บทที่ 2 จอมเผด็จการ 1.1
ประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่ล้อเครื่องบินแตะถึงพื้นรันเวย์ในท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ในนครนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้โดยสารที่นั่งเครื่องบินลำนั้นต่างทยอยเดินลงมาจากเครื่องบิน โดยสารต่อด้วยรถบัสที่ทางสายการบินจัดเตรียมไว้ให้ไปยังอาคารผู้โดยสาร เพื่อดำเนินในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองต่อไป
เมื่อขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นพนักงานของโซเชียลอินเตอร์ กรุ๊ปได้เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทแม่มารอรับด้วยการชูป้ายเป็นสัญญาณ
“ขอต้อนรับสู่นิวยอร์กครับ ผมชื่ออัศวินครับ”
อัศวินกล่าวต้อนรับและแนะนำตัว เมื่อคณะเดินทางเดินมายังตนที่ยืนชูป้ายที่เขียนไว้ว่า “ยินดีต้อนรับพนักงานจากบริษัทโซเชียลอินเตอร์ กรุ๊ป (ประเทศไทย)”
“สวัสดีค่ะฉันชื่อโรสค่ะ ดีใจจังค่ะที่มีคนไทยมารับ ตอนแรกฉันนึกว่าจะมีพวกหัวแดง หัวเหลืองหรือไม่ก็หัวทองมารับซะอีก ที่แท้ก็หัวดำ หัวเดียวกับพวกโรสเลย”
รสสินาพูดติดตลกพูดจาอย่างเป็นกันเอง ทำให้อัศวินอดที่จะยิ้มกับคำพูดนี้ไม่ได้ เมื่อรสสินาแนะนำตัวทุกคนในคณะเดินทางจึงแนะนำตัวบ้าง
“ผมว่าเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะครับ”
หลังเสร็จสิ้นการแนะนำตัวที่เขาจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาก็พาทั้งหมดไปพักผ่อน อัศวินรู้ดีว่าการเดินทางมาสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมง ต้องนั่งอยู่บนเครื่องบินนานกว่าสิบชั่วโมง ต้องมีปวดเมื่อยเนื้อตัวกันบ้างรวมทั้งอาการที่มีความแปรปรวนกับสภาพร่างกายและจิตใจหรือที่เรียกว่าเจ็ตแล็กอีกด้วย
“ก็ดีค่ะ อยากจะเอาหลังสัมผัสที่นอนเต็มแก่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยนะครับ”
อัศวินยิ้มให้คณะเดินทางอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำทั้งหมดไปยังรถตู้สองคันที่จอดรออยู่ด้านนอก นำพวกเขาและเธอไปพักยังอพาร์ตเมนต์ที่อลาริคซื้อไว้สำหรับให้พนักงานในเครือพักอาศัย ยามที่มาแลกเปลี่ยนการทำงานที่นี่
สิบนาฬิกาของเช้าวันใหม่
อัศวินขับรถตู้ของเจ้านายจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย เพื่อพาคณะเดินทางจากบริษัทสาขาในไทยไปเที่ยวอย่างเช่นทุกปีที่ทำ อาจะเป็นเพราะเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุสิบสี่ปี จนถึงบัดนี้เขาอายุสามสิบสี่ปี หากจะคิดเป็นตัวเลขก็ยี่สิบปี อีกทั้งยังเป็นพลเมืองของประเทศเสรีแห่งนี้อีกด้วยการเป็นไกด์จำเป็นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ อัศวินก็ขับรถออกมาจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในนิวยอร์กทันที เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ จุดท่องเที่ยวที่ใกล้โรงแรมที่พักมากที่สุด ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค จากนั้นก็ไปชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันและตบท้ายของวันด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ขาดไม่ได้คือบรอดเวย์ โดยจุดที่อัศวินพาคณะเดินทางไปเที่ยวนั้นคือที่ไทม์สแควร์ซึ่งนอกจากเป็นย่านธุรกิจสำคัญของนิวยอร์กยังคึกคักตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกล่าวกันว่าแสงสว่างของไทม์สแควร์ไม่มีวันดับ
