5 ทำเพื่อความลับ
“เราให้เงินทุกคนไปตั้งตัว และออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องกลับมาทำงานอีก เอาล่ะมารับเงินทีละคนแล้วเก็บเสื้อผ้าข้าวของออกไปได้”
“ท่านทานาบี ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม”
“นั่นสิ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมท่าน”
เสียงถามอย่างขลาด ๆ จากลูกจ้างชายวัยร่วงโรยทั้งสองดังขึ้น พร้อมกับยกสองมือหงายขึ้นเป็นการอ้อนวอนขอความเมตตา
“เรื่องจริง เราให้ทุกคนออกไปจากบ้านหลังนี้”
“โอ พวกเรามีความผิดอะไร เรารักที่นี่”
“ไม่มีคำตอบ มารับเงินแล้วออกไปได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอา แต่ก็ออกไปตัวเปล่า ๆ”
เจอคำสั่งเด็ดขาดจากผู้เป็นนาย ลูกจ้างทั้งหมดยุติการซักถาม นอกจากลุกขึ้น ยืนก้มหน้ารอการเรียกชื่อเพื่อรับเงินก้อนโต
ทุกคนอยากจะถามทานาบีว่ามีความผิดอะไร ทำไมถึงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่กล้าแม้แต่เอื้อนเอ่ย
ใช่ว่าจะไล่ลูกจ้างออกหมดเสียทีเดียว ยังเหลือมาฮาหญิงรับใช้เก่าแก่เอาไว้คนหนึ่ง สร้างความงุนงงให้แก่เธอมากที่รอดพ้นจากการถูกอัปเปหิออกไปจากบ้านหลังใหญ่
การกระทำในครั้งนี้ของทานาบีกลายเป็นปริศนาที่ไม่มีใครสามารถที่จะล่วงรู้ได้เลย
ใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาของหญิงวัยกลางคนโผล่พ้นออกจากฮิญาบสีน้ำตาลอ่อนยังคงก้มงุดมองที่พื้น ทุกลมหายใจเข้าออกเต็มไปด้วยความอึดอัด หลังจากทานาบีให้ลูกจ้างทุกคนออกไปจากบ้านจนหมดสิ้นแล้วได้เรียกมาฮาเข้ามาหาเพียงลำพัง
มาฮาหวั่นใจว่าอาจจะทำอะไรเป็นที่ไม่พอใจแก่เจ้านายรูปหล่อ ไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าขึ้นสบตา สองมือกร้านเพราะทำงานหนักบีบเข้าหากันเพื่อให้กำลังใจแก่ตนเอง
“มาฮา”
“อ่ะ คะ นายท่าน”
“ฉันเรียกแค่เบา ๆ เท่านั้น ทำไมถึงสะดุ้งสุดตัวอย่างนั้นเล่า”
“อะ อ่า ฉัน ฉัน คิดอะไรเพลิน ๆ ค่ะ นายท่านมีอะไรที่จะให้รับใช้ บอกมาเถอะค่ะ จะรับชาร้อนทานกับอินทผลัมอบแห้ง หรือจะสูบชิชาบารากู่”
หญิงรับใช้เกิดอาการตื่นตระหนกต่อเสียงเรียกที่โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของบรรยากาศในห้องโถงอันโอ่อ่า นางตอบแบบตั้งรับแทบไม่ทันด้วยวาจาตะกุกตะกักพร้อมกับเสนอสิ่งที่นายเหนือหัวนิยมชมชอบเป็นประจำ
ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง หลังจากเอ่ยถามมาฮาไปแล้ว ทานาบีกลับนิ่งเฉย เท่ากับว่าเพิ่มความหวาดหวั่นให้แก่หญิงรับใช้เช่นเธอ ได้แต่ก้มหน้ามองพรมปูพื้นสีเทาที่ทอด้วยไหมเป็นขนยาวนุ่มแทรกแซมประดับด้วยเลื่อมสีเงิน เมื่อกระทบกับแสงไฟทอประกายระยิบระยับ
“เงยหน้ามองฉันก็ได้ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก”
“เอ่อ ฉัน ฉันเป็นห่วงคุณผู้หญิงค่ะ”
“ใช่ ฉันก็ห่วงเธอมาก มากเทียบเท่าชีวิต หากว่าฉันได้รับบาดเจ็บแทนเธอได้ คงทำไปแล้ว แต่นี่มัน เฮ้อ.....มาฮาด้วยเหตุนี้แหละฉันถึงไม่ให้เธอออกไปจากที่นี่”
“นับว่าเป็นความกรุณาค่ะ”
ศีรษะได้รูปปกคลุมด้วยฮิญาบก้มลงแสดงความขอบคุณจากผู้เป็นนายผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองราคาแพงอยู่ตรงหน้า
“เธอเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อครอบครัวของเรา โดยเฉพาะนายหญิง แต่เราก็มีข้อเสนอบางอย่างที่ตกลงกับเธอเหมือนกัน”
“ฉันยอมปฏิบัติตามทุกอย่าง ขอแค่นายท่านเอ่ยออกมาเถอะค่ะ”
“ดีมาก เธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กในสวนปาล์มซึ่งอยู่ด้านในสุดของบ้านใหญ่ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”
“ค่ะ ฉันยินดีไปอยู่ที่นั่น”
“ดีแล้ว ฉันเชื่อว่าเธอเป็นลูกจ้างคนเดียวที่ซื่อสัตย์ ฉันไว้ใจเธอนะ หากว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็จงบอก เราจะทำตามที่ต้องการทันที”
“ขอบพระคุณค่ะ นายท่าน”
“ดี งั้นก็ไปเก็บเสื้อผ้า ข้าวของให้เรียบร้อย ส่วนเราจะไปหาลูกจ้างชุดใหม่เข้ามาทำงานแทนที่พวกรุ่นก่อน”
หลังจากสั่งการเสร็จ ชายร่างใหญ่ผู้สง่างามในชุดโต๊ปลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เกิดเงาทอดยาวมาทางด้านหน้า มาฮายังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม นางจะต้องรอให้เขาออกไปก่อนถึงจะออกไปจากห้องนี้ได้
บ้านเล็กในสวนปาล์มใช่ว่าจะสร้างแบบลวก ๆ ให้ลูกจ้างอาศัยหลับนอนเฝ้าสวนทั่วไปไม่ บ้านหลังนี้ออกแบบได้อย่างสวยงาม โล่ง โปร่งไม่ทึบ พิถีพิถันในการเลือกวัสดุทุกชนิดเป็นอย่างดี ไล่ตั้งแต่อิฐกันความร้อนที่มีความคงทนต่อทุกสภาพอากาศ ข้าวของเครื่องใช้ในการตกแต่งสวยงามและเข้าชุดกัน วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม