13 แม่นางเนดา ชอบการต่อสู้กับผจญภัย
จู่ๆ ชีค อาดัมชาร์ ตรัสขึ้น พระพักตร์ปลั่งขึ้น ขณะที่มองตามร่างหญิงคนเมื่อครู่ เห็นว่าปะปนไปกับผู้คนแล้วกลืนหายไป องครักษ์นาจิปมองด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์พระองค์ ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมา ไม่เคยเห็นพระองค์ให้ความสนพระทัยสตรีแม้แต่คนเดียว เว้นแต่คนเมื่อครู่
แม้ว่าไม่เห็นหน้าเพราะปกปิดด้วยผ้าคลุมเอาไว้ แต่ก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวย ท่าทางปราดเปรียว ไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ
เข้มแข็งกว่าคนอื่นที่รอให้บุรุษเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง นาจิปลอบสังเกต ชีครูปงามที่อยู่ตรงหน้า เห็นพระเนตรคู่นั้นรู้ว่าพระองค์ยังคงคะนึงถึงนาง
“ไม่ธรรมดา เช่นไรพระเจ้าค่ะ”
“ดูเหมือนว่ากล้าแกร่งเกินไป แข็งแรง ประเปรียว เก่งในเชิงวิทยายุทธ”
“เป็นไปได้หรือ สตรีจะเรียนทางด้านการต่อสู้”
“นี้ล่ะที่ข้าว่านางไม่ธรรมดา ถ้าหากว่าผู้ไม่เคยเรียนการต่อสู้มาก่อน ขณะที่ล้มจะทิ้งร่างลงไปกับพื้น แต่นางกลับแข็งขืน ดีดตัวขึ้นมา กำลังขาแข็งแรงมาก เมื่อสบตากับข้าไม่มีอาย สู้ตาข้าด้วย”
สิ่งที่ ชีค อาดัมชาร์ ตรัสออกมานั้น นาจิปรู้แล้วว่าสตรีผู้จากไป ย่อมไม่ธรรมดา อาจจะเป็นหญิงผู้กล้า ไม่กลัวใคร เก่งทางด้านต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ก็ได้ ชีค อาดัมชาร์ ให้ความสนใจ พระองค์เป็นนักรบ ย่อมชอบคนที่เก่งทางด้านนี้เหมือนกัน แต่น้อยมากที่สตรีอาหรับจะสนใจเรียนทางด้านศิลปะการต่อสู้
ผู้เป็นพ่อแม่ต้องการให้บุตรสาวเป็นกุลสตรีที่สุภาพเรียบร้อย มีหน้าที่คอยปรนนิบัติพ่อแม่ หากว่าแต่งงานออกไปก็จะต้องดูแลสามีและบุตร
มือบางสวยกำลังเลือกซื้อผลไม้สดใส่ลงไปในตระกร้า เมื่อได้จำนวนตามต้องการก็ส่งให้แก่แม่ค้าเพื่อคิดราคา ขณะเดียวกันชายสามคน หน้าเข้มเดินเร็วๆ แล้วเข้ามายืนประกบข้างๆ เนดาปรายตามองและถามเบาๆ
“มีอะไรหรือ”
“แม่นางเนดา เมื่อครู่ ข้าเห็นท่านพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง จับแขนท่านเอาไว้ด้วย มีอะไรหรือไม่”
“อ๋อ เรื่องนี้เองหรือ ไม่มีอะไร แค่เพียงชนกันแล้วล้มลงเท่านั้น”
“โล่งใจไปที คิดว่ามีเหตุกระทบกระทั่งหรือไม่ก็นายหญิงถูกลวนลาม”
“ใครกันที่ทำอย่างนั้นกับข้า ข้าเองก็คงไม่ปล่อยให้ใครมาทำเช่นนั้นเหมือนกัน”
เนดากล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะและยื่นมือไปรับผลไม้ที่ห่อเรียบร้อยแล้ว ใส่ลงไปในตระกร้า ผู้ติดตามร่างใหญ่คว้ามาถือเอาไว้เอง เนดาหันไปกล่าวขอบคุณ ผู้ติดตามอีกสองคนเดินนำหน้าและรั้งท้าย ช่วยดูแลคุ้มภัยให้แก่นายหญิงคนสวย
นางกับพรรคพวกเดินทางรอนแรมมาจากโอเอซิสไอเรสซึ่งเป็นที่อยู่ ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุในตอนกลางวันและหนาวเย็นยะเยือกช่วงค่ำคืน เมื่อผ่านมาที่เมืองนี้จึงแวะซื้อเสบียงติดตัวเอาไว้ นางตั้งใจว่าอีกสองวันจะเดินทางกลับไปที่ไอเรส
“นายหญิงออกจากไอเรสมาก็หลายวันแล้ว ป่านนี้นายท่านคงเป็นห่วง”
“ไม่หรอก พ่อข้ารู้ดีว่าข้าปลอดภัย จำไม่ได้หรือ ข้าส่งข่าวไปให้ท่าน ให้เจ้าเหยี่ยวหน้าขาวนำจดหมายไปให้ ข้ากำหนดวันกลับที่แน่นอนให้ท่านพ่อด้วยเช่นกัน”
ผู้ติดตามทั้งสามได้ยินถึงจุดประสงค์ของนายหญิง ไม่กล้าขัดแต่อย่างใด นอกจากทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว
เนดาซื้อของได้ตามที่ต้องการ ได้ออกมาจากเมืองแห่งนั้น ม้าสี่ตัวคือพาหนะ เดินทางไปยังเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยทะเลทราย แต่นางมีแผนที่ช่วยในการนำทาง รู้ว่าข้างหน้าคือโอเอซิสแห่งหนึ่ง แต่ไร้ผู้คนเพราะเต็มไปด้วยซากอูฐที่พากันไปตายอยู่ที่นั่น จนเป็นที่เลื่องลือว่าคือสุสานอูฐ ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปจะได้กลิ่นเหม็นเน่า
บางคนก็ว่ามีปีศาจร้ายสิงสถิตอยู่ ไม่มีใครกล้านอนค้างคืนที่นั่น เนดาเพียงแค่อยากไปดูให้เห็นกับตาเท่านั้นว่าเป็นจริงดั่งคำที่ร่ำลือหรือไม่
“นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะไปที่โอเอซิสสุสานอูฐ”
“ใช่ ข้าอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เวลามีคนพูดถึง ข้าจะได้สนทนากับเขาได้ถูกต้อง”
“โอ นายหญิงเป็นสตรีที่แปลกมาก ชอบการต่อสู้กับผจญภัย ไม่เกรงกลัวสิ่งใด”
ผู้ติดตามรูปร่างผอมเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชมนายหญิงคนสวย เนดาหันมามอง แม้ว่ามีผ้าปิดใบหน้า แต่ก็รู้ว่าเวลานี้นางกำลังยิ้มเพราะดวงตาคมวาวหรี่เล็กลง ทุกคนที่อยู่ใกล้ ต่างรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้งามทั้งกายและใจ อีกทั้งเก่งเรื่องการต่อสู้