9 การิตา ประจบพระมารดา
พระขนงเรียวโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ว่าหญิงงามผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ ท่าทางเต็มไปด้วยลับลมคมใน เกรงว่าจะเป็นอันตราย ขยับเตรียมพระองค์ให้พร้อม รอดูท่าทีครู่หนึ่ง การิตาเคลื่อนร่างเข้าหา จับปลายพระบาทเอาไว้ พระนางอานีสะดุ้ง เบี่ยงปลายพระบาทออกห่างอย่างรวดเร็ว
“ขอพระราชทานอภัยที่ทำให้พระนางตกพระทัย”
“แน่ล่ะ จู่ๆ จับเท้าอย่างนี้ ให้ข้านิ่งเฉยเป็นหินได้อย่างไรเล่า”
“หม่อมฉันขอถวายงานรับใช้ เพคะ”
“หน้าที่นี้ มีคนทำอยู่แล้ว นั่นไงนางกำนัลทั้งสองรู้ใจข้าทุกอย่าง เจ้าอย่ามาแย่งงานพวกเขาเลย หากว่าไม่มีอะไรทำก็ควรพักแล้วรอจนกว่าลูกข้าจะกลับมา”
การิตารู้ว่าพระนางอานีไม่พอพระทัยที่นางก้าวก่ายหน้าที่ของผู้อื่น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าพระนางเข้มงวด เจ้าระเบียบในทุกๆ เรื่อง
จากพระสุรเสียงที่ตรัสออกมา ไม่ใส่ใจต่อนางแม้แต่น้อย จนรู้สึกไม่ดี ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทำความเคารพอีกครั้ง
“หม่อมฉันขอพระราชทานอภัย หากว่ากล่าวสิ่งไม่สมควรออกไป ระคายเคืองต่อพระยุคลบาท ขอรับโทษแต่เพียงผู้เดียว”
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ข้าต้องการพักผ่อน”
“ให้หม่อมฉันนวดเถิดเพคะ”
“ฮื่อ เจ้านี่ช่างตื๊อเสียจริง เอาเถิดหากว่าไม่เบื่อคนแก่ ตามใจก็แล้วกัน ข้าเองก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ใจจืดใจดำ ข้านอนล่ะนะ เจ้าอยากบีบจับตรงสิ่งไหนตามสะดวกก็แล้วกัน”
หลังจากการิตายืนยันที่จะปรนนิบัติพัดวีเช่นเดิม พระนางอานียอมทอดพระวรกายนอนลงบนพระแท่น ปล่อยให้การิตาบีบนวดตามส่วนต่างๆ หนักบ้าง เบาบ้าง เน้นกดลงในส่วนที่เห็นว่าพระนางคงจะปวดเมื่อย เพียงครู่เดียว ได้รับคำชมให้ชื่นใจ
“เจ้านี่เอาใจคนแก่เก่งนะ รู้ได้ยังไงว่าข้าชอบแบบนี้”
“หม่อมฉันเดาเอาเพคะ เหมือนท่านพ่อ ว่างไม่ได้เป็นต้องเรียกคนใช้มาบีบนวด บอกว่าสบายเนื้อตัวดี หม่อมฉันรู้ดังนั้น หัดนวดจนคล่องเพคะ”
“ข้ารู้มาว่า พ่อเจ้าเปลี่ยนหน้านางน้อยๆ บ่อยเหมือนกัน”
“เพคะ ในเมื่อเป็นความสุขของท่าน ไม่กล้าที่จะขัด อีกอย่างผู้หญิงพวกนั้นเต็มใจที่จะดูแลท่าน ไม่มีใครเรียกร้องให้เราลำบากใจ”
แม้ว่าการิตาจะอับอายต่อสิ่งที่บิดากระทำตนเป็นผู้มักมากในกามคุณ แต่หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธต่อความจริง ใครๆ ก็รู้ว่าท่านชอบสตรีสาว นำมาเป็นนางบำเรอ แต่ละคนล้วนแต่อายุน้อยๆ สลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย
สิ่งที่ทำให้นางไม่เดือดร้อนก็คือ ผู้หญิงทุกคนให้ความเคารพ ไม่ก้าวก่ายหรือทำท่าทีกระด้างกระเดื่องใส่
“นับว่าเป็นโชคของท่านอาซิฟ ภรรยาจากไปแล้วไม่เคยเหงา ต่างจากบางคนปล่อยชีวิตให้จมปลักอยู่กับความเศร้า นอกจากจิตใจหดหู่แล้ว ยังแก่กว่าวัย การิตา เจ้าเป็นสุดยอดกุลสตรีจริงๆ ใครได้เป็นภรรยานับว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล”
จู่ๆ พระนาอานีชมการิตาให้ชื่นฉ่ำใจ นางไม่รอช้าที่จะถามด้วยความลืมตัว
“พระนาง คิดว่าบุรุษที่ได้หม่อมฉันเป็นภรรยา เขาคือผู้ที่โชคดีหรือเพคะ”
“ใช่ เจ้าพร้อมทั้งรูปสมบัติ นามสมบัติ ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น ข้าดีใจที่เจ้าทำหน้าที่ดูแล ชีค อาดัมชาร์ บุตรชายแห่งข้า”
“หม่อมฉันดีใจที่พระนางชม ขอปฏิบัติทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”
“ถ้าหากว่าอาดัมชาร์มีบุตร เจ้าจะรังเกียจไหมที่จะให้เป็นพระพี่เลี้ยง คอยดูแลหลานของเรา”
มือที่กำลังบีบลงที่ปลายพระบาทหยุดชะงักทันที ใบหน้างามซีดเผือด ใจหายวาบต่อสิ่งที่รับฟัง ดวงตากะพริบถี่ๆ เมื่อรู้ว่ามีความร้อนฉาบฉายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พระนางตรัสอะไรเพคะ”
“ข้าถามเจ้าว่า ถ้าลูกชายเรามีลูก หมายถึงหลานของข้า ให้เจ้าเป็นพระพี่เลี้ยง ขัดข้องหรือไม่”
“ชีค อาดัมชาร์ ทรงพระอภิเษกหรือเพคะ”
“แน่ล่ะ อีกหน่อยก็ขึ้นครองราชย์แทน ชีค ซาอุด ต้องมีพระมเหสีคู่กายแล้วก็ต้องมีลูกตามมา ยินดีที่จะเป็นพี่เลี้ยงไหมล่ะ”
“ถ้าหากว่าเป็นพระประสงค์ของพระนาง หม่อมฉันยินดี เพคะ”
การิตาตอบรับด้วยใจที่สั่น น้ำตาแทบไหลออกมา รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพระชายา ชอกช้ำที่สุดก็ตรงที่กำลังได้รับมอบหมายให้เป็นพระพี่เลี้ยง เมินเสียเถอะ อย่าได้หวังว่าจะเลี้ยงลูกผู้หญิงที่มาเป็นมารหัวใจ เพียงแค่รับปากเอาไว้เท่านั้นเอง
“สตรีนางใดที่จะเป็นพระชายา เพคะ”
นางจะต้องสอบถามให้รู้ความจริงว่าใครคือผู้ที่จะก้าวมาขึ้นแท่นพระชายา ตำแหน่งที่นางหมายปองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ใครก็ตามที่มาแก่งแย่งจะต้องได้รับโทษอย่างสาหัส ไม่ยอมให้ใครช่วงชิงไปง่ายๆ