9 รามิลรักสนุก
“เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน”
“คร้าบ ไม่ได้กลับ”
“ทำอะไร อยู่ที่ไหน”
“เอาคำถามไหนก่อนดีน๊า”
“นี่ ไม่ต้องมากวนพ่อเลยนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า รามิลยืนตัวตรง ๆ แล้วลืมตา มองดูพ่อ ดูแม่ให้ชัด ๆ เห็นไหม แม่เป็นห่วงจนนอนไม่หลับทั้งคืน”
มือใหญ่แข็งแรงเขย่าบ่าบึกบึนของบุตรชายแรง ๆ แล้วดึงร่างสง่าสมชายชาตรีออกมายืนตัวตรงนอกห้อง รามิลพ่นลมออกมาทางปากดังพรู ศีรษะได้รูปสลัดไปมา รู้สึกว่าดีขึ้น ดวงตาคมเข้มมองไปยังมารดา บัดนี้ทำตาแดง ๆ เหมือนกำลังร้องไห้
“พ่อเขย่าเสียจนผมหายง่วงเลย”
“พ่อก็อยากให้เราหายง่วงไง บอกมา ไปอยู่ที่ไหน กับใคร”
“บ้านเพื่อน คุยกับเพื่อนติดพันจนสว่าง ทีแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะนอนที่นั่น แต่กลัวแม่เป็นห่วงก็เลยกลับ”
“ทำไมถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ”
“พ่อ จะจี้ผมไปถึงไหน แม่ครับ เชื่อแล้วใช่ไหมว่าผมอยู่บ้านเพื่อน ไม่ต้องห่วงทุกคนดีกับผมมาก”
“จ้ะ แม่เชื่อ แค่เห็นรามิลกลับมาก็ดีใจแล้ว คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้นะ แม่เป็นห่วง”
“ครับ ผมจะเปิดโทรศัพท์เอาไว้”
“อ้าว นี่หมายความว่าเขาจะไปอีกหรือ แม่ขอร้องล่ะอย่าไปนะ”
ร่างบางโผเข้ากอดบุตรชายด้วยความรักสุดหัวใจ ปลายจมูกโด่งสวยกดลงตรงหน้าอกด้านหน้าที่ปกคลุมด้วยชุดคลุมยาวตัดด้วยผ้าซาตินสีเขียวฟ้าเนื้อดี รามิลอึ้งไปชั่วครู่ หันไปสบตากับบิดาด้วยความรู้สึกผิด
ครั้งแรกที่ไม่กลับบ้าน เพลินกับความสนุกต่อสิ่งแปลกใหม่ ทำให้มารดาเสียใจจนถึงขนาดนี้เลยหรือ ลำแขนแข็งแรงยกขึ้นรัดร่างบางแน่งน้อยเอาไว้แน่น
“แม่ครับ ผมเป็นผู้ชาย ไม่น่าห่วงเลย”
“ไม่นะ อยากให้แม่อายุสั้นหรือไง ถึงจะออกไปอีกน่ะ”
“ผมอายุเท่าไหร่แล้วจะต้องมีส่วนตัวบ้าง อยู่บ้านก็เบื่อ”
“เบื่อนักก็ไปช่วยพี่อีสมาอิลทำงานสิ”
ทันทีที่พูดเรื่องงาน หนุ่มมาดเข้มผิวขาวกลับทำหน้าเหยเกราวกับรับประทานของขมเข้าไปเต็มท้อง บิดาเห็นแล้วอมยิ้มด้วยความเอ็นดู อารมณ์โกรธเมื่อครู่จางหายไปทันที จากที่คิดจะเล่นงาน กลับเปลี่ยนใจโดยเร็ว
“ไม่ล่ะ ผมยังไม่พร้อม ขอใช้ชีวิตอิสระไปก่อน”
“พี่อิสมาอิลทำงานตั้งแต่อายุสิบแปดนะ ส่วนเราอายุตั้งยี่สิบห้าแล้ว ยังไม่สนใจที่จะช่วยงานที่บริษัท แบ่งเบาภาระพ่อกับพี่เราบ้าง”
“บ่นอีกแล้ว พ่อครับ ช่วยผมด้วย”
“งั้นมานี่ ฮุนส์ปล่อยหน้าที่นี้เป็นของผมดีกว่า เราผู้ชายพูดง่าย ไปเถอะที่ห้องรับแขกหรือว่าจะให้พ่อเข้าไปในห้อง”
“ไม่นะครับ ห้ามเด็ดขาดพื้นที่อันตราย”
“ทำไมล่ะ เอาผู้หญิงไปซ่อนเอาไว้หรือไง”
“จริงหรือลูก พาผู้หญิงที่ไหนมาซ่อน พ่อแม่เขาจะได้เอาตำรวจมาจับเราไง พาออกมาเถอะนะ แม่ขอร้อง”
มารดาร้อนรน ใบหน้าเผือดสีด้วยความกลัวเมื่อได้ยินทานาบีพูดว่าบุตรชายเอาผู้หญิงไปซ่อนเอาไว้ ขณะกำลังละล้าละลังอยู่นั่นเองหนุ่มใบหน้าคมหัวเราะดัง ๆ ประสานกับทานาบีที่ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้ ฮุนส์มองสองหนุ่มสลับกันไปมาด้วยสีหน้างุนงง
“หัวเราะอะไรกัน”
“หัวเราะแม่ไงครับ แค่พ่อพูดเล่น ๆ คิดเป็นตุเป็นตะไปได้ ไม่มีใครซ่อนอยู่หรอก ใครจะกล้า แค่ห้องไม่ค่อยเรียบร้อยเท่านั้นเอง”
“งั้นแม่จะให้คนใช้ไปทำความสะอาดให้”
“เดี๋ยวก่อนครับ เย็น ๆ ก็แล้วกัน ตอนนี้ขอไปคุยกับพ่อที่ห้องรับแขกก่อนก็แล้วกัน พ่อครับเร็วเข้าก่อนที่จะง่วงจนทนไม่ไหว”
“เรานี่มันร้ายนักนะทำเอาแม่ใจหายใจคว่ำ มานี่เลยเจ้าตัวดี”
“เบา ๆ ครับ เดี๋ยวเสื้อขาด ตัวนี้ชอบ ๆ อยู่ด้วย”
“ขาดก็ดี จะได้ซื้อใหม่ หวงเอาไว้ทำไมไม่รู้ ชายแขนลุ่ยหมดแล้ว”
เสียงบ่นด้วยความระอาจากมารดาดังไล่หลังมา รามิลหันกลับไปยักคิ้วให้ ฮุนส์ค้อนควักแต่พองาม ก่อนจะยิ้มด้วยความสุข แม้ว่ารามิลจะไม่ได้เรื่อง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เกรงใจใคร ชอบแกล้งพี่และคนรับใช้ แต่ในสายตาของเธอเห็นว่ายังน่ารักเสมอ
ร่างใหญ่แข็งแรงถูกจับดันลงไปนั่งบนเก้าอี้นุ่มตัวสวยด้วยฝีมือของบิดา รามิลแกล้งเอียงศีรษะพับไปข้าง ความเข้มของใบหน้าที่ประดับด้วยไรเคราเขียวเพิ่งผ่านการโกนมาหมาด ๆ ชวนมองไม่น้อย ทานาบีชื่นชมต่อบุตรชายที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย
“นั่งตัวตรง อย่าแกล้งหลับ เรานี่เล่ห์มากจริง ๆ”
“ง่วงนะพ่อ ไม่ได้นอนทั้งคืน”
“แล้วลูกมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงไม่นอน บอกพ่อมาตรง ๆ ดีกว่า ไอ้ที่พูดว่าคุยกับเพื่อนจนถึงสว่างน่ะเป็นเหตุผลที่อ่อนมาก พ่อก็เออออไปกับแม่เพื่อให้เขาสบายใจ”