2 การิตาบุตรีแห่งอาซิฟ
“บุรุษผู้สง่างาม ข้าเท่านั้นที่จะได้เป็นพระชายา ในอัลคัสซาร์ ไม่มีใครอีกแล้วที่เหมาะสมเท่ากับข้า”
นางคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นหญิงผู้เลอเลิศ พยายามที่จะวางตัวให้สง่างามราวกับเจ้าหญิง ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เชิดหน้าสูง ใบหน้าเรียบนิ่ง มองเหล่านางกำนัลด้วยดวงตาที่ดุเข้ม แต่ละนางหมอบกรานอยู่ข้างๆ มองการิตาอย่างงงๆ บางคนพยักพเยิดให้กัน เป็นที่รู้กันว่าการิตาคิดอะไรกับองค์รัชทายาทแห่งอัลคัสซาร์
หญิงผู้ใฝ่สูงเกินศักดิ์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเดินราวกับนางหงส์ ขยับเยื้องย่างเอวไปมายืดคอ ลอยหน้าลอยตาเป็นที่ขบขัน กระทั่งมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น
“นี่พวกเจ้า หัวเราะอะไร”
อารมณ์ที่กำลังเพริดหยุดชะงักทันควัน หันขวับจ้องหน้านางกำนัลด้วยตาเขียวเข้มและข่มไปในตัว
หวังว่าจะกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของบุตรีแห่งแม่ทัพ กลับมีนางกำนัลเรือนร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน ใบหน้าสวยผุดผาดกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
“การที่พวกเราหัวเราะ มันทำให้แม่นางผู้เป็นหัวหน้าระคายเคืองงั้นหรือ”
“ใช่ ข้ามีความรู้สึกว่า พวกเจ้าหัวเราะเยาะข้า”
“แม่นางทำอะไรเป็นที่ขบขันล่ะ หรือว่าระแวงไปเอง เราก็แค่คุยแล้วหัวเราะเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับแม่นางแม้แต่น้อย”
นางกำนัลพยายามเลี่ยงที่จะปะทะคารมกับบุตรสาวแม่ทัพ รู้ว่าหญิงผู้นี้มักจะหาเรื่องกับนางกำนัลผู้ที่ดำรงตำแหน่งด้อยกว่าตัวเอง ให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งวาจาและร่างกาย ด้วยเหตุนี้นางไม่สามารถเข้ากับใครได้
มีแต่คนเมินหนี นอกจากงานที่การิตาสั่งมอบให้ในฐานะหัวหน้าเท่านั้น ถ้าจะให้นบนอบด้วยหัวใจนั้นอย่าได้หมาย
ครั้งนี้เช่นกัน ทุกคนรู้ดีว่าการิตาพยายามวางตัวเชิดหยิ่ง หวังนั่งตำแหน่งพระชายาใน ชีค อาดัมชาร์ นางกำนัลรู้เท่าทันพากันหัวเราะ นางถามด้วยความไม่พอใจเพราะเชื่อว่าทุกคนหัวเราะเยาะ
“อย่าให้จับได้ก็แล้วกันว่าหยามเยาะข้าจะได้รับโทษถ้วนหน้าทุกคน พวกเจ้าออกไปได้แล้วไม่ต้องมารับใช้ ข้าจะดูแลพระองค์เอง”
“เวลานี้ ชีค อาดัมชาร์ คงกำลังเข้าที่บรรทม”
“อย่าสู่รู้ พระองค์จะต้องสรงน้ำก่อน ข้าเตรียมเครื่องหอม บุหงา แห้งสดและจุดไม้หอม พระองค์จะต้องสดชื่น หายเหนื่อยเพลีย”
“แม่นางจะเข้าไปรับใช้พระองค์ถึงในห้องสรงเลยหรือ”
นางกำนัลร่างใหญ่ถามด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ คิดไม่ถึงว่าการิตาจะอาจหาญถึงเพียงนั้นและเห็นหญิงสาวหัวเราะ ดวงตาทอประกายวับวาว
“ใช่ ข้าจะเข้าไปดูแลและปรนนิบัติพระองค์ อย่างชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมให้ขาดตกบกพร่องเชียวล่ะ”
“โอ ข้าก็หวังว่าพระองค์ทรงโปรดต่อการดูแลของนาง”
“นี่เจ้า หาว่าพระองค์ไม่โปรดข้างั้นหรือ มันจะมากเกินไปแล้วนะ คนอย่างข้า การิตาหญิงผู้สูงศักดิ์ บุตรีท่านอาซิฟ แม่ทัพแห่งอัลคัสซาร์ ไม่มีใครกล้ากล่าวเช่นนี้ เอาเถอะวันนี้อารมณ์ข้าดี ปล่อยไปก่อน อย่าได้หมายว่าจะได้ยินเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด”
“ข้า ข้าขอโทษ แม่นางอภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“ไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
การิตาไล่นางกำนัลร่างใหญ่ด้วยเสียงเกรี้ยวกราดและกวาดตามองไปรอบๆ เหล่านางกำนัลพากันก้มหน้านิ่ง หญิงงามหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ เมื่อรู้ว่าบังคับผู้คนให้ยอมศิโรราบได้ ไม่มีใครกล้าต่อกร
ความยิ่งใหญ่ของบิดาช่วยคุ้มครองนางให้ผู้อื่นไม่กล้าหือ เกรงบารมีที่ล้นฟ้า พวกผู้หญิงในพระราชวังไม่เท่าไหร่ แต่ทหารชาตินักรบคือสิ่งสำคัญ นางจะต้องทำให้พวกเขายอมรับก่อนที่จะก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งพระชายา
ภายในห้องพระบรรทมที่ตกแต่งสวยงามอลังการด้วยงานฝีมือเครื่องทอง แสงสว่างจากตะเกียงทั้งสองที่ติดอยู่ข้างเสากลมใหญ่ทำเป็นรูปหัวสิงห์สีทองอร่ามตา ภายในหล่อด้วยน้ำมันจากไขมันสัตว์ ทอประกายมลังเมลืองสีเหลืองจัดจ้า รัชทายาทคลี่ชีมัคสีเข้มที่โพกพระเศียรออกอย่างช้าๆ ใบหน้าเข้มงามมองไปที่กระจกเงาบานใหญ่กรอบทองลวดลายเครือเถาไม้ เห็นถึงความอิดโรยของพระพักตร์
ฝ่าพระหัตถ์ลูบไล้ใต้พระเนตรช้าๆ แสงแดดที่แผดเผาอย่างรุนแรง ในขณะติดตามล่าผู้บุกรุกเกือบทั้งนั้น
ส่งผลให้อ่อนเพลียจนแทบสิ้นแรง เมื่อต่อสู้แบบตัวต่อตัว ใช้พละกำลังมาก ชีคหนุ่มแทบสิ้นแรง แต่ไม่แสดงให้ทหารได้รับรู้ กลัวจะเสียกำลังใจ