11 แฝงพระองค์มาดูเมืองขึ้น
“เพคะ นางมาดูแลหม่อมฉัน”
“ไม่ใช่หน้าที่ของนางนี่นา เหตุใดถึงเข้ามาทำเช่นนี้เล่า แปลกจริง”
“นางบอกว่าว่าง ไม่รู้จะทำอะไร ควบคุมนางกำนัลทำความสะอาดตามหน้าที่จนเรียบร้อยแล้ว ชีค อาดัมชาร์ ไม่อยู่ งานที่ได้รับมอบหมายจึงเบาลง”
“นับว่าเป็นผู้ที่มีน้ำใจคนหนึ่ง แต่บางครั้งก็ขัดกับความรู้สึกของข้า อาจจะคิดไปเองก็ได้”
“มีอะไรหรือ เพคะ”
“อืมส์ ข้ามีความรู้สึกว่า นางแฝงความร้ายกาจเอาไว้ จากดวงตาเข้มเป็นประกายวาว แข็งกระด้าง ไม่อ่อนเหมือนกิริยาท่าทาง อีกทั้งเอาเอกเอาใจบุตรเราเกินกว่าเหตุ”
ความระแวงต่อการิตาถูกถ่ายทอดออกมาจนหมดสิ้น พระนางอานีทรงพระสรวลเบาๆ นึกถึงใบหน้างามซึ้งแต่ดวงตากร้าวขึ้นมาทันที เห็นคล้อยตามที่พระสวามีเช่นกัน การิตาเอาอกเอาใจเก่ง แต่มีความรู้สึกว่านางซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
“จริงดั่งที่ท่านพี่กล่าว ทว่า ลักษณะของนางอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ อย่ากังวลไปเลยเพคะ”
“นั่นสินะ เฮ้อ ข้าคิดมากไปเอง แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สตรีจะพากันเอาใจลูกชายเรา ทั้งรูปงามและเก่งเชิงรบเช่นนั้น ข้าคิดว่าถ้าเจ้าหญิงพาซาเรเห็นก็ต้องพอพระทัยเช่นกัน และ ชีค อาดัมชาร์ก็ต้องพึงพระทัยนางมากที่สุด”
“หม่อมฉันก็หวังเช่นนั้นเพคะ ข้าไม่เคยเห็นตัวจริง นอกจากภาพวาด รู้ว่าทรงพระสิริโฉมที่สุด สมกับเป็นราชนิกูล หากว่าได้อภิเษกสมรสด้วยกัน หม่อมฉันคงมีความสุขมาก”
ทั้งสองพระองค์ยังคงกล่าวถึงความงามในเจ้าหญิงแห่งเมืองมาเตเซียร์ด้วยพระทัยชื่นบาน คิดว่าคงไม่มีอุปสรรคใดๆ ต่องานอภิเษกสมรสที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้
แม้ว่า ชีค อาดัมชาร์ ยังไม่ปรารถนาที่จะมีคู่ แต่ไม่อาจขัดพระราชประสงค์จากเจ้าเหนือหัวซึ่งเป็นพระราชบิดาไปได้
ด้วยเหตุนี้พระนางอานีรับสั่งให้นางกำนัลปรับเปลี่ยนเครื่องประดับภายในพระราชวังใหม่ ให้สวยงาม เพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าหญิงพาซาเร
อูฐและม้าถูกนำมาผูกรวมกันเอาไว้ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ใบหนาซึ่งเป็นแนวป่าของเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นแห่งอัลคัสซาร์ ทุกๆ ปีจะส่งเครื่องบรรณาธิการไปให้ ชีค อาดัมชาร์ ไม่วางพระทัย เกรงว่าจะกระด้างกระเดื่อง ซุ่มสะสมผู้คนเพื่อไปตีอัลคัสซาร์ เพื่อปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ
พระองค์มักจะแอบเข้ามาแฝงตัวเข้าไปดูการเคลื่อนไหวของผู้คนในเมืองบ่อยๆ ครั้งนี้เช่นกัน หลังจากวางแผนให้ทหารเข้าไปอยู่ในจุดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นัดวันเวลาที่จะกลับมารวมกันที่ร่มไม้ใหญ่นอกเมือง ซึ่งมีทหารปลอมตัวเป็นคนเร่ร่อนนั่งเฝ้าข้าวของ
“ข้าจะจุดพลุเป็นสัญลักษณ์ ถ้าหากว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น แล้วเราจะมารวมกันอยู่ที่นี่ภายในสามวันถัดจากวันนี้ไป”
“พระเจ้าค่ะ พวกเรารับทราบแล้วปฏิบัติตาม”
นายกองทหารม้ารูปร่างองอาจเป็นผู้ที่รับคำบัญชาและพาทหารในชุดแต่งกายเป็นชาวบ้าน แยกย้ายกันเข้าไปในเมือง ชีค อาดัมชาร์ กับนาจิปองครักษ์ตามไปเป็นกลุ่มที่สอง ด้วยความชำนาญในการเข้าออกในเมืองนี้ รู้ว่าจะต้องสืบข่าวจากที่ใด
ร้านขายเครื่องดื่มคือเป้าหมายสำคัญ รู้ว่าที่ตรงนี้เป็นแหล่งศูนย์รวมการพบปะสังสรรค์ระหว่างผู้คน
“นาจิป เราเข้าไปดื่มน้ำแล้วสังเกตดูว่าพวกชาวเมืองนี้มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง เจ้าเข้าไปก่อน แล้วข้าจะตามไป แยกกันนั่งคนละโต๊ะ ทำเหมือนไม่รู้จักกัน ส่วนคนอื่นๆ ก็กระจายกันไป”
“พระเจ้าค่ะ ระวังพระองค์ด้วย”
“ข้ารู้น่า นาจิป หน้าตาที่รกด้วยด้วยหนวดเครา เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าเป็นผู้มีฐานะ ชาวเมืองก็คิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ถ้าเจ้าเห็นข้าออกจากร้าน แล้วจงตามออกไปทีหลังก็แล้วกัน”
“พระเจ้าค่ะ”
องครักษ์รับคำด้วยใบหน้าราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เว้นแต่ดวงตามองพระองค์ด้วยความรู้สึกจงรักภักดีอย่างที่สุด นาจิปเข้าไปในร้านขายเครื่องดื่มที่มีคนนั่งจับกลุ่มคุยกันตามโต๊ะต่างๆ แต่ก็มีบางคนที่นั่งเพียงลำพัง รับประทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ชาร้อนกับขนมปังจืดแผ่นใหญ่สีน้ำตาล
นาจิปเข้าไปหาคนขาย สั่งชาร้อนกับซุปข้นรับประทานคู่กับแผ่นโรตีทอดแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง ใกล้ๆ กับชายสามคนนั่งจับกลุ่มคุยกันในเรื่องต่างๆ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทำมาหากิน
สายตาองครักษ์มองไปที่ ชีค อาดัมชาร์ เห็นว่าพระองค์กำลังเข้ามาในร้าน นั่งลงก่อน คนขายเอาอาหารมาส่งให้นาจิปและเข้าไปถามพระองค์ว่าจะรับประทานสิ่งใด