5 การิตาอยากเป็นพระชายา
เสียงเคาะประตูดังติดกันหลายครั้ง การิตาที่ซบหน้าลงกับหมอน หยุดเสียงร่ำหันทันที หันไปมองที่ประตูด้วยสายตาไม่สู้จะพอใจนัก
“ใครกันมากวนเรา ฮึ ใครใคร”
นางแผดเสียงถามด้วยอารมณ์โกรธที่ไม่อาจระงับเอาไว้ได้ บิดาผู้เป็นแม่ทัพหน้าตึงทันที นิสัยเอาแต่ใจของบุตรสาวไม่อาจแก้ไขได้ นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที ไม่รอช้าที่จะส่งเสียงบอกให้รู้ว่าเป็นตนเอง
“ใครกันที่จะกล้าเคาะห้องเจ้าในยามวิกาล”
“ท่านพ่อหรือ ข้าจะเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้”
การิตายกหลังมือปาดเช็ดคราบน้ำตาอย่างรวดเร็วและพาร่างงามที่มีแค่เพียงเสื้อคอกลมแขนสั้น ความยาวอยู่เหนือสะดือและกระโปรงยาวผ้าบางๆ ซึ่งเป็นชุดนอน เดินไปเปิดประตูให้แก่บิดาอย่างช้าๆ อาซิฟมองเห็นความเศร้าที่อยู่บนใบหน้าบุตรสาว ดวงตาคู่นั้นบวมแดงและช้ำ มีคราบน้ำตาชื้นฉ่ำที่ยังคงเลอะแก้มทั้งสองข้าง
“การิตา บอกพ่อ ใครทำให้เจ้าเสียใจขนาดนี้ พ่อจะไปจัดการมัน”
“ท่านพ่อ คิดหรือว่าจะทำได้”
“ทำไมทำเสียงหยามเยาะอย่างนั้นด้วยเล่า ไม่รู้หรืออย่างไร ว่าพ่อคือใคร แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัลคัสซาร์เชียวนะ”
เขากล่าวอวดศักดาแห่งตนให้บุตรสาวได้อุ่นใจ ว่าไม่มีใครกล้ากำแหง ทว่า นางกลับยิ้มหยันๆ เดินไปยังเตียงที่อยู่ชิดติดกับมุมห้อง เสียงกระพรวนที่ข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊ง อาซิฟเดินตามแล้วนั่งเคียงคู่กัน
“ไม่จริงหรอกท่านพ่อ มีคนที่ใหญ่กว่าท่านอีก”
“ใครกัน เดี๋ยวนี้มีผู้ที่กระทำตนเหนือกว่าข้างั้นหรือ”
“เฮอะ! ท่านพ่อ ลืมแล้วหรือไร ว่าแผ่นดินนี้ปกครองด้วย ชีค ซาอุดกับพระนางอานี แล้วยังมี ชีค อาดัมชาร์ นักรบผู้เกรียงไกร”
“นี่ เจ้า เจ้าหมายความว่า ชีคสองพระองค์หรือพระนางอานี รังแกงั้นหรือ”
“ท่านผู้ครองแผ่นดินทั้งสองมีทศพิธราชธรรมมากพอที่จะไม่รังแกข้าบาทอย่างข้าหรอก ยกเว้น ชีคนักรบ อาดัมชาร์”
“อะไรนะ ชีค อาดัมชาร์ ทำอะไรเจ้า บอกมา หรือว่าข่มแหงด้วยกำลัง นี่หมายความว่าเจ้ากลายเป็นบาทบาริจาริกาในพระองค์ไปแล้ว”
แม่ทัพใหญ่ตระหนกจนเสียหน้าเผือด ดวงตาเบิกกว้าง แต่เพียงครู่เดียวคลายจากอาการเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นยิ้มสดชื่น จับบ่าทั้งสองข้างของบุตรสาวด้วยความดีใจ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าดีที่สุด ข้าจะกราบทูลทั้งสองพระองค์ให้ทราบเรื่องแล้วแต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายา”
“หากว่าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ ข้าคงไม่ต้องมานั่งร่ำไห้เหมือนคนเสียสติเช่นนี้หรอก”
“อ้าว! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้ายังไม่เสียตัวแด่พระองค์หรือ”
“โธ่ ท่านพ่อ อยากให้ข้าเสียตัวซะจริง ข้าไม่ได้พลาดพลั้งหรอก ทั้งที่อยากให้เป็นเช่นนั้นใจแทบขาด พระองค์ไม่เคยแยแสต่อความงามของข้าเลย นอกจากเมินเฉยแล้วยังตรัสให้เจ็บปวดหัวใจจนต้องมานอนร้องไห้อย่างที่เห็นนี่แหละ”
เมื่อความจริงถูกเปิดเผยขึ้น ผู้เป็นบิดาถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมให้บุตรสาวได้เป็นพระชายา ทั้งที่เขาเองก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน สั่งเป็นสั่งตายให้แก่ผู้คนโดยไม่มีใครกล้าเอาความ
ทว่า ไม่อาจช่วยบุตรสาวให้สมหวัง นี่คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่จะต้องทำให้ได้ แม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
“ลูกเอ๋ย เจ้าจะต้องอดทน รออีกสักนิด ให้พ่อหาวิธีที่จะทำให้เจ้าสมความปรารถนา”
“ท่านพ่อ พูดอย่างนี้บ่อยเสียจนข้าไม่อยากได้ยิน แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่ที่จะได้เป็นพระชายาเสียที”
“การิตา อย่าเอ็ดไป ไม่อายบ่าวไพร่บ้างเลย เราเป็นหญิงต้องรู้จักสำรวมตนเอาไว้บ้าง ได้ยินไหม อย่าเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ผู้ที่จะขึ้นครองเคียงคู่กับพระองค์นั้นจะต้องงามทั้งกาย ใจ จิตสงบและสำรวม”
“ท่านพ่อกำลังว่าข้าเป็นหญิงที่มีจิตสกปรก”
บุตรสาวเค้นเสียงหนัก ตาวาววับ ไม่ยอมรับความจริงในตัวตน มือทั้งสองข้างดึงทึ้งกระโปรงผ้าบางแรงๆ จนเกิดรอยปริ เกือบฉีกขาด อาซิฟเห็นดังนั้น ฉวยข้อมือเล็กบางเอาไว้ จ้องหน้าทำตาถมึง ทว่า บุตรสาวยังแสดงแสดงกิริยาไม่สมควรออกมาให้เห็น นางยกมือที่เหลืออีกข้างขยี้เส้นผมสีดำของตนเองจนยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง
“หยุดเสียทีได้ไหม การิตา”
“ท่านพ่อ เสียงดังกับข้าอีกแล้วนะ”
“ใช่ ข้าเสียงดังใส่เจ้าเพราะกระทำตนไม่สมควร ถ้าจะเป็นพระชายาต้องวางตัวให้ดี”
“ท่านพ่อว่าข้าเลว”