“โอ้โห…นิวยอร์กตอนกลางคืนสวยมากๆ เลยค่ะ”
ดวงฤดีกล่าวด้วยความตื่นตาตื่นใจกับความแปลกใหม่ สวยงามและสุดอลังการอย่างที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน จะพูดได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ก้าวเท้าออกมาจากผืนแผ่นดินไทย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นตั้งแต่ออกนอกประเทศและที่เห็นในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สวยงามในสายตาเธอทั้งสิ้น แล้วยิ่งมาเห็นความทันสมัย ล้ำยุคเพราะมีจอโฆษณาขนาดใหญ่มากมายติดอยู่ตามตึกสูงและบริเวณโดยรอบ ยังไม่ร่วมร้านค้าร้านขาย ร้านอาหารอีกนับไม่ถ้วน หากใครมีโอกาสมาเยี่ยมเยือนนครนิวยอร์ก แต่ถ้าไม่ได้มาสัมผัสกลิ่นอายของบรอดเวย์และไทม์สแควร์ดวงฤดีจะถือว่ามาเสียเที่ยวมากๆ
“ใช่ครับ ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสิบแห่งในนิวยอร์กที่นักท่องเที่ยวควรมาเยือน วันนี้ผมคัดเลือกไว้เพียงสี่ที่เท่านั้น เพราะเวลามันจำกัดครับ” ไกด์หนุ่มจำเป็นอธิบาย
“แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ ยังดีกว่าอุดอู้อยู่แต่ในอพาร์ตเมนต์ รอวันไปทำงานอย่างเดียว”
เสียงรสสินาดังเป็นคนต่อมา เธอคิดว่าได้เที่ยวแค่สี่ที่ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้มแล้ว เพราะถ้าหากอัศวินไม่มารับไปเที่ยวในวันนี้ เธอกับเพื่อนๆ ก็คงนั่งๆ นอนๆ อยู่ในโรงแรม ซึ่งมันคงน่าเบื่อมาก
“มันเป็นโปรแกรมของบอสน่ะครับ บอสต้องการให้พนักงานที่มาจากต่างประเทศได้คุ้นเคยกับเมืองที่ตัวเองจะอยู่ ก็เลยให้ผมพาคณะเดินทางที่มาจากประเทศไทยพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ให้มากที่สุด ถือว่าเป็นการปรับตัวด้วยครับ”
อัศวินกล่าวถึงเจ้านายหนุ่มที่เป็นคนคิดโครงการนี้ขึ้นมา เพราะอลาริคตระหนักว่า บริษัทจะเจริญรุ่งเรืองไม่ใช่การบริหารที่ล้ำเลิศเท่านั้น บุคลากรก็สำคัญไม่น้อย ต่อให้เขาบริหารดียังไงแต่ถ้าบุคลากรไม่มีศักยภาพ มันก็ไม่อาจนำพาบริษัทเป็นที่หนึ่งได้
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว โรสขอถามอะไรพี่วินสักข้อได้หรือเปล่าคะ”
รสสินาคิดว่าคนที่ให้คำตอบเรื่องที่ตนอยากรู้ได้มากที่สุดคืออัศวิน เพราะเขาบอกกับเธอและทุกคนเองว่า เป็นคนสนิทของอลาริค เจ้านายใหญ่ของพวกตน
“ถามอะไรล่ะ?” เขาเปิดโอกาสให้สาวอยากรู้ถาม
“โรสได้ยินกิตติศัพท์ระบือไกลของบอสใหญ่มาตั้งนานแล้ว และมาหนาหูมากๆ เมื่อรู้ว่าโรสจะต้องมาทำงานเป็นเลขาให้ท่าน โรสเลยอยากรู้ว่าบอสเป็นอย่างที่เขากล่าวขวัญหรือเปล่า”
รสสินาถามทันที อัศวินรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นชื่อเสียงในด้านความเฮี้ยบ เป็นจอมเผด็จการ ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงหูของพนักงานในบริษัทในเครือตามประเทศต่างๆ ผ่านพนักงานในแต่ละชุดที่เคยมาทำงานที่นี่ แล้วพอชุดใหม่มาเขาก็จะเจอคำถามนี้เสมอ
อัศวินอมยิ้มก่อนจะตอบ “ของอย่างนี้ต้องเห็นกับตา รับรู้ด้วยตัวเองครับ พี่พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้าง”