ตอนที่ 4 ผู้มีพระคุณ
ตอนที่ 4
ม่อหลาน นอนหมดสติอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ โชคชะตาของนางคงยังไม่ถึงที่ตาย เบื้องล่างหน้าผาที่ตกลงมา มีท้องน้ำคอยรองรับร่างของนางอยู่
ร่างบางลอยล่องมาตามกระแสน้ำ ที่ไหลไม่แรงมาก จนกระทั่งกระแสน้ำพัดมาติดอยู่กับริมตลิ่งในเขตป่ารอยต่อของแคว้นฉิน
ไม่นานม่อหลานก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ แพขนตางอนเปิดขึ้น ร่างกายรับรู้ถึงความเจ็บปวดไปทั่วลำตัว โดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายที่ยังมีลูกธนูปักคาอยู่
หญิงสาวยันกายลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก กัดฟันทนฝืนความทรมาน ลากสังขารเดินหายเข้าไปในป่า ขืนยังอยู่ริมน้ำต่อ มีหวังได้ถูกคนกลุ่มนั้นตามมาเก็บกวาดแน่
ความกลัวตาย พาให้ม่อหลานเดินโซซัดโซเซลัดเลาะเข้ามาในป่าได้ไกลพอสมควร ก่อนที่จะทนฝืนต่อไปไม่ไหว ล้มลงนั่งเอนหลังหายใจหอบเหนื่อย
"มาได้เพียงแค่นี้หรือ ต้องมาตายอยู่ในโลกนี้ ชีวิตบัดซบอะไรเช่นนี้"
ม่อหลานรำพึงในโชคชะตาของตนเอง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้รู้จักครอบครัวที่แท้จริงเลย พ่อแม่เป็นใคร ญาติพี่น้องอยู่ไหน ไหนยังต้องพลัดหลงมาอยู่ในโลกที่พูดให้ใครฟัง คงจะไม่มีใครยอมเชื่อแน่
"ครู ขอโทษนะ คงหาทางกลับไปพบครูไม่ได้แล้ว"
ก่อนที่สติจะดับวูบลง ม่อหลานมองเห็นภาพของครูปรานี ที่รับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าหลายสิบชีวิตด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือเธอ มนสิชา เด็กที่ถูกพ่อแม่นำมาทิ้งไว้ตั้งแต่แบเบาะ ครูจึงเป็นเหมือนพ่อแม่สำหรับมนสิชา แล้วการที่เธอหายมาเกือบสิบกว่าปี ครูคงถอดใจที่จะตามหาเธอแล้วแน่ ๆ แล้วถึงแม้จะพยายามตามหา ก็คงไม่เจออยู่ดี เพราะว่าอยู่คนละโลกกันแล้ว ไร้สิ้นหนทาง ไร้ซึ่งความหวังที่จะพบกัน...ลาก่อนครูปรานีที่รัก...แล้วทุกอย่างก็จ่อมจมลงสู่ความมืดมิด...
ความตายเป็นเช่นนี้เองหรือ แต่ว่าทำไมนางถึงยังรู้สึกรับรู้ถึงความเย็นชุ่มสัมผัสไปตามใบหน้า และยังมีความรู้สึกถึงไออุ่นจากอะไรบางอย่าง
อีกทั้งเสียงดังอยู่ข้างหู เหมือนมีคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ หรือนี่จะเป็นโลกหลังความตายกันนะ
เปลือกตาบางเปิดขึ้น พบเงาคล้ายคนชะโงกหน้าอยู่เหนือร่างของตน แต่ยังมองไม่ชัดว่าเป็นใคร วิญญาณผู้หญิงหรือชาย
"แม่นางฟื้นแล้ว" เสียงหวานร้องขึ้นอย่างดีใจ
ฟังจากเสียงพูด คงเป็นวิญญาณของสตรีสินะ
"น้ำ ขอน้ำหน่อย" เสียงแหบแห้งเอ่ยอย่างแผ่วเบา ม่อหลานแปลกใจว่าคนตายไปแล้วจะยังมีความรู้สึกแบบนี้หรือ
"นี้น้ำ แม่นางค่อย ๆ ดื่มเข้าไป"
เจ้าของเสียงหวานช่วยประคองช่วงศีรษะของคนเจ็บให้ได้ดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่
