหายใจ เขาเป่าเปลวเทียนเล็กจ้อยให้ดับลงจนความมืดกลืนกินห้องนอนขนาดเล็กจนหมดสิ้น

ซ่งฮูหยินยังคงหลับตาไม่ลง นางครุ่นคิดเกี่ยวกับการกระทำของสามีในวันที่ผ่าน ๆ มาก็อึดอัดจนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยถามไป “ท่านพี่ ทำไมต้องบีบบังคับท่านจอหงวนขนาดนั้นด้วยเจ้าคะ หากคนไม่อยากแต่ง ท่านจะฝืนบังคับเขาไปเพื่อการใดเจ้าคะ หากแต่งขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจนั่นจะไม่เป็นการทำร้ายลี่เอ๋อร์ของเราหรือ”

เซี่ยเว่ยรั้งร่างภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด เขาม้วนเส้นผมนางเล่นอย่างใจลอย “ฮูหยิน หลังจากนี้ข้าต้องกลับซันไห่แล้ว จากไปคราวนี้คงเกือบสิบปีกว่าข้าจะได้กลับมา เมื่อถึงตอนนั้นลี่เอ๋อร์ก็คงจะยี่สิบแปดเข้าไปแล้ว หากเจ้าถามข้า ข้ายินดีให้ลี่เอ๋อร์อยู่ในหมู่บ้านห่างไกลของฉางอันดีกว่าให้นางในวัยยี่สิบแปดไปตกเป็นสตรีรองมือรองเท้าพวกชนเผ่าด้านนอกนั่น”

ซ่งฮูหยินตัวสั่นสะท้าน เรื่องที่ไท่จื่อหมายตาลูกสาวนางไว้ นางย่อมรู้ดี แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับสามีที่ได้ชื่อว่าโดนพ่อตาบีบบังคับมา หากเป็นเช่นนั้นคนนอกจะมองลูกสาวนางอย่างไรกัน มิใช่ว่าลี่เอ๋อร์จะกลายเป็นสตรีหยาบช้าใช้อำนาจบิดาข่มเหงบุรุษให้มาเป็นสามีหรอกหรือ?

ท่านแม่ทัพอู๋ซานลูบท่อนแขนกลมกลึงของภรรยา “เซียนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงลูกสาวของเรา แต่ข้าก็ทั้งรักทั้งห่วงนางไม่แพ้เจ้าเลยสักนิดเดียว หากข้าไม่มั่นใจว่าจี้ชิงหยางเป็นคนดี ข้าจะไม่ชักนำเขาเข้ามาในชีวิตลูกสาวของเราอย่างเด็ดขาด เจ้าสามกับเจ้าสี่มีภาระหน้าที่ของตนเองที่ต้องกระทำ เจ้าในฐานะมารดาและฮูหยินเอกก็มีเรื่องต่าง ๆ ต้องจัดการ

ลี่เอ๋อร์เป็นเด็กซุกซน พวกเจ้าแม่ลูกดูแลนางไม่ไหวหรอก อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทเริ่มมองหาพันธมิตรแล้ว อีกไม่นานคงหาบุรุษสักชนเผ่าหนึ่งแล้วส่งลี่เอ๋อร์ออกไปแต่งด้วย เพราะฉะนั้นลี่เอ๋อร์แต่งกับจี้ชิงหยางได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

ซ่งฮูหยินน้ำตารื้น นางมีลูกกับสามีถึงเจ็ดคน เป็นชายเสียหกเป็นหญิงอีกหนึ่ง โชคไม่ดีนักเจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าห้ากับเจ้าหกล้วนล่วงหน้าไปรอนางที่เส้นทางหวงเฉวียนเสียแล้ว นางยังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดในดวงจิตราวกับมันถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยง ๆ ยามสามีหอบร่างไร้วิญญาณของเจ้าใหญ่กลับมายังจวนอ๋อง นางร่ำไห้อยู่สามเดือนเต็ม ๆ หลังจากนั้นก็เป็นเจ้ารอง เจ้าห้า เจ้าหก

ความรู้สึกเจ็บช้ำยามสูญเสียลูกมันมากมายแค่ไหนนางรู้ดี หากต้องทนมองลี่เอ๋อร์แต่งออกไปนอกด่าน นางก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน ที่นั่นไม่มีครอบครัวบิดา ไม่มีทั้งครอบครัวมารดา อีกทั้งไม่มีพี่ชายน้องชายคอยปกป้อง แล้วลูกสาวของนางจะยังมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร

ซ่งฮูหยินเช็ดน้ำตาที่เริ่มหยด นางกลั้นเสียงสะอื้น แม้จะรู้สึกสงสารจี้ชิงหยางที่ถูกสามีนางดึงเข้ามาร่วมแผนการ แต่ความรักลูกที่มีมากกว่าก็ทำให้นางมองข้ามไป “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านแม่ทัพกอดปลอบโยนภรรยาอยู่นาน เขาเอ่ยเสียงค่อย “ถึงจี้ชิงหยางจะไม่รักลี่เอ๋อร์ก็ไม่เป็นไร ข้าเคยพูดคุยกับเขามาไม่น้อย เขาไม่ใช่คนแล้งน้ำใจต้องดูแลลูกสาวเราเป็นอย่างดีแน่” เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

“เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดเขาถึงได้ตำแหน่งจอหงวน”

ซ่งฮูหยินพลันถูกหัวข้อนั้นดึงดูดความสนใจ นางตอบอย่างงุนงง “ไม่ใช่ว่าเขาฉลาดล้ำเลิศมากหรือเจ้าคะ เห็นว่ามีปัญญามากเสียจนปัดบุตรชายเสนาบดีเยี่ยไปเป็นปั๋งเหยียนได้”

“ใช่ เขาล้ำเลิศมาก” เซี่ยเว่ยพยักหน้ารับ

“เขาเข้ามาสอบครั้งแรกแต่กลับได้คะแนนดีเทียบเท่ากับคนที่เข้าสอบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ซ้ำการสอบหน้าพระที่นั่งเขาใช้กระดาษไปทั้งหมดเจ็ดร้อยกว่าแผ่น ตัวอักษรทั้งหมดนับรวมแล้วหลายหมื่นตัว ตาลายเสียจนพวกกรมพิธีการยังอ่านไม่หวาดไม่ไหว เขาใช้เวลาเขียนทั้งหมดนั่นสามวันสองคืน ระหว่างเขียนก็ไม่ได้ลุกไปไหนนอกจากลุกไปปลดเบาบ้างเป็นครั้งคราว ไม่วอกแวกสิ่งใดกระทั่งมีเสียงขานว่าฮ่องเต้เสด็จ เขาก็ไม่ลุกขึ้นทำความเคารพ”

ซ่งฮูหยินตาโต นางรู้ดีว่าพี่สิบของสามีเป็นพวกบ้าอำนาจ หากใครกระด้างกระเดื่องต่อหน้าเขาขึ้นมามีแต่จะวอดวายกันไปทั้งสกุล

“จริงหรือเจ้าคะ”

“อืม คราแรกเซี่ยเฉินก็หงุดหงิดพอดูแต่ก็ยังอยากจะลองอ่านคำตอบของเขาจึงปล่อยผ่านไป เขายังแอบคุยกับมู่กงกงว่าจี้ชิงหยางเป็นพวกอวดภูมิ เหตุใดถึงให้ผ่านมาถึงรอบพระที่นั่ง” ท่านแม่ทัพยกยิ้ม

“แต่เจ้ารู้ไหม ตอนที่เซี่ยเฉินได้กระดาษคำตอบของจี้ชิงหยางไป เขาตกใจจนแทบจะเป็นลม เด็กหนุ่มนั่นร่ายหลักการของขงจื้อได้ถูกต้องครบทุกกระบวนความ ซ้ำยังใส่บทวิพากษ์วิจารณ์ลงไปอีกยาวเหยียด เปรียบเทียบขงจื้อกับปรัชญาทางพุทธ ละเอียดละออถึงขั้นอัครเสนาบดีสกุลวั่งถึงกับออกปากว่าหากเขาเป็นผู้วางโครงสร้างการปกครองให้กับฉางอัน อีกห้าปีสิบปีข้างหน้า ฉางอันคงปราศจากโรคระบาดและภัยธรรมชาติ”

ซ่งฮูหยินรู้สึกเลื่อมใสในตัวว่าที่ลูกเขยมากขึ้นเรื่อย ๆ “ฮ่องเต้ถึงพยายามรั้งเขาไว้สินะเจ้าคะ”

“วิธีการของเขาแม้จะแปลกใหม่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง แต่มันก็รอบคอบรัดกุมแทบไม่มีช่องโหว่ จนเซี่ยเฉินสั่งให้เขาหยุดเขียนแล้วพาเขาไปสนทนาถกเถียงด้านในตำหนักอยู่ถึงสามชั่วยาม

หลังจากนั้นเขาก็ประกาศว่าจี้ชิงหยางเป็นทูตสวรรค์ที่เง็กเซียนฮ่องเต้ส่งมาให้ตนเอง สอบครั้งแรกตอนอายุยี่สิบหนาว มีวาสนาเอื้อมถึงจอหงวน ไม่มีทั้งคู่หมั้นและไม่เคยแต่งงาน ปฏิเสธแม่สื่อจากจวนขุนนางใหญ่โตไปหลายสิบครั้ง บิดามารดาล้มหายตายจากไร้คนข่มเหงสะใภ้ เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลี่เอ๋อร์แล้ว”

ทว่าซ่งฮูหยินกลับกลัดกลุ้มเรื่องใหม่แทน “เขาที่ฉลาดล้ำเลิศถึงเพียงนั้นจะต้องตาลี่เอ๋อร์ของพวกเราจริง ๆ หรือเจ้าคะ”

เซี่ยเว่ยยกยิ้ม “เขาไม่ต้องตาบุตรสาวเราก็ช่างปะไร ขอแค่ต้องตาอำนาจจวนเว่ยอ๋องที่จะคุ้มหัวเขาได้ก็พอแล้ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel