บทที่ 3 จอมเผด็จการ 1.2
“โห…บอกนิดนึงไม่ได้เหรอคะ มะรืนนี้ก็ต้องเริ่มทำงานเป็นเลขาบอสใหญ่แล้ว โรสกลัวว่าถ้ากิตติศัพท์เป็นอย่างที่เขาขนานนามกัน โรสจะได้ระวังปาก เอ๊ย!…ระวังตัวไงคะ” รสสินาทำสีหน้าผิดหวังเมื่ออัศวินไม่ยอมตอบคำถามที่ตนเองต้องการ
“บอสไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้นหรอกครับ ทุกอย่างต้องสัมผัสเอง ผมว่าเราไปเดินเที่ยวกันดีกว่านะครับ” อัศวินพูดตัดบท ก่อนจะเดินนำลูกทัวร์ชมความศิวิไลซ์ในถนนเส้นนี้
อัศวินพาคณะเดินทางเที่ยวชมไปตามถนนสายหลัก ผ่านร้านค้าร้านขายมากมาย เรื่อยมาถึงสถานที่ช็อปปิ้งชื่อดังแถวฟิฟท์อเวนิวทุกคนต่างสนุกสนานตื่นเต้นดีใจกับสิ่งที่ไม่เคยพบเห็น จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“พี่วินโรสปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ แถวนี้มีห้องน้ำที่ไหนบ้างคะ”
รสสินาที่ข้าศึกโจมตีอย่างหนัก อาจเป็นเพราะตลอดทั้งวันนี้เธอกินของแปลกๆ ที่ตนเองไม่เคยกินเข้าไปหลายอย่าง กระเพาะอาหารที่ไม่เคยรับรู้รสชาติของอาหารเหล่านั้นเลยเกิดความปั่นป่วน
“ไปเข้าห้องน้ำที่ห้างตรงนั้นก็ได้นะ” อัศวินหมายถึงห้างดังสุดหรูที่อยู่ใกล้ที่สุด
“พรีมไปด้วย พรีมก็ปวดท้องเบาอยู่พอดี” พิมพ์สุภาพูดเสริม
“แก้มก็ด้วย”
“งั้นไปกันเลย ไปกันทุกคนนั่นแหละ”
รสสินาที่ปวดท้องจนทนไม่ไหวพูดขึ้น อัศวินจึงเดินนำทั้งหมดไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น แต่พอเข้าไปจริงๆ กลับไม่มีใครต้องการเข้าห้องน้ำเลยสักคน โดยเฉพาะคนที่ปวดท้องเบาอย่างพิมพ์สุภากับดวงฤดีที่วิ่งโร่เข้าไปดูเครื่องสำอางที่ลดราคาในช่วงนาทีทองพอดี
“เดี๋ยวพี่รออยู่ตรงนี้นะโรส” อัศวินเอ่ยบอกรสสินาที่รีบวิ่งไปยังห้องน้ำ
“จ้ะ” เธอรับคำพร้อมก้าวเท้าเดินแกมวิ่งไปยังจุดหมาย อัศวินจึงเดินเลี่ยงไปยังกลุ่มคนไทยที่เขาพานำเที่ยว ที่กำลังห้อมล้อมบูทเครื่องสำอาง
รสสินาใช้เวลาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำราวสิบห้านาที ก่อนที่เธอจะเดินออกมาจากห้องน้ำตรงไปตามทางที่เดินมาเมื่อกี้เพื่อจะไปยังจุดที่นัดหมายกับอัศวิน ระหว่างที่เดินนั้นหญิงสาวได้ก้มหน้าล้วงหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า โดยไม่ทันได้มองว่าตนเองกำลังจะถึงหัวมุมที่จะเลี้ยว และด้วยความไม่ระวังตัวนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“ว้าย!…” เธอส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ดังมาก หลังจากที่รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของตนเองนั้นชนกับอะไรบางอย่างที่ใหญ่และแข็งแรงมาก เนื่องจากแรงประทะส่งผลให้ร่างอวบอัด กระเด็นลงไปนั่งจ้ำเบ้าบนพื้น
“อู้ย…ก้นจะหักหรือเปล่าเนี่ย”
รสสินาบ่นอุบ ใช้มืออีกข้างคลำบั้นท้าย ส่วนอีกข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน พอลุกขึ้นยืนเหยียดตรงเธอก็ตั้งใจว่าวีนใส่คนที่ทำให้ตนเองต้องระเห็จไปอยู่บนพื้น แต่เจ้ากรรม ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยวาจาอันใดออกไป ปากบางๆ ก็ขยับไม่ออก ดวงตาสาวตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นชายตรงหน้า
โอ๊ยๆๆ หล่อชะมัดเลย…นั่นคือสิ่งที่รสสินาบอกกับตัวเองในวินาทีแรกที่เห็นชายตรงหน้า
“ชนคนอื่นแล้วไม่คิดจะขอโทษหน่อยเหรอ มัวแต่ยืนจ้องหน้าทำตาหวานใส่ฉันอยู่ได้” พอได้ยินเสียงคนหน้าหล่อปากไม่หล่อตามเท่านั้น สติของรสสินาก็กลับมาทันที
“อ้าว…พูดอย่างนี้ก็สวยน่ะสิ คุณต่างหากที่ชนฉัน ฉันเดินมาตามทางอยู่ดีๆ คุณเลี้ยวมาชนฉันเองนะ” รสสินาหายเจ็บก้น เท้าเอวต่อว่าชายหนุ่มรูปงามอย่างเอาเรื่อง ไม่เกรงกลัว
“เธอต่างหากที่มาชนฉัน ฉันเดินมาตามทางของฉันอยู่ดีๆ เธอเดินก้มหน้าก้มตาเดินไม่ดูทางมาชนฉันเองนะจะมาโทษฉันไม่ได้”
อลาริคไม่ยอมแพ้ตามอุปนิสัยของตน เขาคิดว่าตัวเองไม่ผิด เพราะเขาไม่ได้เลี้ยวแบบกระชั้นชิด แต่เบี่ยงให้มีพื้นที่มากพอจะให้คนที่เดินสวนมาเลี้ยวเข้าไปในห้างได้โดยที่ไม่ชนกัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ หญิงสาวตรงหน้าก้มหน้าก้มตาหาของในกระเป๋า จนไม่มองทางที่จะเดิน แล้วอย่างนี้ใครผิดถ้าไม่ใช่สาวตรงหน้า
รสสินาชะงักกึกไปเล็กน้อย จริงอย่างที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูด เธอเดินก้มหาของในกระเป๋าโดยไม่ทันได้มองทาง นั่นหมายความว่าเธอผิด แต่ถึงรู้ตัวว่าผิด เธอก็ไม่ยอมรับผิดเขาเป็นผู้ชายต้องเป็นฝ่ายผิดถึงจะถูก
“แต่คุณก็น่าจะหลบฉันสิ ถ้าเห็นว่าฉันไม่หลบ นั่นหมายความว่าคุณจงใจชนฉันเพราะฉะนั้นคุณผิด” รสสินาเถียงไม่ยอมแพ้ แก้ลำจนตัวเองไม่มีความผิด โยนความผิดให้หนุ่มรูปหล่อตรงหน้าแทน “เข้าใจหรือเปล่าว่าคุณผิด ผิดๆๆๆๆ เพราะฉะนั้นคุณต้องขอโทษฉันตามหลักสากล ไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ ทั้งสิ้น”
ถ้าเขาพูดดีๆ กับเธอสักหน่อย ขอโทษขอโพย ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนอย่างกับสุภาพบุรุษทั่วๆ ไป เธอจะไม่วีนใส่เขาเลย แต่นี่ไม่ใช่แล้วรสสินาจะปล่อยไว้ทำไมถึงจะหล่อขั้นเทพแค่ไหนเธอก็ไม่เว้น
“เธอเอาอะไรคิดเนี่ย ตัวเองผิดแล้วยังจะมาพูดให้ฉันผิดให้ได้เลยนะ แค่ขอโทษมันก็จบแล้ว เธอต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นเห็นดีกันแน่”
อลาริคเริ่มขึ้นเสียงดัง จ้องมองเขม็งไปยังสาวต่างชาติที่คิดว่าน่าจะมาจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ดูจากรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ เพราะเขาพอจะมีลูกค้าในแถบนี้อยู่บ้าง และอัศวินลูกน้องเขาก็มาจากประเทศไทยซึ่งอยู่ในภูมิภาคดังกล่าว ลักษณะท่าทางสาวตรงหน้าคล้ายคลึงมากจอมเผด็จการเช่นเขามีแต่สั่งคนอื่น พอถูกคนอื่นสั่งเข้าบ้างถึงกับรับไม่ได้ ไม่ยอมท่าเดียว
