เย่อหยิ่งจองหอง
ท่านเจ้าเมืองมีชายาเพียงหนึ่ง แม้นางไม่สามารถให้กำเนิดทั้งบุตรธิดาให้ท่านเป็นระยะเวลาหลายปีแต่ท่านก็มิยอมมีหญิงอื่น ที่สุดแล้วสวรรค์ก็เห็นใจประทานธิดาน้อยมาให้ในเวลาที่ไม่คาดคิดแต่ก็ต้องแลกกับชีวิตของชายาและท่านก็รักและหวงนางยิ่งกว่าชีวิต นางสิ้นใจในวันที่คลอดธิดาน้อยนั้น
องค์หญิงเหรินซูเม่ย คือชื่อธิดาเดียวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของท่านเจ้าเมืองเหริน นางพึ่งผ่านวัยปักปิ่นมาไม่ทันถึงปี กระนั้นโฉมงามของนางก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ งามดุจดอกท้อแย้มบานในฤดูใบไม้ผลิ หยาดเยิ้มยิ่งกว่าผู้เป็นมารดาที่ผู้คนร่ำลือว่างามนักหนา
นางมีดวงตาเรียวยาวที่มีแพขนตางอนยาวประดับอยู่ ภายใต้คิ้วดกรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จมูกเล็กโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อราวผลอิงเถาสุก ทั้งหมดนี้เหมาะเจาะอยู่บนใบหน้ารูปไข่ที่มีรอยบุ๋มของลักยิ้มที่นวลแก้ม ทั้งสองข้าง มีลำคอเรียวระหงงามสง่า ทรวงอกอวบอิ่ม เอวคอดเว้าแล้วผายออกเป็นสะโพกงอนงาม เรือนร่างอรชรสมส่วนเป็นยิ่งนัก
นางมิได้งามเพียงภายนอกเท่านั้น กิริยามารยาทก็งดงาม อุปนิสัยเป็นผู้มีเมตตา คุณสมบัติกุลสตรีก็ครบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เย็บปักถักร้อย อ่านเขียน ทั้งยังมีพรสรรค์ด้านการวาดภาพอีกเสียด้วย
นางเป็นมิตรกับทุกผู้คนอยู่เสมอ เว้นเสียแต่แม่ทัพคนใหม่ของเสด็จพ่อผู้นั้น !
“ เย่อหยิ่งจองหองเสียเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าเสด็จพ่อทนให้ชายผู้นั้นหมิ่นเกียรติได้อย่างไรนะ ”
นางสะบัดพัดพลางพร่ำบ่นอย่างหงุดหงิดขณะแอบมองจอมทัพผู้นั้นอยู่ที่สวนดอกไม้ในจวน นั่นทำให้นางกำนัลประจำตัวที่ดูแลกันมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างลิ่วเจียหลันอมยิ้ม
“ นี่องค์หญิงเป็นผู้ถือเกียรติถือศักดิ์ศรีไปตั้งแต่เมื่อไรกันเล่าเพคะ ” นางกล้าเย้าด้วยความที่สนิทสนมกันเหลือเกิน
“ พี่เจียหลันก็เห็นนี่ว่าเขาไร้มารยาทเพียงใด ข้ามิได้หมายถึงยศถาบรรดาศักดิ์ แต่หมายถึงกาลเทศะที่ผู้เยาว์ควรมีต่อผู้อาวุโส เขาเมินทุกคนราวกับเป็นสิ่งของทั้งเสด็จพ่อและขุนนางอาวุโส ”
“ ก็เขาเป็นทหารรับจ้างนี่เพคะองค์หญิง เขาแจ้งกับฝ่าบาทแล้วว่าไม่ประสงค์จะรับยศตำแหน่งแต่ฝ่าบาทเป็นผู้ประทานให้เอง ”
“ ถึงกระนั้นก็เถอะ ก็ควรจะมีสัมมาคารวะบ้าง นี่อะไรกันไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เงินทองขอเป็นพรุ่งนี้ ยามนี้ข้าอยากได้อย่างอื่นมากกว่า นั่นเขาปฏิเสธผู้อาวุโสอย่างไม่เห็นแก่หน้าเลยนะ ”
องค์หญิงซูเม่ยเลียนเสียงห้าว ๆ ที่ท่านแม่ทัพกล่าวกับบิดาของตน นั่นทำให้อีกฝ่ายต้องหัวเราะออกมาอย่างขัน ๆ
“ องค์หญิงล่ะก็ช่างเลียนแบบจริงเชียวเพคะ ”
“ ก็มันจริงนาพี่เจียหลัน ”
“ บุคลิกเขาเป็นเช่นนั้นเอง เป็นคนตรง ๆ อยากได้อะไรก็พูดตรง ๆ มิผิดนี่เพคะที่ทหารออกรบกลับมาจะโหยหาสิ่งอื่นยิ่งกว่าเงินทอง ” เจียหลันว่าพลางหน้าแดงก่ำ นางอยู่ในวัยสามสิบสอง สามีเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ย่อมรู้ดีเหลือเกินว่ายามที่สามีกลับมานั้นหิวโหยสิ่งใดนักหนา บางทีนางไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ต้องมารับใช้องค์หญิงด้วยความสะโหลสะเหล
“ โหยหาสิ่งใดหรือพี่เจียหลัน ” องค์หญิงถามอย่างใคร่รู้ สาวใช้ก้มหน้าหลบสายตา
“ มะ... ไม่มีอะไรหรอกเพคะองค์หญิง ”
“ พี่เจียหลัน ! ” องค์หญิงเค้นเสียงพลางใช้มือเชยคางของอีกฝ่ายให้สบตาตัวเอง
“ องค์หญิงยังไม่สมควรจะรู้เรื่องพวกนี้เพคะ ยังเยาว์วัยนัก ” สาวใช้ว่า ทำให้องค์หญิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นประจันหน้ากับนาง
“ ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ เลยวัยปักปิ่นมาแล้ว เลิกพูดเสมือนข้าอายุสามขวบเสียทีเถอะ ”
องค์หญิงต่อว่าอย่างรำคาญใจ นางเข้าใจดีว่าผู้เป็นบิดานั้นทั้งรักทั้งห่วง แต่บางครั้งการประคบประหงมราวไข่ในหิน มันก็ทำให้นางรู้ว่าตนเองเป็นภาระและอ่อนแอเหลือเกิน