ึ7 ทุกคนต้องยอมรามิล
“รามิลเป็นน้องไง จำไม่ได้เหรอ แม่กับพ่อเคยบอกว่าพี่ต้องเสียสละให้น้อง ห้ามขัด นูร์มานี่ รับรถเอาไว้ เราจะโยน”
“ได้ครับนายน้อย”
นูร์พี่เลี้ยงในวัยสิบเจ็ดปีไม่เคยปฏิเสธรามิลแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกับยืนจังก้า ยกมือขึ้นรอรับรถของเล่นที่กำลังลอยขึ้นบนอากาศ ข้ามศีรษะอิสมาอิลพี่ผู้น่าสงสาร ร้องไห้น้ำตาคลอ
“นี่ไง รับเอาไว้ให้ดี แหม เกือบไม่ได้แน่ะ พี่อิสมาอิลหมอบลงยืนขวางอยู่ได้ ยังอีก หมอบเป็นอูฐเดี๋ยวนี้”
“คุณอิสมาอิลครับ อย่าขัดใจนายน้อยเลย เดี๋ยวนายท่านรู้คุณจะถูกลงโทษนะ เร็วครับ”
“ทำไมทุกคนต้องตามใจรามิลด้วย ไม่เห็นจะน่ารัก นิสัยเสีย ชอบแกล้งคนอื่น”
ความอัดอั้นตันใจถูกระบายออกมาจนหมดสิ้น รามิลในชุดโตปเด็กชะงักการโยนรถของเล่นไปชั่วครู่ แก้มป่องอูมระเรื่อขึ้นด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
“พี่คงพูดไม่รู้เรื่อง พ่อเคยสั่งเอาไว้ทุก ๆ เช้าก่อนไปทำงาน บอกว่าทุกคนในบ้านหลังนี้จะต้องตามใจรามิล ใครขัดใจ ทำให้รามิลโกรธจะถูกลงโทษและไล่ออกจากบ้าน พี่ก็เคยโดนตีมาแล้วนี่ อย่าขัดหมอบลงไปเป็นอูฐเดี๋ยวนี้”
“พี่ต้องเป็นอูฐอีกแล้วหรือ”
“ใช่ หมอบลงไป น่าน อย่างนั้นดี รามิลจะขึ้นแล้วนะ ไม่ได้ นูร์อุ้มเราขึ้นไปนั่งบนหลังอูฐพี่อิสมาอิลเดี๋ยวนี้”
“ครับ ๆ นายน้อย”
“เราจะท่องทะเลทรายกัน นูร์ลงไปนอนเป็นสะพานให้อูฐข้าม”
“หา อะไรนะเป็นสะพาน โอย ไอ้นูร์ตายแน่ ๆ ถูกเหยียบท้องแตกตาย”
พี่เลี้ยงวัยรุ่นโอดครวญทันที แต่ไม่กล้าขัดทิ้งตัวลงไปนอนหงายกางแขนกางขาที่พื้น โดยที่รามิลนั่งอยู่บนหลังพี่ชาย บัดนี้กำลังคลานใกล้เข้ามาทุกที กระทั่งฝ่ามือวางลงตรงง่ามหว่างขา นูร์หลับตาปี๋ด้วยความเสียว กลัวว่าอิสมาอิลจะกดมือลงบนกล่องดวงใจ
จู่ ๆ รามิลบิดหูพี่ชายแรง ๆ จนร้องเสียงดังพร้อม ๆ กันนั้นร่างอิสมาอิลกระโจนขึ้นมาบนลำตัวของนูร์ มือทั้งสองกดลงที่ท้องเต็มแรง เขาแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ต่างจากรามิลที่หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งพี่ชายและพี่เลี้ยงพร้อม ๆ กัน
25 ปีผ่านไป.....
ทานาบีในวัย 50 เศษ ๆ กาลเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันมีผลน้อยมากต่อสภาพร่างกาย ราวกับว่าเป็นมนุษย์พิเศษเพราะยังหนุ่มและหล่อเช่นเดิม นอกจากยังคงรักษาสภาพเรือนร่างกับใบหน้าเอาไว้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือ ความเจ้าชู้
ไม่อาจละทิ้งความกรุ้มกริ่ม มีผู้หญิงเยอะและยังชอบที่จะออกเที่ยวกลางคืนตามสถานที่เริงรมย์ โดยที่ฮุนส์ผู้เป็นภรรยาไม่กล้าปริปากห้ามปราม เธอทำหน้าที่ดูแลรามิลลูกคนเล็กที่อยู่ในวัย 25 ปี กำลังหนุ่มฉกรรจ์ นิสัยห้าว ไม่กลัวใคร เอาแต่ใจตัวเองตั้งต่เล็กจนบัดนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนแม้แต่อิสมาอิลผู้เป็นพี่ชายผู้มีความสุภาพอ่อนโยน พยายามห้ามปรามเขายังไม่ฟัง
รามิลคิดว่าพ่อคอยถือหาง ไม่กล้าลงโทษ บ่อยครั้งที่ทำผิดกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา โดยมีนูร์พี่เลี้ยงคอยติดตามคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่านายทำอะไรทั้งผิดและถูกเขาจะเออออตามไปด้วยซึ่งก็ทำให้ทานาบีมีความสุขไม่น้อยที่ทุกคนตามใจรามิล
“ฮุนส์ ฮุนส์”
เสียงห้าวลึกที่เรียกดังมาจากห้องรับแขกเล็กอยู่ติดกับห้องนอนชั้นบนของทานาบีได้ดังขึ้น ฮุนส์หันไปมองก่อนที่จะใช้ฝ่ามือเรียวบางรวบจับชายฮิญาบที่ป่ายเข้ามาระรานใบหน้าขาวเนียนให้ไปอยู่ทางด้านหลัง
รู้ว่าทานาบีจะต้องมีเหตุบางอย่างสอบถามหรือไม่ก็ต้องการเครื่องดื่มชนิดพิเศษ ฮุนส์ไม่รอช้าก้าวเข้าไปในห้องนั้น เพียงแค่เหยียบย่างพ้นธรณีประตู รับรู้ถึงความกระจ่างจัดจ้าของสีทองซึ่งเกิดจากวอลเปเปอร์บนผนังทั้งสี่ด้านและเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แต่ละชิ้นทั้งเคลือบและชุบด้วยทองทั้งสิ้น
“คุณต้องการอะไรคะ”
“ไม่ต้องนอบน้อมผมขนาดนั้นก็ได้”
“แต่คุณคือผู้ที่ชุบชีวิตฉันให้ได้รับความสุข ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในวันที่รามิลเกิด ถ้าคุณไม่ช่วยเอาไว้ ฉันคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้”
“ไม่เอาน่าฮุนส์ อย่าลืมสิ คุณเป็นแม่ของลูกผม รามิลกับอิสมาอิล ผมจะทอดทิ้งได้ยังไง จงทำหน้าที่ดูแลลูกให้โดยเฉพาะรามิลแต่ก็ใช่ว่าจะละทิ้งอิสมาอิล เดี๋ยวเขาจะน้อยใจว่าเราสนใจแต่น้อง อิสมาอิลแกร่งแล้ว สามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ ผมไม่ห่วงเขาเลย”