15 พ่อแม่ทำไมไม่นอนห้องเดียวกัน
สิ่งที่กล่าวออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับของบุตรชาย ชื่นใจเหลือเกินราวกับได้รับหยาดหยดน้ำทิพย์จากสวรรค์ชโลมใจ ฮุนส์เผลอยิ้มบาง ๆ อย่างน้อยก็รู้ว่ารามิลมีจิตใจที่ดีงาม ไม่ได้ชั่วช้าสามานย์แต่อย่างใด
“แม่จะรอวันนั้น ไม่ว่านานแค่ไหนก็ตาม”
“มาพูดอย่างนี้ ผมรู้สึกแย่ยังไงไม่รู้ ผมสัญญาครับว่าจะทำให้ได้และให้ดี”
“จ้ะ แม่เชื่อ งั้นแม่นอนก่อนนะ”
ร่างบางในชุดคลุมผ้าเนื้อนุ่มสำหรับใส่นอนผละออกไปที่หน้าห้อง รามิลขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เห็นทีว่าจะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้อีกแล้ว เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างบิดากับมารดา ทำไมถึงได้เหินห่าง ไม่เหมือนกับคู่อื่น ๆ
“แม่ครับ ผมขอถามอะไรอีกนิด”
“เรากลายเป็นคนขี้สงสัยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ทราบ”
“นานแล้วครับ แม่ให้คำตอบแก่ผมได้ไหมว่าทำไม แม่กับพ่อทำไมแยกกันนอนคนละห้อง ไม่เหมือนสามีภรรยาคู่อื่นล่ะครับ”
“เอ่อ ลูก คือว่า”
เวลานี้ฮุนส์ชะงัก อ้ำอึ้ง ใจหายวาบเพราะไม่คิดว่าลูกจะถามแบบนี้ เธอยังไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้ กระทั่งได้ยินรามิลถามซ้ำอีกครั้ง
“แม่รู้ว่ามันผิดปกติ ไม่เหมือนใคร แม่เคยตกลงกับพ่อเอาไว้แล้วว่า อยากให้เขานอนสบาย ไม่อึดอัดเวลากลับบ้านดึก ๆ ก่อนหน้าที่จะแยกห้องพ่อพูดว่าเกรงใจแม่ ไม่อยากกวนให้ตื่น”
“หึ หึ ส่วนใหญ่แล้วพ่อกลับเช้านี่ครับ น้อยครั้งมากที่จะกลับภายในคืนนั้น ผมกับพ่อนิสัยเหมือนกันมาก แต่พี่อิสมาอิลไม่เหมือน ขานั้นเรียบร้อย ทำแต่งาน ใครแต่งงานด้วยถือว่าโชคดีมากที่สุด”
“ลูกเอ๊ย อย่าให้เหมือนกันหมดทั้งสามคนเลย แค่นี้แม่ก็ห่วงแทบแย่อยู่แล้ว”
“สำหรับผม ตัดคำว่าห่วงออกไปได้เลย ดูแลตัวเองได้ นูร์ก็ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพัง ตามติดทุกที่เสียจนผมรำคาญ”
“อย่างนั้นก็เถอะ แม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หายสงสัยแล้ว นอนเถอะนะ อ้อ พรุ่งนี้จะทานอะไร แม่จะได้เตรียมเอาไว้ให้”
“อะไรก็ได้ แค่ยัด ๆ ลงท้องให้อิ่มพอแล้ว”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนผลุบร่างเข้าห้อง ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง ฮุนส์ยืนมองด้วยความเวทนา น้ำตาซึม เวทนารามิลมากที่สุด ใครจะเกลียด ไม่ชอบต่อนิสัยแย่ ๆ ก็ตาม สำหรับเอแล้ว รามิลคือสิ่งที่มีค่าจะต้องดูแลจนถึงที่สุด
ก่อนที่จะเข้าห้องดวงตาคมหวานมองไปที่ประตูซึ่งเป็นห้องของทานาบี บัดนี้ปิดเงียบ ปราศจากผู้อาศัย ฮุนส์ยิ้มเศร้า ๆ แทนที่จะโกรธต่อการทำตัวเสเพลทั้งที่วัยเกินครึ่งคนเธอกลับสงสารต่อชะตาชีวิตที่ต้องลงเอยในแบบนี้
“ขอให้มีความสุขนะ คุณทานาบี คุณชอบแบบไหนก็ทำไปเถอะ ส่วนฉันจะไม่ละเลยหน้าที่ภรรยาและแม่ที่ดีของลูก”
สายลมเย็น ๆ พัดผ่านเข้ามาจากส่วนไหนของบ้านก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทั้งที่ปิดประตูหน้าต่างจนมิดชิด ฮุนส์ขนลุกกรูเกรียวเมื่อสายลมประหลาดสัมผัสเรือนกาย เย็นวาบไปจนถึงหัวใจ เธอรีบเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
ดึกแล้วแต่หญิงสาวในชุดอบายาสีน้ำตาลอ่อนยังคงนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ผมสีน้ำตาลเข้มถูกขมวดเป็นมวยสูง เผยเห็นช่วงคอระหง ผิวขาวเนียน ใบหน้าที่ประดับด้วยเครื่องเคราวางเอาไว้อย่างเหมาะเจาะ เธอคือผู้หญิงที่จัดว่าสวยมากคนหนึ่งเพราะมีเชื้อผสมของบรรพบุรุษระหว่างอาหรับและฝรั่งเศส
“นายบ้าเอ๊ย ทำให้เราหงุดหงิด งานไม่คืบหน้าเลย”
เสียงสบถดังออกมาจากเรียวปากสวยสีระเรื่อโดยธรรมชาติ ไม่แต่งแต้มด้วยลิปสติกแต่อย่างใด ภาพการออกแบบจิลเวลรี่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังคงนิ่ง ไม่มีการใส่สีให้สวยงาม มีแต่เสียงถอนใจดังบ่อย ๆ
“เจ็บใจนัก ไม่เคยมีใครอหังการเท่าเจ้าของรถคันนั้น ถือว่ารวยนักหรือไงก็ไม่รู้”
ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้น บั่นทอนสุขภาพจิตอย่างเลวร้าย หญิงสาวไม่มีสมาธิในการทำงานอีกต่อไป ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที ร่างสูงระหงลุกขึ้นยืนทันทีและเดินออกมาจากห้องทำงาน แต่แล้วก็ชะงักเท้าเมื่อเห็นชายในชุดคลุมสีขาวแบบญี่ปุ่นยืนอยู่ตรงบันไดหน้าห้องทำงาน
“ยังไม่นอนอีกหรือลูก”
“พ่อ เอ่อ งานยังไม่เรียบร้อยดีค่ะ”
“เห็นเข้าไปตั้งแต่หัวค่ำ แก้งานให้ลูกค้าหรือไง”
“ไม่หรอกค่ะ ทำชุดใหม่ออกเสนอ ทำยังไงก็ไม่ได้ สมาธิอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ หงุดหงิดไปหมด เบื่อจัง”
ท่าทางบุตรสาวคนสวยบ่งบอกว่าเบื่อหน่ายต่อการทำงานเป็นอย่างยิ่ง ชายวัยห้าสิบเศษพาร่างใหญ่แข็งแรงเข้ามาใกล้ ๆ ยืนเผชิญหน้า ฝ่ามือทั้งสองกดลงไปบนบ่าบอบบาง บีบเล็กน้อย กระตุ้นให้คลายจากความเครียดและได้ผล หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย เปลือกตาคู่สวยที่ประดับด้วยขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