ตอนที่ 3 หมู่บ้านยาจก
ตอนที่ 3
เมืองฮั้ว เมืองใหญ่ที่มีอาณาเขตติดกับแคว้นหาน มีภูเขาสูงชันเป็นตัวกั้นเขตแดน
เมืองฮั้วนี้เป็นหัวเมืองสำคัญของแคว้นฉิน มีภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ หรือแม่น้ำสายใหญ่ที่ทอดยาวไปอีกหลายแคว้น
ทำให้เมืองฮั้วกลายเป็นศูนย์รวมการค้า เศรษฐกิจมั่งคั่ง มีเงินจ่ายส่วยให้กับทางราชสำนักปีละหลายตำลึงทอง
คนส่วนมากจะมองเห็นแต่ด้านดีของเมืองฮั้ว แต่ใครเหล่าจะรู้ว่า ยังมีหมู่บ้านหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา มีบ้านเรือนที่เก่าทรุดโทรมอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือน
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่หมู่บ้านนี้ ในอดีตเคยเป็นพลเมืองของแคว้นอู๋ที่ถูกแคว้นฉินบุกเข้ายึดครองและรวมเป็นผืนดินแผ่นเดียวกับแคว้นฉิน
แม้ชาวบ้านที่เหลือจากการสู้รบ จะไม่ถูกสั่งประหาร แต่พวกเขาก็มีชีวิตอยู่เหมือนประชากรชนชั้นล่าง ไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินไว้ทำกิน ไม่สามารถเปิดร้านทำการค้าขายได้
สิ่งที่ชาวหมู่บ้านอู๋ทำได้คือ การขายแรงเป็นทาสรับใช้ให้กับชาวแคว้นฉิน หรือไม่ก็ต้องหาขอทาน เพื่อแลกเป็นข้าวประทังชีวิต
ชายหนุ่มที่เติบโตมาในหมู่บ้านนี้ จะออกไปรับจ้างขายแรงงาน ถูกกดขี่ข่มเหงสารพัด และหากบ้านไหนมีบุตรสาวหน้าตาดี พวกนางก็จะถูกพาตัวไปให้ขุนนาง หรือพวกมีเงินในเมืองฮั้วปู้ยี่ปู้ยำ ก่อนจะส่งไปทำงานที่หอนางโลม
ที่ท้ายหมู่บ้านอู๋ติดกับตีนเขา มีบ้านหลังน้อย ที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะพังลงตั้งอยู่แยกตัวออกมาจากหลังอื่น ๆ
...แง ๆ...
เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังลอดออกมาจากหน้าต่างบ้าน
"ชวนเอ๋อร์ พี่บอกให้หยุดร้อง ไม่เข้าใจหรืออย่างไร"
จางฉิงเจีย เด็กสาวในวัยสิบสามปี ร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แต่กระนั้นนางก็มีรูปร่างที่ผอมมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน กำลังสั่งห้ามเด็กหญิงร่างท้วมวัยหกขวบ ที่แหกปากร้องลั่น
"ก็ฉิงชวนหิวข้าว แง ๆ ข้าหิวท่านแม่"
ท้องน้อย ๆ ร้องดังลั่น เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย จนตะวันสายโด่งแล้ว มารดาที่ออกไปหาอาหารมาให้ก็ยังไม่กลับมา
ฉิงเจียเองก็หิวข้าวมากเช่นกัน แต่ด้วยที่บ้านตอนนี้ไม่เหลือข้าวสารให้กรอกหม้อเลย มารดาจึงออกไปขอแบ่งปันจากชาวบ้านก่อน
แต่บ้านไหนเล่าจะกล้าจุนเจือให้ เพราะต่างคนต่างก็ยากแค้นแสนเข็ญเหมือนกัน
นางเองโตพอจะรับรู้ถึงความยากลำบากของมารดา ที่เลี้ยงดูพวกตนมาตามลำพัง เคยคิดจะออกไปหางานทำที่หอนางโลม หาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว แต่ถูกมารดาสั่งห้ามไว้
ฉะนั้นสิ่งเดียวที่หญิงสาวพอจะช่วยมารดาได้คือดูแล เจ้าตัวเล็กให้ดีที่สุด
"ชวนเอ๋อร์ หยุดร้องนะ เดี๋ยวพี่ตักน้ำให้เจ้ากินรองท้องไปก่อน เดี๋ยวท่านแม่ก็จะมาพร้อมอาหารแล้ว"
ฉิงเจียปลอบน้องสาว ทั้ง ๆ ที่นางไม่คาดหวังว่ามารดาจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมา
เด็กหญิงวัยหกขวบพยักหน้าหยุดสะอื้น สายตาทอดมองไปที่ประตูรอมารดากลับมา
"เจียเอ๋อร์ ชวนเอ๋อร์ แม่กลับมาแล้ว"
จางไป๋จู สตรีวัยล่วงเลยไปสามสิบกว่า ร่างกายซูบผอม จนมองเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา เดินผ่านประตูบ้านเข้ามา ในมือของนางมีมันโถอยู่สองลูก
"โชคดี ที่ลุงเฟิง มีมันโถพอแบ่งให้พวกเรา ลูก ๆ รีบมาเอาไปทานตอนมันกำลังร้อน ๆ"
เด็กหญิงวิ่งเข้าไปกอดเอวมารดา ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตากับขี้มูกอยู่
"ท่านแม่กลับมาแล้ว ลูกหิวจนไส้จะขาดแล้วเจ้าคะ"
ไป๋จูยิ้มออกมา นั่งลงมองหน้าลูกสาวคนเล็ก ใช้มือข้างหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า ออกมาเช็ดใบหน้าที่มอมแมมให้ดูสะอาดขึ้น
"ชวนเอ๋อร์ของแม่ คงร้องไห้โมโหหิวไม่หยุดเลยสิน่ะ"
"เปล่าเจ้าคะ ลูกเป็นเด็กดีไม่งอแงเลย"
ฉิงเจียที่ยืนฟังอยู่ ส่ายหน้าอย่างระอา ใครกันไม่รู้ที่แหกปากร้องเสียงดังจนหูแทบแตก ยังโกหกตาใสว่าไม่ได้ร้องอีก
ไป๋จูยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู หยิบมันโถในห่อให้ลูกสาวคนกลางหนึ่งลูก
"เจียเอ๋อร์ คงเหนื่อยแล้วก็หิวมากใช่ไหมลูก ทานเสียนะ ประเดี๋ยวแม่จะเข้าป่า ไปหาหน่อไม้กับผลไม้ป่านำไปแลกข้าว เราก็จะมีข้าวกินแล้ว"
ฉิงเจียรับมันโถมาจากมารดา แต่ยังไม่ยอมกิน นางยืนมองท่านแม่ป้อนมันโถอีกชิ้นให้น้องสาวคนเล็กทาน จนหมดไปครึ่งลูก
"ลูกอิ่มแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้น ครึ่งนี้เก็บไว้ให้ลูกทานมื้อเที่ยงแล้วกัน"
ฉิงชวนยิ้มหวานรับคำมารดา เมื่อท้องมีอาหารเติมเต็มแล้ว เด็กน้อยก็มีเรี่ยวแรงออกไปวิ่งเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ในละแวกบ้าน
ไป๋จูห่อมันโถครึ่งที่เหลือไว้อย่างดี จะเก็บเอาไว้ให้ฉิงชวนทานตอนกลางวันอีก พอนางเงยหน้าจะสั่งความกับบุตรสาวคนกลาง ก็เห็นฉิงเจียยังไม่ได้แตะต้องมันโถเลยสักคำ
"เจียเอ๋อร์ ทำไมไม่กินล่ะลูก ถึงไม่ถูกปากก็ต้องทนกินให้อิ่มท้องไว้ก่อน"
ฉิงเจียแบ่งมันโถออกเป็นสองส่วน ยื่นให้มารดาส่วนหนึ่ง
ไป๋จูมองมันโถในมือน้อยของบุตรสาว รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่อก
"ลูกกินเถอะ แม่กินมาหนึ่งลูกแล้วระหว่างทาง" นางบอกลูก หลบสายตามองไปทางอื่น
"ท่านแม่โกหก ข้ารู้ว่าท่านยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนกัน ถ้าท่านแม่ไม่ทานจะมีแรงเข้าป่าได้อย่างไรเจ้าคะ"
"แม่ไม่หิว ลูกกินเถอะ เก็บอีกครึ่งไว้พาน้องกินตอนแม่ไม่อยู่ก็ได้" ไป๋จูไม่ยอมรับมันโถที่บุตรสาวยื่นให้
ฉิงเจียวางมันโถทั้งสองลงบนโต๊ะ ถอยหลังให้ห่าง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
"ถ้าท่านแม่ไม่กิน ข้าก็จะไม่กิน ถ้าท่านแม่ยังดื้อ ข้าจะแอบไปที่หอนางโลมนั้น"
"อย่านะลูก แม่กินแล้ว"
ไป๋จูหยิบมันโถขึ้นมากัดกิน นางมองลูกสาวคนกลาง ที่แม้จะผอมแห้ง แต่ความงามของลูกสาวนั้น ไม่ต่างจากตอนที่นางเป็นสาว ๆ เลย
และนางไม่ปรารถนาให้ฉิงเจียต้องไปทอดร่างกายให้พวกมากตัณหาได้เชยชม เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ฉิงเจียหิวจนตาลาย พอเห็นมารดายอมกินมันโถแล้ว เด็กสาวก็หยิบขึ้นมาทานอย่างตะกละตะกลาม
ไป๋จูเห็นภาพนั้นก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
"เจียเอ๋อร์ แม่ขอโทษนะลูก ที่ทำให้พวกลูกเกิดมามีชีวิตที่ลำบากแบบนี้"
"ท่านแม่ อย่าร้องไห้อีกเลย แค่ข้ามีท่านกับน้องอยู่ ต่อให้เราจะอดบ้างอิ่มบ้าง ข้าก็มีความสุข"
ฉิงเจียเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้ ชีวิตของนางมีแต่ท่านแม่กับน้องคนเล็กเท่านั้น ส่วนบิดาที่ไม่เคยต้องการ กับพี่ชายที่ลืมตัว นางไม่ขอพบเจอไปชั่วชีวิตนี้...