บทที่8.ฉันเลือกอะไรได้มั่ง..
“วิท ไปเที่ยวกันเถอะ” เพราะท่าทางฉันด้วยมั้ง ฐานิฏฐ์เลยชวนฉันออกไปเที่ยว ฉันส่ายหน้า ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น ฉันมีเรื่องให้คิด และต้องตัดสินใจ
“ทำไมล่ะ คนอกหักไม่ควรอยู่คนเดียวรู้ไหม ต้องออกไปเจอคนอื่น บางทีอาจจะเจอคนใหม่ช่วยรักษาแผลใจ” ฉันแค่นยิ้ม ในหัวฉันไม่มีเรื่องของพิทยุตม์เหลือแล้ว สมองของฉันเต็มไปด้วยใครบางคนที่ทรงอิทธิพลมากกว่า และอันตรายมากกว่าอดีตคนเคยรักหลายร้อยเท่า
“ฉันยังไม่พร้อมอะฐา” ฉันตอบตามตรง ฉันควรมีเวลาคิด หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับตัวเอง เวลามันคาบเกี่ยวเสียจนฉันอดระแวงไม่ได้ มันไม่ใช่ครั้งเดียวนี่นะ ผู้ชายคนนั้นเสพสุขจากเรือนร่างฉัน นับครั้งไม่ไหว
จนบัดนี้ ฉันยังจำรสสัมผัสนั่นได้อย่างแม่นยำอยู่เลย
“ไปเถอะ ฉันปล่อยให้แกอยู่ห้องคนเดียวไม่ได้ ฉันระแวง” ฐานิฏฐ์ยืนกราน
ฉันหัวเราะ ฝืนยิ้มให้ “แกกลัวฉันคิดสั้นหรือไง ฉันไม่ได้เสียใจมากมายขนาดนั้นหรอกนะ”
“ใช่...ไปกับฉันเถอะ อย่าอยู่คนเดียวเลย อย่างน้อยก็ยังได้ยิ้ม ได้หัวเราะบ้าง”
“ไม่อะ อยากนอน” ฉันนอนไม่หลับหรอก นั่นมันแค่ข้ออ้าง...คืนนี้ทั้งคืนฉันจะข่มตาหลับลงหรือเปล่ายังไม่รู้
“ฉันสัญญานะวิท ฉันจะไม่ทิ้งให้แกอยู่คนเดียว” ฐานิฏฐ์ยืนกรานเหมือนเดิม ไม่ยอมให้ฉันอยู่ที่ห้องคนเดียว ฉันถูกเพื่อนลากไปเที่ยว แถมที่เที่ยวนั่นก็ยังเป็นสถานที่เดิมที่ทำให้ฉันระแวงหนัก ฉันกวาดตามองรอบๆ จนแน่ใจ ไม่มีเงาของผู้ชายคนนั้น ฉันพยายามทำตัวให้กลมกลืน งดเดินเพ่นพ่านและนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ ส่วนเพื่อนฉันนะเหรอ ออกไปเริงร่ากับบรรดาหนุ่มๆ กลางฟลอร์นั่นไง
ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ฐานิฏฐ์ปล่อยวางทุกสิ่งเลิกสนโลกตั้งแต่ตอนไหน
เสียงโทรศัพท์ดังติดๆ กันหลายครั้ง ผมคร้านที่จะกดรับปล่อยให้ปลายสายรอจนเบื่อไปเอง แต่ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะไม่ยอมแพ้ เสียงเรียกเข้าเลยดังถี่ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมเลยคว้าโทรศัพท์มากดรับแบบเสียไม่ได้ ไม่ทันดูหน้าจอด้วยซ้ำว่าปลายสายคือใคร ผมรำคาญและอยากวีน ทันทีที่ผมกดรับ เสียงดังอึกทึกแทรกผ่านลำโพงมา ผมเลยปรือตามอง
“งานหนักหรือไงวะเพื่อน วันนี้เลยไม่เห็นหัว ที่นี่กำลังสนุกเลยนะโว้ย”
หนึ่งในแก๊งหนุ่มโสดที่ผมเป็นสมาชิกโทรหาผมแบบวิดีโอคอล ผมมองภาพเคลื่อนไหวที่สั่นระริกเพราะคนจับโทรศัพท์คงดื่มเข้าไปไม่น้อยแล้ว แอลกอฮอล์เข้าแทนที่เลือดในกาย การควบคุมตัวเองเลยเหลือน้อยตามไปด้วย
ผมเกือบกดวางแล้วล่ะ ผมไม่มีอารมณ์สนุกในคืนนี้
แต่แล้วใครบางคนก็เดินผ่านเข้ามาในสายตา
แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แถมเห็นแค่ด้านหลังและเส้นผม
ทำไมไม่รู้ผมถึงมั่นใจเหลือเกินว่าใช่...เป็นหล่อนแน่ๆ
ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง พยายามเพ่งตามองหา “ที่เดิมเหรอ?” ผมถามกลับเสียงแข็ง จิปากเบาๆ ทำไมหล่อนถึงไม่เข็ด ทำไมหล่อนถึงยังไปเหยียบสถานที่แห่งนั้น ในเมื่อกล้าปฏิเสธเขาแล้วทำไมไม่อยู่บ้าน
“ใช่...มามั้ยล่ะ”
“ไม่เกินสามสิบนาทีเจอกัน” ผมลุกพรวด ฉวยสูทตัวเดิมมาสวม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ผมสลัดชุดเก่าทิ้งหลังกดวางสาย เปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ เสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีขาว กับกางเกงยีน ผมไม่แต่งตัวแบบนี้นานแล้วล่ะ แต่คืนนี้ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผมอาจไม่ได้กลับมาค้างที่ห้อง ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อม อย่างไรเสียคืนนี้ผมไม่ยินดีที่จะฟังคำพูดปฏิเสธจาดเธออีกแล้ว
“ถ้าปลุกแล้วฉันไม่ตื่น เตรียมชุดสำหรับใส่ตอนเช้าติดรถมาด้วย”
ข้อความสั้นๆ ที่ผมส่งให้เลขาฯ ก่อนจะรีบบึ่งออกจากที่พัก...หัวใจผมเต้นรัวๆ ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาดื้อๆ
ฉันรู้นิสัยฐานิฏฐ์ดีเลยขี้เกียจพูด ไม่ทันถึงชั่วโมงเพื่อนตัวดีของฉันก็หายไปจากสายตาเสียแล้ว ฉันเตรียมตัวจะกลับ นั่งทอดอาลัยอยู่ที่นี่คนเดียวไม่มีประโยชน์ ฉันเริ่มง่วงขึ้นมาหน่อยๆ ผสมกับความเพลียสะสม ตอนที่เดินออกจากผับแห่งนั้น ฉันเลยสะลึมสะลือ
“ประจำ...แกห่วงฉันจริงๆ ใช่ไหมยัยฐา” ฉันบ่นพึมพำเมื่อแน่ใจว่าตัวเองถูกทิ้งอีกแล้ว
คืนนี้ฉันดื่มน้อยกว่าคืนก่อน วันนี้ฉันเลยไม่เมา และมีสติเหลือมากพอที่จะปฏิเสธหนุ่มทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาหา