18 เนดามาสุสานอูฐ
นาจิปริมารักหญิงที่เหนือกว่า แม้ว่าแม่ทัพอาซิฟแค้นเคืองสักเพียงไหน แต่ไม่อาจทำอะไรได้เพราะรู้ว่าเป็นคนโปรดในองค์รัชทายาท
“เจ็บใจนัก ข้าทำอะไรมันไม่ได้เลย”
“ทำไมหรือท่านพ่อ ในเมื่อท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ จัดการได้อย่าแล้ว เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”
“ข้าเองก็อยากทำเช่นนั้น ติดขัดอยู่ตรงที่ว่า เจ้านาจิปมันเป็นองครักษ์ ใน ชีค อาดัมชาร์น่ะสิ ใครก็ตามที่แตะต้องคนของพระองค์จะต้องได้รับโทษอย่างหนัก”
“ติดขัดอยู่ตรงนี้เอง ข้าก็เกลียดหน้ามันที่สุด เหตุใดนะถึงต้องมายุ่งเกี่ยวในชีวิตข้าด้วย ทั้งที่ข้าเองก็หวังที่จะเคียงคู่กับผู้ที่สูงกว่า”
“มันรู้หรือไม่ว่าเจ้าปรารถนาต่อองค์อาดัมชาร์”
คำถามจากบิดาผู้หญิงใหญ่ หญิงงามถอนใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าไปมา เพราะนางไม่ได้แสดงให้นาจิปรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจตนเอง ในแต่ละครั้งที่ถวายงานต่อ ชีค อาดัมชาร์ นาจิปจะเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไม่เข้ามาภายใน เว้นแต่ว่าพระองค์รับสั่งหา
“คงไม่รู้ ถึงจะรู้ข้าไม่แยแสอยู่แล้ว คนอย่างเขาในสายตาข้าเป็นแค่เพียงเศษเถ้าธุลีดินเท่านั้น ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด”
“ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนี้ ข้าพยายามที่จะหาทางปราม ไม่ให้เข้าใกล้เจ้าหรือไม่ก็พูดให้เจ็บปวดใจบ่อยๆ อีกหน่อยก็รามือไปเอง”
“ข้าขอบคุณท่านพ่อมาก หากว่าข้าได้ขึ้นเป็นพระชายาเมื่อไหร่ จงจำเอาไว้เถิดว่า พ่อก็จะสบายไปด้วย”
“ทุกวันนี้ข้าก็มีตำแหน่งสูงสุดอยู่แล้ว หากว่าได้บารมีเจ้ามาเสริม คงจะดีกว่านี้ อ้าว นั่นนังคนใช้ มันถืออ่างอะไร เก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้อง”
อาซิฟตวาดด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นคนรับใช้อยู่หน้าห้อง เข้าใจผิด คิดว่าแอบฟังคำสนทนา ทำท่าจะเข้าไปเล่นงาน การิตารีบห้ามทันที
“เดี๋ยวก่อนท่านพ่อ อย่าทำอะไรมันเลย”
“ทำไมล่ะ ข้าไม่ชอบให้ใครมาฟัง เวลาที่เราคุยกัน”
“ข้าเห็นมันอยู่ที่หน้าห้อง หลังจากที่ท่านพูดจบแล้ว ข้าใช้ให้มันขัดเท้ากับเฮนน่าสีให้ดูอ่อนเยาว์ เจ้าเข้ามาได้ ไม่ต้องกลัว”
การิตาเรียกสาวใช้เข้ามาทันที หลังจากเห็นว่านางตกใจกลัว นั่งแประลงกับพื้น ก้มหน้านิ่ง เนื้อตัวสั่นเทา เคยเห็นเวลาอาซิฟโกรธ รู้ว่าอารมณ์ร้ายน่ากลัว ลงโทษผู้ที่กระทำอย่างรุนแรง บางคนเดินไม่ได้เป็นเวลานานนับเดือน
คนรับใช้เงยหน้าขึ้น มองสองพ่อลูกอย่างขลาดๆ ประคองอ่างใบขนาดย่อมเข้ามาวางอยู่ปลายเตียง การิตาลุกขึ้นนั่ง แช่เท้าทั้งสองข้างลงในอ่างทันที บิดาเห็นดังนั้นเดินออกไปอย่างขุ่นมัวเพราะไม่พอใจที่รู้ว่านาจิปพึงใจบุตรสาวของตน
ตะวันอ่อนแสงลงมามากแล้ว อีกไม่นานความมืดก็เข้ามาเยือนพร้อมกับความหนาวเย็นของอากาศที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ต่างจากเวลากลางวัน ร้อนจนผิวแทบไหม้ ผู้ที่อยู่บนทะเลทรายรู้ดีว่าจะต้องปฏิบัติตนเช่นไร
ม้าทั้งสี่ตัวที่วิ่งมาด้วยความเร็ว หยุดชะงักอย่างกะทันหัน เมื่อผู้บังคับดึงเชือกแล้วรั้งเอาไว้ บอกให้รู้ว่าให้ตรึงเท้าอยู่กับที่ กระนั้นเท้าของพวกมันยังคงขยับยกขึ้นลง แหงนเงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องออกมาดังๆ
เนดายกฝ่ามือนุ่มตบลงที่แผงคอม้าคู่ชีพเพียงเบาๆ มันหยุดส่งเสียง เปลี่ยนท่าทีเป็นสงบนิ่ง เช่นเดียวกับม้าทั้งสาม นิ่งราวกับนัดกันเอาไว้
ทิวยอดไม้ที่เห็นเรียงรายอยู่ข้างหน้า ทุกคนรับรู้ว่าถึงโอเอซิสที่เป็นสุสานอูฐ ความกลัวเข้ามาเกาะกุมหัวใจชายทั้งสาม มองหน้ากัน ทำท่าสะบัดร้อนสะบัดหนาว
“ถึงเสียที หลังจากเดินทางเป็นเวลานาน เรามีเวลาไม่มากนักที่จะเข้าไปภายใน เร็วเข้าเถอะ ก่อนที่พระอาทิตย์จะดับ”
“นายหญิง แน่ใจหรือว่าจะเข้าไปในสุสานแห่งนี้”
“เจ้านี่ คงพูดไม่รู้เรื่องแล้วมั้ง มาจนถึงที่แล้ว ยังไม่เข้าไปอีก หรือว่าจะเฝ้าม้า ข้ามอบหน้าที่นี้ให้แก่เจ้า”
เนดาเริ่มรำคาญที่เห็นผู้ติดตามแสดงอาการขี้ขลาดตาขาวออกมา ลบความเป็นผู้ชายออกไปในความรู้สึก หญิงงามกระโดดลงจากหลังม้า พลางยื่นปลายเชือกม้าของตนให้แก่เจ้าคนขี้กลัว เพื่อนทั้งสองปฏิบัติเช่นกัน
“เอ่อ ให้ข้าเฝ้าม้าเพียงผู้เดียวหรือ”
“ใช่ ในเมื่อไม่กล้าเข้าไปในโอเอซิส เจ้าก็ทำหน้าที่นี้ อย่าให้ม้าหลุดหนีออกไปเด็ดขาด”
“นายหญิง เราไม่ได้จุดคบไฟ ข้าคงอยู่ในความมืดอันวังเวงเพียงลำพังไม่ได้แน่”
“อ้อ ที่แท้กลัวความมืดนี่เอง เอาเถอะ ข้าจะให้คบไฟแก่เจ้าหนึ่งอัน จุดแล้วปักลงบนเนินทรายตรงนั้น”