8 ความเหลวไหลของรามิล
“ฉันจะบอกอิสมาอิลเสมอว่าให้รักน้อง ตามใจน้องทุกอย่าง อะไรก็ตามแต่น้องจะต้องมาก่อนเสมอ”
“ขอบใจคุณมาก ทำหน้าที่แม่ได้ดีเยี่ยม นี่คือผลตอบแทนแห่งความดี คุณมีชีวิตที่สุขสบาย อย่าคิดมากแม้ว่าผมออกไปสนุกนอกบ้าน แต่ก็เป็นการคลายเครียด ผมทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ถ้าไม่ทำแบบนี้จะเป็นบ้าเอา”
คำแก้ตัวของสามีเจ้าชู้ที่เอ่ยออกมานั้น ฮุนส์รู้ดีว่าเห็นแก่ตัวที่สุด ไม่ยุติธรรมสำหรับภรรยา แต่เธอไม่กล้าที่จะห้าม ในเมื่อเขาเลี้ยงดูอย่างดี มีชีวิตที่สุขสบาย อยากได้อะไรก็สมใจทุกอย่าง ได้เท่านี้ก็ดีมากพอแล้วสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกวันนี้อยู่เพื่อดูความเจริญเติบโตของลูก ๆ เท่านั้น ทานาบีจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็ช่าง
“สิ่งไหนที่คุณทำแล้ว มีความสุขก็จงทำไปเถอะค่ะ”
“ชาตินี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนประเสริฐเท่าคุณอีกแล้ว ขอบใจจริง ๆ”
“คุณต้องการอะไรคะ ถึงเรียกหาฉัน”
“อ้อ เกือบลืม แค่จะถามว่ารามิลอยู่ไหน”
“เมื่อครู่เห็นว่าขับรถเข้ามาแล้วนี่คะ”
“ขับรถเข้ามา หมายความว่าไง นี่มันเพิ่งแปดโมงเช้านะ ปกติแล้วรามิลตื่นสายกว่านี้ไม่ใช่หรือ”
ประมุขของบ้านสงสัยต่อพฤติกรรมของลูกชายคนเล็กไม่น้อย รู้ดีว่าเป็นคนตื่นสาย เกือบ ๆ สิบเอ็ดโมงถึงจะออกจากห้อง แต่วันนี้เพิ่งขับรถเข้าบ้าน คงจะมีอะไรผิดปกติ ครั้นมองไปที่ฮุนส์เห็นว่าก้มหน้ามองพื้น ท่าทางมีพิรุธ
“พูดสิฮุนส์ เกิดอะไรขึ้น”
“คุณจะตำหนิฉันไหมที่ไม่ได้บอกเรื่องรามิล”
“มีอะไร บอกมาสิ”
“เมื่อคืนรามิลไม่กลับบ้าน ออกไปตั้งแต่หัวค่ำ ฉันพยายามโทร. หาแต่เขาปิดมือถือ รู้ไหมว่าฉันนอนไม่หลับเลย”
“อะไรกันรามิลไม่กลับบ้าน ไปที่ไหน ทำไมคุณไม่บอกผมจะได้ให้คนออกตามหา เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กหรือไงที่ลูกหายไปแบบนี้”
“ฉันโทร. แล้ว แต่คุณปิดมือถือนี่คะ ฉันก็จนปัญญา”
คำอ้างจากภรรยาที่ได้รับฟัง ทำเอาทานาบีอึ้ง พูดไม่ออกราวกับคนใช้ เขาผิดเองที่ไม่เปิดโทรศัพท์เพราะไม่อยากให้ใครรบกวนขณะที่กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยในสถานบันเทิงซึ่งเป็นกระโจมกลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง
“ผมจะไปดูลูก”
“คุณคะ อย่าวู่วาม ถามให้แน่ว่าไปไหน ถ้าเราแข็งลูกอาจจะหนีออกจากบ้านก็ได้นะคะ ถึงตรงนั้น ฉัน ฉันคงขาดใจ”
“เอาเหอะน่า อย่าด่วนตีโพยตีพายไปนักเลย คุณก็รู้ว่าเรารักลูกแค่ไหน ไปด้วยกันนี่แหละจะได้รู้ว่ามันหายไปไหนทั้งคืน”
“ค่ะ ใจเย็น ๆ เอ่อ รอให้รามิลตื่นไม่ดีกว่าหรือ เขาเพิ่งกลับมา”
จู่ ๆ ฮุนส์เกิดอาการเกรงใจลูกขึ้นมาเสียยังงั้น ทั้งที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องรามิลเรียบร้อยแล้ว ทานาบีชะงักมือที่กำลังเคาะลงไปเอาไว้กลางอากาศแล้วค่อย ๆ ลดลงมาวางแนบกับลำตัว มองหน้าซีดขาวที่ประดับด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล
ทำไมจะไม่รู้ว่าฮุนส์กลัวรามิลโกรธ หากว่าถามเกี่ยวกับการหายไปทั้งคืน แต่ทานาบีไม่สนใจ นิสัยมุทะลุ เอาแต่ใจตัวเองได้แสดงออกมาทันที
“กลัวมันโกรธใช่ไหม”
“เบา ๆ ค่ะ เดี๋ยวลูกตื่น คนเพิ่งนอนคงไม่พอใจถ้าถูกปลุกขึ้นมากลางคัน”
“ไม่ได้ เรื่องนี้ใหญ่มาก รามิลไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”
“ในเมื่อคิดว่าทำถูกต้องแล้ว เชิญค่ะ”
ไม่อาจที่จะห้ามอีกต่อไป ฮุนส์ยืนตัวลีบ กำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ได้แต่มองเสี้ยวหน้าคมคร้ามด้วยใจระทึก ได้แต่ภาวนาอย่าเกิดเรื่องไม่ดีเลย กลัวพ่อลูกจะผิดใจกันเพราะอารมณ์ร้อนด้วยกันทั้งคู่
แม้ว่าทานาบีรักลูกมากแค่ไหน แต่ก็ชอบความถูกต้อง ถ้าเป็นว่าไม่เข้าท่าหรือร้ายแรงเกินไปจะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง
ตรงนี้คือสิ่งที่เธอกลัว ว่าลูกจะแข็งจนถึงขั้นปะทะคารมกันจนถึงขั้นรุนแรง
“รามิล รามิล เปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้”
เงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทานาบีหงุดหงิดไม่น้อย จ้องมองประตูห้องดวงตาแทบถลน ขบกรามเสียงดัง ฮุนส์ผวาเยือก เหงื่อแตกซิก
“รามิลจะเปิดไหม ไม่อย่างนั้นพ่อไขกุญแจเข้าไปนะ”
“อะ อ้าว เปิดก็ได้ มีอะไรคนจะนอน ง่วง”
เสียงยาวยานจากบุรุษหนุ่มรูปงามดังขึ้น บัดนี้โผล่ใบหน้าหล่อแต่ยู่ยี่ออกมาจากประตูห้อง ผมหยิกหยักศกยุ่งเหยิง ดวงตายาวรีหรี่ปรือ ก่อนจะอ้าปากหาวหวอด ๆ แล้วยกฝ่ามือใหญ่แต่นิ้วเรียวปิดปากเอาหลัง
บิดาจ้องเขม็ง ประสบการณ์จากการเที่ยวกลางคืน รู้ว่าลูกไม่ได้หลับไม่ได้นอน คงไปสนุกอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่ารามิลจะเจริญรอยตามตัวเอง