พอได้ดื่มน้ำดับกระหาย อาการสายตาพร่ามัวก็ค่อย ๆ ทุเลาขึ้น ม่อหลานเริ่มมองเห็นสภาพรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น
ทั้งต้นไม้ ท้องฟ้า ก้อนเมฆ จนกระทั่งคนที่นางคิดว่าเป็นวิญญาณ แต่ทำไมใบหน้าที่นางมองเห็น ช่างเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
"ที่นี่เป็นนรกหรือสวรรค์" ม่อหลานเอ่ยถามออกมา
"แม่นางคงสับสน ท่านยังไม่ตายจะไปยังสถานที่พวกนั้นได้อย่างไร"
"ข้ายังไม่ตายหรือ"
สตรีที่มีใบหน้าเหมือนกับนางพยักหน้า ม่อหลานยันกายจะลุกขึ้นนั่งสตรีนางนั้นก็เข้ามาช่วยประคอง ม่อหลานลองหยิกที่ต้นแขนของตนเอง พบว่ายังรู้สึกเจ็บอยู่ พอมองไปที่หัวไหล่ลูกธนูที่ปักคาอยู่หายไปแล้ว และมีเศษผ้าพันแผลเอาไว้อย่างดี
"ท่านช่วยข้าไว้หรือ"
"เจ้าคะ ข้าเดินเข้ามาหาหน่อไม้ป่า บังเอิญมาพบแม่นางนอนหมดสติมีลูกธนูปักอยู่ ข้าเลยช่วยเอาออกและทำแผลให้"
ไป๋จูที่เดินเข้ามาในป่าลึก เพื่อหาของป่า ก่อนจะเดินมาพบคนนอนหมดสติอยู่ เมื่อลองเข้ามาดูพบว่าเป็นสตรีที่มีใบหน้าเหมือนตนเองมาก และยังคงมีชีพจรอยู่ เลยทำการช่วยเหลือ ไปตามที่พอได้เรียนรู้มา และหายาสมุนไพรสมานแผลมาทาและฉีกชายเสื้อของตนมาทำเป็นผ้าพันแผล
"ขอบใจ ท่านผู้มีพระคุณ ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่ หากมีโอกาสข้าต้องตอบแทนน้ำใจท่านแน่" ม่อหลานถูกครูสอนตั้งแต่พอรู้ความ ให้รู้จักสำนึกในบุญคุณของคนที่ให้การช่วยเหลือ
"ข้าแซ่จาง ชื่อไป๋จูเจ้าคะ"
ไป๋จูบอกชื่อแซ่กับคนแปลกหน้า ที่นั่งเอนหลังอยู่กับต้นไม้ใหญ่ นางคงช่วยได้เพียงเท่านี้ เพราะต้องปลีกตัวไปหาหน่อไม้ป่าก่อน ไม่อย่างนั้นลูก ๆ จะต้องอดข้าวไปอีกวันแน่ และนางก็ไม่อยากไปรบกวนเฟิงหนานบ่อย ๆ แม้ว่าเขาจะเต็มใจก็ตาม
"แม่นางข้าคงต้องออกไปหาหน่อไม้ป่าก่อน หากท่านไม่มีที่ไป หรือยังไม่มีเรี่ยวแรง นั่งพักรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวขากลับ ข้าจะแวะมาพาท่านกลับไปพักที่บ้านด้วย"
ไป๋จูหยิบตะกร้าสานขึ้นสะพาย ก่อนจะเดินหายไปอีกทางหนึ่ง เพื่อตามหาสิ่งที่จะมาช่วยประทังชีวิตของนางกับลูก ๆ
ม่อหลานนั่งมองสตรีที่มีใบหน้าเหมือนตน เพียงแต่ว่าร่างกายนั้นออกจะผอมแห้งไปมาก ชีวิตของนางคงลำบากไม่น้อย
"จางไป๋จู บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิต ข้าจะจดจำไว้จนขึ้นใจ"
...บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ...
ลูกธนูที่ถูกนำออกมาจากร่างกายของนาง วางอยู่ใกล้กองไฟเล็ก ๆ ที่ไป๋จูคงก่อขึ้นเพื่อคลายความหนาวให้กับตน
ม่อหลานหยิบลูกธนูขึ้นมา ภาพใบหน้าของเจ้าของลูกธนูนี้ผุดขึ้นมา หญิงสาวกำลูกธนูในมือแน่น แว่วได้ยินเสียงเด็กชายวัยแปดขวบดังขึ้นมาจากความทรงจำ
...หลานเอ๋อร์ โตขึ้นข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นฮองเฮาข้างกายข้า จำเอาไว้นะ ชีวิตเจ้าเป็นของข้า...