11 พี่น้องทะเลาะกัน
“ทำยังงี้ได้ไง ไม่ทำงานแต่ออกเที่ยวกลางคืนทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ไม่ได้แล้ว นูร์ก็ไม่เตือน แก่เสียเปล่า”
สาวใช้ใจหายวาบเมื่อรู้ว่าอิสมาอิลไม่พอใจที่รู้ว่าน้องชายออกเที่ยวกลางคืน ได้แต่ยืนตัวลีบอยู่ข้างเสาด้านหน้าบ้าน สายตายังคงจับจ้องมองสองพี่น้องทายาทสบู่น้ำมันมะกอก บัดนี้กำลังเผชิญหน้ากัน
“จะไปไหน รามิล”
“เฮ้ย พี่อิสมาอิลนี่นา โอ สงสัยจะเกิดพายุทะเลทรายล่ะมั้ง พี่ชายเรากลับบ้านเร็ว แหม แต่งชุดนี้เท่ระเบิด ว่าไงนูร์”
“ครับ คุณรามิล”
“พี่ถาม ทำไมไม่ตอบจะไปไหน นี่มันก็ใกล้จะมืดแล้ว”
พี่ชายไม่ชอบใจต่อคำพูดของน้องชื่นชมด้วยเสียงแปลก ๆ เริ่มโกรธต่อการกระทำไร้ความเกรงใจที่เห็นว่าจับที่ไหล่เขา ทำราวกับเป็นเพื่อนสนิท รู้ว่าไม่สมควรแต่คนอย่างรามิลหาได้ใส่ใจแต่อย่างใด
“ผมออกไปสนุกบ้างสิครับ”
“ปล่อยมือออกจากบ่าพี่แล้วบอกมาว่าไปไหน”
“ปล่อยก็ได้ เฮ้อ พี่ครับถ้าผมบอก พี่จะไปเที่ยวด้วยกันไหม ระบำหน้าท้องในกระโจมกลางทะเลทราย มีอาหาร เครื่องดื่มและผู้หญิงบริการทั้งคืน”
“ไม่ พี่ไม่นิยมแบบนั้น”
“ทำไมล่ะครับ สนุกดีออก มีสาว ๆ คอยเอาไว้”
“พี่ไม่อยากนอกใจคนรัก”
“อะหา คนรักหรือ พี่มีแฟนแล้ว ใครกันน๊า ทำไมไม่พามาให้เห็นหน้าบ้าง จะได้ช่วยดูว่านิสัยเป็นยังไง เข้ากับผมได้ไหม”
คำพูดที่แฝงความนัย กลายเป็นชนวนทำให้อิสมาอิลไม่พอใจ จ้องหน้าน้องเขม็ง หากว่าไม่ใช่ลูกแม่เดียวกันคงจะซัดใบหน้ายียวนกวนประสาทนี้ไปแล้ว แต่จนใจไม่อาจที่จะทำอะไรได้ นอกจากจะเป็นน้อง เขายังแตะต้องเนื้อตัวไม่ได้ มีความผิดทันที แม้ว่าอายุ 30 ปี บิดายังเคยลงโทษหนัก ๆ ด้วยเหตุนี้ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่ยุ่ง
“อย่าคิดไม่ดีกับเธอเด็ดขาด”
“หา พี่รู้ด้วยว่าผมคิดอะไร”
“คนอย่างนาย มีคิดดีด้วยเหรอ”
“อ้าว ! พูดอย่างนี้ดูถูกกันนี่หว่า นูร์ ได้ยินที่พี่ชายฉันพูดไหม”
“ได้ยินครับ ผมอัดเทปเอาไว้แล้ว”
“มันจะมากไปแล้วนะนูร์ เอะอะอะไรก็อัดเทป ทำยังกับว่าฉันเป็นผู้ร้ายงั้นแหละ ลบทิ้งเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันโยนโทรศัพท์เส็งเคร็งของนายทิ้งในทะเลทรายแน่ ลบเดี๋ยวนี้ เร็ว ๆ ด้วย”
นับว่าเป็นครั้งแรกที่อิสมาอิลเสียงดังด้วยความโกรธ ท่าทางจะไม่จบง่าย ๆ สาวใช้จอมสาระแนวิ่งเข้าไปบอกฮุนส์ด้วยปากคอสั่นถึงในครัว
“แย่แล้วนายหญิง”
“อะไรของเธอ รายา”
ฮุนส์เอี้ยวใบหน้าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อมาถาม แต่มือยังคงจับถ้วยแบบกาเล็ก ๆ ที่บรรจุนมสด โรยลงไปบนซุปข้าวโพดที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น รายาหันไปมองด้านนอกอีกครั้ง แต่ไม่เห็นอะไรเพราะผนังอิฐบังเอาไว้
“คุณอิสมาอิลกำลังทะเลากับคุณรามิลค่ะ ท่าทางจะแรงด้วย”
“อะไรนะ สองคนนั่นทะเลาะกันเหรอ ตายจริง นี่เธอคอยดูซุปให้ดีอย่าให้ไหม้ ฉันจะออกไปดูลูก”
“ค่ะ นายหญิง”
สาวใช้วัยมากกว่ารายารับคำด้วยเสียงสั่น ๆ ในใจได้แต่ภาวนานายรูปงามทั้งสองอย่าทะเลาะกันเพราะรู้ถึงจุดจบดีว่า ใครจะได้รับชัยชนะ
ลูกจ้างทุกคนสงสารอิสราอิลที่สุด ทุกครั้งที่มีปัญหาขัดแย้งกับน้องชายผู้เอาแต่ใจ เขากลับเป็นผู้ได้รับโทษ อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยแต่ไม่กล้าเพราะทานาบีเคยประกาศเอาไว้ว่าใครก็ตามที่บังอาจขัดใจหรือทำอะไรก็ตามแต่ที่สร้างความขุ่นเคืองให้แก่รามิลละก็คนผู้นั้นจะได้รับโทษสูงสุดคือการไล่ออกจากบ้าน โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น
“ไม่นะอิสมาอิลอย่าทำน้อง”
เสียงร้องห้ามด้วยความตื่นตระหนกจากมารดาที่ดังมาก่อนตัว กรงเล็บแกร่งที่กำลังจะขยุ้มลงบนแขนเสื้อยืดราคาแพงของน้องผู้อวดดีมีอันต้องชะงักแล้วลดลง เสียงถอนใจดังขึ้น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่รู้ว่าทำอะไรรามิลไม่ได้เลย
“ในเมื่อพี่รู้ว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ ทำกับผมทำไม เสียความรู้สึกเปล่า ๆ”
“ไปซะ อยากไปไหนก็ไปเลยเสพสุขให้เต็มที่”
เผลอผลักไหล่บึกบึนเต็มแรงแล้วเดินเซ ๆ มานั่งลงบนเก้าอี้สนามหน้าบ้าน เจ็บปลาบกลางใจที่เห็นฮุนส์โผเข้าหาน้องชาย ลูบคลำเนื้อตัวด้วยความเป็นห่วง เสียงเอ่ยถามอย่างอาทรดังขึ้นตลอดเวลา โดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“รามิล รามิลลูกแม่เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหม”
“แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
“แม่ไม่เชื่อหรอก เมื่อครู่เห็นพี่เขาผลักเสียจนเกือบล้ม มีอะไรกันลูกเอ๊ย เป็นพี่น้องกันค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จาก็ได้นี่นา”