6 ผู้หญิงในผ้าคลุมหน้า
รอบ ๆ บ้านนอกจากสวนปาล์มแล้ว ยังมีไม้ดอกไม้ประดับอื่น ๆ ปรับสภาพในการปลูกในทะเลทรายให้ออกดอกออกผลได้อย่างน่าทึ่ง โชคดีของพื้นที่แห่งนี้ เจาะลงไปเบื้องล่างมีตาน้ำที่สามารถสูบขึ้นมาใช้ได้อย่างเหลือเฟือ จึงไม่แปลกที่เห็นความเขียวชอุ่มสมบูรณ์ของพืชพรรณไม้ที่ขึ้นเป็นกระจุกอยู่ในพื้นทีเดียว คล้ายกับโอเอซิสขนาดย่อม
มาฮามีความสุขที่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเล็กกลางสวน ดีกว่าอยู่ที่บ้านหลังมหึมาด้านนอกเสียอีก บ้านหลังนั้นทั้งใหญ่และหรูหรา แต่มากด้วยวัสดุตกแต่งราคาแพง ราวกับพิพิธภัณฑ์คนรวย หาความเป็นธรรมชาติได้น้อยมาก
“มาฮา มาฮา”
เสียงเรียกเย็น ๆ ดังออกมาจากห้องโถง มาฮารีบรับคำทันทีแล้วพาร่างในชุดโต๊ปหญิงคอแหลมแขนแค่ศอกสีเข้มเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณต้องการอะไรคะ”
“ดูซิว่าคนสวนเลิกงานหรือยัง”
“เลิกงานแล้วค่ะ ออกไปเมื่อครู่นี่เอง”
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะได้ออกไปสูดอากาศเสียที อยู่ในห้องนี้ทั้งวัน มันอุดอู้จนแทบหายใจไม่ออก”
คนรับใช้เก่าแก่ของทานาบีกวาดตาไปรอบ ๆ ห้องโถงจนทั่ว คิ้วเรียวเล็กสีเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง
“ไม่อุดอู้นี่คะ บ้านหลังนี้ออกแบบโล่ง มีลมพัดเข้ามาได้ตลอดเวลา”
“สำหรับฉันแล้วไม่ใช่ ต้องทนกักขังอยู่ในร่างนี้ มันทรมานมาก มาฮาหากว่าได้ออกไปสูดอากาศด้านนอก ชมความเขียวของต้นไม้ใบหญ้า รู้ไหมว่าช่วยยืดชีวิตอันอัปภาคย์ไปได้อีกวันหนึ่งเชียวนะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ฉันใจไม่ดี ยังไงเสียคุณจะต้องอยู่”
“ใช่ ฉันจะต้องมีลมหายใจต่อไป แม้ว่าจะชิงชังต่อสภาพสุดแสนทุเรศ อยู่เพื่อสิ่งนั้น มาฮา ฉันออกไปนอกเขตรั้วต้นไม้ด้านนอกบริเวณบ้านได้ไหม”
หญิงร่างบางที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้ผ้าคลุมเหมือนหญิงอัฟกานิสถานเอ่ยขึ้นด้วยเสียงระส่ำสั่น มาฮาทำท่าตกใจ มองใบหน้าที่เห็นแค่เพียงลูกตาสีดำหวานคมอย่างเว้าวอน จับมือนุ่มเรียวขาวโผล่พ้นจากแขนเสื้อสีมรกตผ้านุ่มเบา ๆ
“ไม่ได้ค่ะ จะต้องอยู่แต่ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้น”
“คงเป็นกรรมแต่ชาติปางก่อนที่ทำให้ฉันถูกจำกัดพื้นที่ เมื่อไหร่หนาถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์เสียที”
“สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ หากว่าเราทำใจให้เป็นสุข เราก็จะสุขค่ะ”
“ขอบใจนะที่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น หากว่าไม่มีเธออยู่ด้วย ฉันคงสิ้นลมไปแล้ว ขอบใจจริง ๆ”
หญิงร่างบางกล่าวด้วยเสียงเศร้า ก่อนจะเดินช้า ๆ ออกมายืนอยู่ตรงบริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านโดยมีมาฮาช่วยประคองโอบกอดเอาไว้และรับรู้ถึงการสั่นระริกของเนื้อตัวนุ่มหอม ตามด้วยเสียงสะอื้นเบา ๆ ดวงใจหญิงวัยกลางคนร้อนวาบเมื่อมองไปที่ผ้าคลุมใบหน้าหญิงที่อยู่ในโอบแขน เห็นว่ามีคราบน้ำตาซึมออกมา บ่งบอกว่ากำลังทุกข์หนัก
มาฮาไม่อาจที่จะช่วยอะไรได้ นอกจากคอยอยู่เป็นเพื่อนและดูแล ให้ความสะดวกสบายต่อการดำเนินชีวิตของหญิงผู้นี้
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ รามิลเด็กชายวัยสามขวบ รูปร่างอ้วนกลม หน้าตาน่ารัก เดินย่องข้ามาในห้องรับแขก สายตาดำขลับที่ประดับด้วยขนตางอนยาวเป็นแพจ้องมองอิสมาอิลผู้เป็นพี่อายุห่างกันห้าปี ขณะนี้กำลังประคองท้ายรถบรรทุกของเล่นให้ขับเคลื่อนไปบนรางที่เป็นถนนพลาสติกต่อกันยาว แล้วเลี้ยวโค้งวนไปมา
“ขอนะ พี่อิสมาอิล”
“หา อะไรนะ รามิล เดี๋ยวก่อน แม่เพิ่งซื้อให้ พี่ยังไม่เบื่อเลย”
“ไม่ได้ รามิลจะเอา”
เด็กน้อยกอดรถบนทุกคันนั้นเอาไว้แนบอก ปฏิเสธเสียงดัง ตาลุกวาววับ เขาไม่ยอมคืนรถของเล่นให้แก่พี่ชายเด็ดขาด ขณะนี้ผู้ที่เกิดก่อนทำหน้าเหยเกคล้ายกับจะร้องไห้
รู้ดีว่าอย่างไรเสียก็คงไม่ได้รถคืน นอกจากรามิลเล่นเบื่อหรือไม่ก็ทำลายให้เสียหาย โดยที่ไม่มีความผิด ทานาบีและฮุนส์ผู้เป็นมารดาจะเข้าข้างน้องโดยตลอด
“พี่ขอล่ะ ขอเล่นอีกรอบเดียวก็ได้”
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ เดี๋ยวฟ้องแม่นะ พี่โดนตีแน่ที่ไม่ตามใจรามิล”
“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องตามใจรามิล ไม่เคยถูกลงโทษเวลาที่ทำผิด”
พี่ชายตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด หลังจากอดทนครั้งแล้วครั้งเล่าต่อการเสียสละในทุก ๆ เรื่องแก่น้องเพราะฮุนส์จะพร่ำสอนเสมอว่ารักน้องและตามใจให้มาก กระทั่งเขากลายเป็นลูกไล่ถูกรามิลกลั่นแกล้งบ่อย ๆ