15 นาจิปผู้หลงรักการิตา
“พระนาง จะได้อภิเษกสมรสกับ ชีค อาดัมชาร์”
“เรื่องนั้นข้ายังบอกไม่ได้ อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน ข้าจะทำเช่นไร”
“เหนือหัวเจ้าคงต้องให้พระนางเดินทางไปอัลคัสซาร์”
นางกำนัลคนสนิทออกความเห็น เกี่ยวดับเรื่องนี้ เจ้าหญิงพาซาเรถอนพระทัยเฮือกใหญ่ เศร้าต่อสถานะบ้านเมืองและตนเองที่ขึ้นตรงต่ออัลคัสซาร์ ในระหว่างนี้ไม่ปรารถนาที่จะไปไหนทั้งสิ้น อยู่อย่างเจียมพระองค์
ครั้นมีสาส์นจากเมืองผู้เป็นใหญ่ รับสั่งให้ไปพำนัก ณ ที่นั้น พระนางคงต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
“ข้าไม่อาจที่จะบิดพลิ้วได้ ชีวิตเจ้าหญิงเมืองเชลยเช่นข้า สั่งให้ตายก็ต้องทำตามนั้น”
“พระนาง เรื่องคงไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น”
“ใครจะรู้ล่วงหน้า ข้าก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ รอให้ทางอัลคัสซาร์มารับตัว เฮ้อ ข้ากลัวว่าจะเจอเรื่องร้ายๆ ไม่รู้ว่าจะตั้งรับเช่นไร”
“พวกหม่อมฉันยินดีที่จะอยู่แทบพระบาทพระนางแม้ว่าสุขหรือทุกข์”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก เราเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร เกิดเป็นหญิงแท้จริงลำบาก หากว่าเป็นบุรุษ บางทีเมืองนี้คงไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของผู้อื่น”
เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ตรัสด้วยความน้อยพระทัยที่ไม่อาจช่วยบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากอิสระ เจ็บปวดไม่น้อยที่เห็นทหารขนเครื่องบรรณาการไปส่งให้แก่อัลคัสซาร์ แทนที่จะเอาสิ่งของเหล่านั้นมาดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี
กระนั้นก็ไม่เลวร้ายเกินไปเพราะอัลคัสซาร์ขอแค่เพียงน้อยนิด เก็บแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น หากว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ทันทีที่ขอความช่วยเหลือ อัลคัสซาร์จะนำกำลังพลเข้ามาขับไล่พวกอริราชศัตรูจนพ่ายยับ
เชือกที่มัดถุงผ้าขนสัตว์สีขาวสะอาดตาถูกดึงออก แล้วเทปากถุงลงที่อ่างดินเผาใบเล็ก สิ่งที่ตกลงมาไม่อาจทำให้การิตาพึงพอใจ ตรงกันข้ามอารมณ์ที่บรรเจิดเมื่อครู่ ขุ่นมัวทันที จับก้อนอัญมณีสีม่วงขึ้นมาแล้วโยนลงบนเตียงอย่างไม่แยแส
“เชอะ! แค่หินสีม่วงเท่านั้น เอามาให้ข้าทำไม ไร้ค่าสิ้นดี นาจิปเจ้าเป็นแค่องครักษ์ ในสายตาผู้อื่นคิดว่าสูงส่ง สำหรับข้าแล้ว หาได้พึงใจแต่อย่างใด ชีค อาดัมชาร์ ต่างหากคือผู้ที่ข้าปรารถนาที่สุด”
หญิงสาวผู้ทะนงในความงามของตนเอง ใฝ่สูงที่จะเป็นพระชายาเพียงอย่างเดียว ไม่มองเห็นความรักที่นาจิปมอบให้ นางไม่รู้เลยว่าหินสีม่วงที่องครักษ์หนุ่มมอบให้นั้น กว่าที่จะได้มาจะต้องใช้เวลาในการขุดค้นหาและสกัดออกมาจากหินที่อยู่ใต้พื้นทรายซึ่งอยู่ลึกลงไปนับสิบเมตร ผู้ที่ขุดจะต้องเสี่ยงต่อทรายถล่มทับ
นาจิปกับเพื่อนทหาร ช่วยกันขุดและสกัด เพราะรู้ว่าเป็นหินอัญมณีอันมีค่า หากว่านำไปเจียระไนจะส่งประกายวาววับ เขามอบสิ่งนี้ให้แก่การิตา หวังแต่เพียงว่าจะได้รับความเห็นใจ สุดท้ายนางกลับมองข้าม
คิดว่าเป็นแค่เพียงหินธรรมดาที่ไร้ค่าก้อนหนึ่งเท่านั้น
“พวกเจ้า ห้ามปากโป้งบอกท่านนาจิป ว่าข้าเอาหินสีนี่ทิ้ง เข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ พวกเราจะไม่เอ่ยปากถึงเรื่องนี้ หากว่าท่านนาจิปถามก็จะบอกว่า ไม่รู้ไม่เห็น”
“ดีมาก ช่างไม่รู้ตัวเลยว่าข้าเกลียดยิ่งกว่าสิ่งใด ผู้ชายคนนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาข้าด้วยซ้ำไป เฮอะ นับว่าเป็นผู้ที่น่าเบื่อมากที่สุด ตั้งแต่เจอคนมา ทำไมนะ คนที่รักกลับไม่ใส่ใจข้า คนที่เกลียดกลับเข้าหา”
“ท่านนาจิปรักและเทิดทูนแม่นางการิตามากนะเจ้าคะ”
คนรับใช้หญิงร่างใหญ่ หน้าตากลมแป้นกล่าวตามความจริง กลับทำให้หญิงเจ้าอารมณ์ไม่พอใจ จ้องตาเขียว จิ้มนิ้วลงที่หน้าผากเต็มแรง หญิงผู้น่าสงสารหงายหลังแล้วหมอบนิ่งอยู่กับพื้น ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“เจ้าอย่าสู่รู้ไปหน่อยเลยน่า หาว่าเอ่ยชื่อชายคนนี้ให้ข้าได้ยินอีก เจ้าจะโดนเฆี่ยนหลังให้ลาย จำเอาไว้”
“ข้า ข้าขอโทษที่บังอาจพูดในสิ่งสร้างความระคายเคืองให้แม่นาง ข้าไม่ได้ตั้งใจ อภัยให้ข้าด้วยเถิด”
“เจ้าก็ดีแต่พูดอย่างนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ความดีที่ปรนนิบัติข้าล่ะก็ เจ้าไม่มีวันที่จะเสนอหน้าอยู่ตรงนี้หรอก ข้าไล่ลงไปในครัวแล้ว เพื่อเป็นการไถ่โทษความผิด เจ้าล้างเท้าให้ข้า ขัดถูให้สะอาด ทำเฮนน่าให้ข้า”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ให้อภัย แม่นางรอสักครู่ ข้าจะไปเอาอ่างใส่น้ำอุ่น ลอยด้วยบุปผาหอม มาแช่เท้าและเตรียมทำเฮนน่าในคราวเดียวกัน”