“ไม่” รสสินากระแทกเสียงพูด ไม่หลบสายตาแข็งกระด้างของเขา “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษ คุณนั่นแหละที่ต้องขอโทษฉัน” เธอยังยืนกรานคำเดิม แม้ว่าตัวเองจะผิด
“ไม่” เสียงใหญ่กระแทกเสียงพูดบ้าง “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษ เธอนั่นแหละที่ต้องขอโทษฉัน” อลาริคทวนคำตามประโยคที่หญิงสาวพูด ทำให้สาวผู้ไม่ยอมคนถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“หน้าตาก็หล่อ แต่ทำไมนะนิสัยถึงไม่หล่อเหมือนหน้าเลย ตกลงคุณจะไม่ขอโทษฉันใช่ไหม?” รสสินาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากที่ต่อว่าต่อขานเขาหอมปากหอมคอ
“ใช่ ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษเด็ดขาด”
เขายืนกรานคำเดิม นึกอยากจะหวดก้นสาวตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ ไม่เคยมีใครกล้าทำน้ำเสียงและกล่าววาจาต่อว่าเขาอย่างเธอมาก่อนเลย แถมยังจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวด้วย อยากจะสวนกลับไปว่า ‘เธอหน้าตาก็ไม่สวย ปากก็เลยไม่สวยตามรูป’ แต่ก็ยั้งๆ ปากเอาไว้ เพราะไม่ต้องการตอกย้ำรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ
“แน่นะ” เธอถามย้ำ
“แน่สิ” อลาริคกอดอกตอบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจัดให้งามๆ โทษฐานไม่ยอมขอโทษฉัน”
อลาริคที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าสาวตรงหน้าจะร้ายกาจขนาดนี้ เลยเจอร้องเท้าหนังที่เธอสวมใส่กระแทกเท้าของตนอย่างแรง จนเท้าของเขาชาไปหมด ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังปราดเข้ามาจับตรงบั้นเอวทั้งสองข้างของเขางอเข่าแล้วยกขึ้นสูงกระแทกไปยังใจกลางร่างกายโดนกล่องดวงใจเขาอย่างจัง อลาริคตัวงอ หน้าเขียวทันที แต่ทว่าสาวแสบไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังใช้หมัดเสยปลายคางจนอีกฝ่ายหน้าหงาย
“รู้จักฤทธิ์แม่น้อยเกินไปแล้ว สมน้ำหน้า”
พูดจบเธอก็แลบลิ้นใส่อลาริคที่นั่งกุมของรักของหวง มองร่างของสาวตัวดีที่ทำร้ายเขาไปอย่างเคียดแค้น แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน ลูกน้องคนสนิทก็ไม่ได้ติดตามมาด้วย จึงได้แค่คาดโทษสาวที่วิ่งจู๊ดเข้าไปในห้าง
“อย่าให้เจออีกนะ พ่อจะจัดการให้หนำใจเลย อู้ย”
เขาพูดไปพลางก็สูดครางด้วยความเจ็บ พยายามยันตัวลุกขึ้นยืนเพื่อไม่ให้เสียหน้าไปมากกว่านี้ ดีนะว่าตอนที่เขาและเธอกำลังถกเถียงกันอยู่ ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย หากมีคนรู้จักเขาผ่านมามีหวังงานนี้เขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกไปโดยปริยาย
‘ชายหนุ่มจอมเผด็จการแห่งยุค ถูกผู้หญิงเล่นงานจุดยุทธศาสตร์จนนั่งตัวงอ’
อลาริคไม่อยากจะคิดภาพที่จะเกิดขึ้นเลย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น