19 อูฐมาตายที่สุสาน
“ข้าจะเป็นผู้จุดเอง”
ผู้ติดตามรูปร่างใหญ่กำยำ อาสาทำหน้าที่นี้เพียงผู้เดียว เนดาหันไปมอง ก่อนจะยิ้มให้ด้วยความพึงพอใจ เมื่อคบไฟถูกจุดขึ้น ความสว่างบรรเจิดจ้า นางรับมาถือหนึ่งอัน แม้ว่าพระอาทิตย์ยังไม่ทันลับจมหายไปกับเนินทราย แต่ความมืดสลัวกำลังเกิดขึ้น
แสงสว่างจากคบไฟช่วยได้มาก ทั้งสามมุงหน้าเข้าไปภายในโอเอซิสที่อยู่เบื้องหน้า เจ้าคนรูปร่างผอมยืนแข้งขาสั่นด้วยความกลัว เสียงนกอะไรบางอย่างร้องพร้อมกับบินฉวัดเฉวียนเข้ามาใกล้ๆ เกือบเฉี่ยวศีรษะ เจ้าคนขี้กลัวสะดุ้งโหยง ส่งเสียงร้องออกมาดังๆ
“เฮ้ย! ช่วยด้วย กลัว กลัวแล้ว”
แต่ไม่ใครได้ยิน เพราะทุกคนเดินห่างออกไปทุกทีและกลืนหายไปกับความมืด คนตัวผอมหัวใจแทบวาย ทรุดลงไปกองที่พื้นด้วยความกลัว พร้อมกันนั้นคว้าผ้ามาคลุมร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขดร่างอันสั่นเทาเข้าหากัน
ลมอะไรบางอย่างวูบลงมาใกล้ๆ กับใบหน้า ราวกับว่าอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองในระยะกะชั้นชิด หนุ่มร่างผอมร้องเสียงดังด้วยความกลัว ยกสองมือดันออกไปข้างหน้าเต็มแรง
“เฮ้ย! อย่าทำอะไรข้านะ”
เนื้อนุ่มหยุ่นเต็มไปด้วยขนหยาบสาก ตามด้วยเสียงร้องฮี่ๆ เขาพ่นลมหายใจออกมา เมื่อรู้ว่าลมที่ปะทะลงมานั้นคือลมหายใจของม้า
“โธ่เอ๊ย ม้านี่เอง ข้าคิดว่าเป็นผีเสียอีก เฮ้อ อย่างน้อยก็มีพวกเจ้าเป็นเพื่อน ให้คลายความกลัวลงไปบ้าง”
ความกลัวเมื่อครู่เริ่มจางหายไป พยายามบอกกับตัวเองว่าผีไม่มีจริง นอกจากตัวเองที่คิดไปเอง ความมืดและเงียบ ช่วยในการสร้างจินตนาการให้กลายเป็นความกลัว กระนั้นก็ตามเสียงลมพัดหวีดหวิวที่ดังตลอดเวลา
สิ่งนี้ทำให้บุรุษร่างผอมใจเสีย โน้มลำคอม้าตัวพ่วงพีให้ล้มลงนั่ง กอดมันเอาไว้แน่น ไม่ใส่ใจต่อกลิ่นเหม็นสาบสาง
ขอแค่เพียงช่วยลดความกลัว ม้าสามตัวที่เหลือได้พากันเดินมานอนรอบๆ ตัวเขา กลิ่นเหม็นสาบทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที จนแทบจะอาเจียน แต่ก็ทนสะกดกลั้น รู้ว่าดีกว่าอยู่เพียงโดดเดี่ยวผู้เดียว
เวลานี้ม้าคือเพื่อนดีที่สุด ต่อจากนี้ไปจะรักพวกมันให้มากกว่าเดิม
ความมืดเมื่อครอบคลุมไปทั่วภายนอาณาบริเวณโอเอซิสที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงของซากสัตว์อะไรบางอย่าง ตายสะสมทับกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเสียงแมลงที่รุมตอมกินซากเหล่านั้น ดังประสานเสียงสั่นประสาทแก่ผู้ที่เหยียบย่างเข้ามา
เนดาแทบจะอาเจียนออกมาเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อลมหอมพัดเอาความเหม็นเข้ามาปะทะจมูก หน้ามืด เกือบจะเป็นลมให้ได้ ความเหม็นอย่างรุนแรงที่ได้รับ ทำเอาหูตาลาย ยืนนิ่งๆ ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง กระชับผ้าปิดจมูกให้แน่นเข้า
หลังจากเริ่มชินกับกลิ่นเหม็น หันมามองสองผู้พิทักษ์เห็นว่าพากันนั่งยองๆ โก่งคออาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง เนดารู้สึกผิดไม่น้อยที่พาพวกเขามาลำบาก ร่ำๆ จะกลับออกๆ ไป แต่แล้วเสียงร้องจากอะไรบางอย่างแทรกขึ้นมา ทุกขึ้นหยุดการเคลื่อนไหว
“เอ๊ะ! เสียงอะไร”
“นั่นสิ นายหญิง เสียงร้องแล้วก็เดินตรงมาทางนี้ด้วย หลบก่อนเถิด”
เนดาไม่รอช้ากระโจนหลบหลังต้นไม้ใหญ่พร้อมกับลูกน้องทั้งสองคน เมื่อรู้ว่าอยู่ในที่ปลอดภัย พากันโผล่หน้าขึ้นมา มองฝ่าความมืด คบไฟอันเมื่อครู่วางพิงกับก้อนหินใหญ่ ยังคงให้แสงสว่างเช่นเดิม
“อะไรน่ะ ดำมืดเป็นเงาตะคุ่มๆ ใกล้เข้ามาแล้ว พวกดูซิว่ามันคืออะไรกันแน่”
เนดากล่าวพลางจ้องมองตาไม่กะพริบ รวมทั้งผู้พิทักษ์ทั้งสอง มีความรู้สึกว่ากลัวเสียจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หากว่าไม่มีเนดา พวกเขาคงจะพากันเผ่นออกไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเนดาต้องการมาที่นี่ เพียงแค่มาดูสุสานแห่งความตายของอูฐ นอกจากความวังเวงน่ากลัว กลิ่นเห็นเน่าที่อวลรอบๆ ตัว แทบไม่มีอากาสบริสุทธิ์หายใจ
“นายหญิง ข้าว่ามันคืออูฐ”
“ใช่แล้ว เดินช้ามาก ราวกับว่าสิ้นแรง ดูขามันสิ เอียงเอนไปมา”
“ใช่ นี่คือวาระสุดท้ายของพวกมัน อาจจะหลงทางมา และรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือสุสาน จึงดั้นด้นเข้ามา โอ ขอให้ดวงวิญญาณของพวกเจ้า จงไปสู่สุขคติด้วยเถิด”
เนดาส่งจิตไปให้แด่ดวงวิญญาณอูฐทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ให้ได้รับความสงบสุขในสัมปรายภพ
อูฐถึงฆาตตัวนั้นยังคงเดินลากขาเช่นเดิม และเอียงล้มลง เนดาใจหายวาบ สงสารจนน้ำตาร่วง รู้ว่ามันทรมานมากเพราะยังไม่ขาดใจในทันที กระเสือกกระสนคลานไปข้างหน้า ในลักษณะไถลตัวไปด้วยความยากลำบาก