บท
ตั้งค่า

3 การิตาพร้อมพลีกาย

ผู้นำจะต้องเข้มแข็งตลอดเวลา แม้ว่าถึงวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิต

โต๊ปสีเข้มที่ผูกมัดด้วยเชือกที่ทำจากผ้าเพื่อความรัดกุมในการปฏิบัติหน้าที่ถูกถอดออกอย่างช้าๆ แผงอกกำยำมีเส้นขนสีดำอ่อนนุ่มขึ้นพระอุระที่แน่นตึงด้วยกล้ามแกร่ง แสดงออกถึงความเป็นบุรุษเจ้าเสน่ห์

พระภูษาผืนยาวสีขาวนำมานุ่งเพื่อเข้าไปสรงน้ำ รู้ว่านางกำนัลจะต้องเตรียมน้ำอุ่นโรยด้วยกลีบบุปผาหอมๆ เอาไว้ทุกครั้งที่พระองค์กลับเข้ามา

พระวรกายกำยำทรงพระราชดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้าไปในห้องสรง ผงะด้วยความตกพระทัยที่เห็นการิตาบุตรีอาซิฟนั่งก้มหน้าอยู่กับพื้น เนื้อตัวนางมีผ้าสีขาวบางๆ พันรัดรอบเอาไว้เท่านั้น

ทำราวกับว่าจะลงมาอยู่ในอ่างน้ำด้วยกัน นางมีจุดประสงค์ที่จะถวายเรือนร่างแด่พระองค์โดยเฉพาะ

พระขนงเข้มหนาขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ ผู้หญิงคนนี้ทำเกินไป ไม่มีความละอายแก่ใจแม้แต่น้อย

ความเป็นกุลสตรีหายไปไหน ไร้ยางอาย กล้าที่จะเชิญชวนบุรุษให้ละเมิดล้ำความเป็นหญิงของตน นี่หรือคือหญิงชั้นสูง

พระองค์ตรึงพระบาทนิ่ง พระเนตรขุ่นเขียวจ้องร่างงามอวบอิ่มนิ่งๆ ซ่อนความไม่พอพระทัยเอาไว้ การิตาค่อยๆ เงยหน้างามซึ้งขึ้นมาสบพระเนตรที่ยังคงจับจ้องวาววับ เข้าใจว่าพระองค์คงจะมีความเสน่หาในตนเอง

ปลายนิ้วเรียวสวยลูบลงที่ใบหน้า เลื่อนลงมาที่ลำคอระหง ทำนัยน์ตาหยาดเยิ้ม ส่งยิ้มหวาน ริมฝีปากอวบเผยอเล็กน้อย พระองค์มองตามปลายนิ้วที่ไล้ลงมาจนถึงที่ทรวงอกอวบสล้างทั้งสองข้าง แม้ว่ามีผ้าปิดกั้นเอาไว้แต่ก็รับรู้ว่าภายในปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้ม

“เจ้าเข้ามาในห้องสรงทำไม”

พระสุรเสียงเข้มหนักเสียจนสาวงามสะดุ้ง หยุดชะงักการยั่วยวน ใจเต้นตูมตามด้วยความตกใจ มือทั้งสองวางเอาไว้บนตักสั่นอย่างเห็นได้ชัด รีบตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“เอ่อ อ่า หม่อมฉันเข้ามาช่วยพระองค์สรงน้ำเพคะ”

“ไม่ต้อง ข้าอาบน้ำเองได้ ไม่ใช่เด็กทารกที่จะต้องมีคนมาช่วยชโลมลูบ ออกไปซะ”

“หม่อมฉันยินดีที่จะขัดพระฉวีและนวดเพื่อให้เส้นเอ็นผ่อนคลาย”

“ข้าบอกเจ้าแล้ว การิตา ว่าไม่ต้อง ข้าต้องการที่จะแช่น้ำเพียงผู้เดียว ต่อจากนี้เป็นต้นไปห้ามเข้ามายุ่มย่ามในขณะที่ข้าอาบน้ำแล้วก็อย่าใส่ผ้าอุจาดแบบนี้ให้ข้าเห็นอีกเป็นอันขาด อัปยศสายตาสิ้นดี”

“อะ อะไร นะเพคะ พระองค์ว่าเป็นผ้าอุจาด”

หญิงสาวละล่ำละลักถามด้วยริมฝีปากสั่นๆ ด้วยความกลัว รู้ว่า ชีค อาดัมชาร์ กำลังกริ้วขนาดหนักต่อการนุ่งห่มผ้าขาวผืนบางของตน รีบก้มหน้าลงไปที่พื้นเป็นการขอโทษ ทว่า พระองค์กลับตวาดหนักยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาทำท่าอย่างนี้ ข้าบอกให้เจ้าออกไป แล้วอย่าให้เห็นอีกเป็นครั้งที่สอง”

“พระองค์รังเกียจหม่อมฉันขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งที่หม่อมฉันปรนนิบัติด้วยหัวใจ ไม่คิดเลยว่าพระองค์จะ จะกริ้ว”

“ไม่ต้องพูดมากให้รำคาญใจ ข้าคือบุรุษนักรบ ต้องการความสงบเพียงอย่างเดียว หากว่าไม่เรียก อย่าแส่เข้ามาเด็ดขาด”

ทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์รูปกระจับ เชือดเฉือนหัวใจแทบสลายขาดเว้าแหว่งเป็นชิ้นๆ การิตาปล่อยน้ำตาใสวาวไหลอาบแก้มอิ่มทั้งสองข้าง คิดเข้าข้างตัวเองว่าน้ำตาคือสิ่งเดียวที่ช่วยให้ชีคหนุ่มพระทัยอ่อน

ทว่า กลับไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์มองด้วยความชิงชัง รับรู้ถึงความดื้อด้านของหญิงงามที่ยังไม่ล่าถอยออกไป แม้ว่าถูกไล่แล้วก็ตาม

“ข้าพูดกับเจ้าดีแล้วนะ การิตา เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป”

“พระองค์ ขอให้หม่อมฉันได้ดูแลขณะที่สรงน้ำเถิดเพคะ แค่เพียงขัดพระบาทก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง ให้หญิงผู้ต่ำต้อยเช่นหม่อมฉันทำหน้าที่นี้เถิดเพคะ”

“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีที่งามแค่เพียงรูปกายเท่านั้น สมองกลับเล็กฝ่อลีบเท่าเมล็ดงา จนป่านนี้แล้ว ยังดื้อดึงที่จะอยู่ในห้องนี้อีก คิดไม่ถึงเลยว่านี่หรือคือบุตรีแห่งท่านอาซิฟแม่ทัพใหญ่ผู้มากด้วยตำแหน่งโต ใครๆ ต่างยกยอเจ้าว่าเป็นสตรีชั้นสูง กลับกระทำตัวเยี่ยงบาทบริจาริกา ผู้คนพากันรังเกียจ”

เจ็บปวดจนแทบขาดใจ การิตาปล่อยน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น เรือนร่างไหวสะท้านด้วยแรงสะอื้น มองพระพักตร์บุรุษรูปงามผู้สูงศักดิ์ ไม่คิดว่าพระองค์จะมีวาจาร้ายกาจจนถึงขั้นทำลายความรู้สึกสตรีให้เจ็บปวด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel