16 หลายชีวิต
“ดีจังค่ะพ่อ”
“แสดงว่าเราชอบนวด”
“ค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะไปนวดเลย”
“เดี๋ยวนี้มีสปาดี ๆ เปิดในเมืองเรา ทั้งของคนพื้นที่กับต่างชาติ ราคาสูสีกัน ลูกจะนวดเป็นครั้งหรือว่าซื้อคอร์สก็ได้”
“ยังหรอกค่ะ ขอให้จัดการกับงานชุดนี้ให้ออกไปเรียบร้อยก่อน พ่อขาลูกเกลียดคนรวย ชอบเบ่ง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น”
จู่ ๆ หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเครียด หลังจากนึกถึงเจ้าของรถสปอร์ตคันที่เธอชนท้ายเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้เพราะอะไรเรื่องแบบนี้เข้ามารบกวนจิตใจตลอดเวลา ส่งผลให้ทำงานไม่ได้แล้วเครียด ได้แต่ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า อย่าให้เจอก็แล้วกันจะตามจองเวรทุกครั้ง
มีไม่มากนักหรอก รถสปอร์ตแบบนั้นในเมืองมาลูล่า
“เราคงมีปัญหากับคนรวยมาล่ะสิ ใครกัน”
“ไม่รู้ค่ะ แต่ไม่ชอบ รวยแล้วเบ่ง อยากถามว่าทำอย่างนี้ได้อะไร”
“พ่อว่าอย่ายุ่งเลยน่า คนประเภทนี้ ไม่เห็นหัวคนอื่นหรอก เอาตัวเองเป็นใหญ่ เลิกคิด ทำงานเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว”
บิดาเห็นท่าไม่ดี กลัวว่าลูกสาวจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ ได้แต่ปรามเอาไว้ ทว่า หญิงสาวกำมือแน่น ตาวาวโรจน์ แม้ว่าไม่เห็นหน้าคนขับ แต่จำรถได้เป็นอย่างดี เจอเมื่อไหร่เป็นเรื่องเมื่อนั้น ไม่ปล่อยให้ลอยนวลแน่
ความร่มรื่นภายในสวนปาล์มหลังบ้าน คล้ายกับเป็นมนต์เสน่ห์สะกดให้รามิลเดินลึกเข้าไปทุกที เขาเองก็แปลกใจแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยที่จะย่างกรายเข้ามาในบริเวณส่วนนี้ มีความรู้สึกว่าเหมาะสำหรับคนงานเท่านั้น
“เย็น ร่มรื่นดีเหมือนกัน ไม่รกด้วย ส่วนปาล์มปลูกอย่างเป็นระเบียบ ไม่น่าเชื่อว่าพ่อจะมีสวนใหญ่ขนาดนี้ เนื้อที่เท่าไหร่กันนะ”
ชายหนุ่มกวาดดวงตาคู่คมไปรอบ ๆ ตัวอย่างพิจารณา สองเท้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้รองเท้าหนังปลายแหลมราคาแพงยังคงก้าวไปข้างหน้าด้วยความเพลิดเพลิน แม้ว่ามีร่มเงาของใบไม้พาทับลงมา แต่ก็อบอ้าวเช่นกัน เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ซึมออกมาจากผิวหนัง บางส่วนไหลย้อยลงมาเกือบเข้าตา เขายกชายผ้าโพกศีรษะปาดเช็ดออกโดยเร็ว
“ร้อนจัง เอ ทำไมเรามีความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันนะ เหมือนว่ามีดวงตาใครบางคนกำลังแอบดู ไม่หรอกมั้ง ในสวนลึกขนาดนี้จะมีใคร อุปทานไปเองมากกว่า”
ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นในขณะยืนอยู่ท่ามกลางสวนปาล์มสูงตระหง่านว่าไม่ได้อยู่คนเดียว มีใครบางคนกำลังจับตาดูการเคลื่อนไหว ไม่ว่าขยับไปทางไหนก็จะสัมผัสกับสายตาประหลาดที่มองไม่เป็นตัวตน
“มีคนสะกดรอยตามเรา หรือว่ามีคนอยู่ในบริเวณนี้ ทำไมไม่ปรากฏตัวออกมาจะเล่นสงครามประสาทไปถึงไหน เอ หรือว่าเรานั่นแหละที่คิดมาก”
รามิลยังคงอยู่ในอาการที่เรียกว่าหงุดหงิด หวาดหวั่น ใจเต้นระรัวต่อสิ่งที่ไม่อาจเห็นตัวตน ประสาทสัมผัสบอกได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน เห็นทีว่าจะต้องหาตัวคนที่แอบมองให้ได้ แม้ว่าจะใช้ความพยายามเท่าไรก็ตาม
หลังจากใช้ความนิ่งสยบการเคลื่อนไหว เพื่อที่จะจับทิศทางของดวงตาประหลาดที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางแมกไม้ บางครั้งแกล้งขยับตัวช้า ๆ เงี่ยหูฟังเสียงแปลกปลอม กระทั่งแน่ใจถึงจุดของการซ่อนตัว รามิลยิ้มเจ้าเล่ห์
“คราวนี้ล่ะ ไม่รอดฝีมือเราไปได้หรอก อยากรู้นักว่าแอบดูเราทำไม ไม่มีงานทำหรือไง เอาล่ะวิ่งไปทางด้านหลังปาล์มต้นนั้นได้เลย”
รามิลวางแผนต่อการที่จะจับผู้หลบซ่อนดูการเคลื่อนไหวของเขาไว้เรียบร้อย ไม่รอช้าที่จะพุ่งร่างใหญ่ไปทางด้านหลังของต้นไม้ด้วยความเร็วและเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ใครบางคนหลบอยู่หลังต้นปาล์มจริง ๆ เขาคว้าข้อแขนเอาไว้แน่นซึ่งก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจ ร่างในชุดอบายาสีเข้มยาวสะดุ้ง เมื่อรู้ว่าพลาดท่าถูกจับเข้าแล้ว
“อุ๊ย ปล่อยค่ะ ปล่อย”
“ปล่อยหรือ เดี๋ยวก่อนขอถามอะไรสักนิด มาทางนี้”
ชายหนุ่มพยายามลากข้อมือหญิงร่างแบบบางที่ซ่อนใบหน้าอยู่ในผ้าคลุมมิดชิด มีช่องเจาะเอาไว้ตรงส่วนที่เป็นลูกตาเท่านั้น เขาไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง แม้ว่าจะเลิกผ้าคลุมออก แต่เธอเบือนหลบ พยายามสลัดมือเขาออกตลอดเวลา
“ไม่นะ อย่า อย่า”
“กลัวหรือ คุณทำอะไรผิดถึงได้สั่นไปทั้งตัว แอบขโมยของในสวนหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า กรุณาปล่อยเถอะ”
หญิงร่างบางละล่ำละลักปฏิเสธด้วยความกลัวสุดขีด จากน้ำเสียงรู้ว่าไม่ใช่สาวแต่อยู่ในวัยกลางคน รามิลเองก็ยังมึนว่าผู้หญิงคนนี้มาทำอะไรอยู่ในสวนปาล์มซึ่งเป็นสวนของบิดาเขา คนนอกไม่อาจเข้ามาได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต