บทที่6.บทลงโทษคนดื้อ..
แรงส่งของปลายนิ้วแข็งร้อนของเขาแรงระทึกจนฉันต้องผวาอ้าปากพะงาบๆ พยายามเอื้อมมือเหนี่ยวหัวไหล่ของเขาให้แน่นๆ ขาฉันอ่อนยวบ เวลาหลายนาทีที่เขาปรนเปรอจนฉันครางกระเส่า และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฉันคงถึงจุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทางที่เคยรู้จักเพราะเขาเคยสอนไว้อีกเช่นกัน
เขาไม่ปรานีฉันเลยกระทุ้งปลายนิ้วในพื้นที่ชุ่มน้ำของฉันแรงๆ ในขณะที่ฉันดิ้นเร่าๆ สะโพกส่ายร่อนทั้งขยับหนีและแอ่นหยัดเข้าหา แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด!! ไม่ยอมรามือ มีแต่จะเร่งเร้าเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ เขาเร่งจังหวะแทรกปลายนิ้วนั้น จนในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว
“อะ อ้ายยย...อือ...”
เสียงกรีดร้องของฉันถูกเขาปิดกั้นไว้ มือของเขายกขึ้นมาปิดได้ทัน เวลา ไม่อย่างนั้นเหรอพนักงานด้านนอกคงแตกตื่นกันทั้งแผนก ฉันอยากโกรธเขา แต่ฉันมีสิทธิ์อะไรทำแบบนั้นได้ล่ะ
ผมประคองเรือนกายอ่อนปวกเปียกของเธอไว้ ร่างกายของเธอชุ่มเหงื่อและสั่นระริก เธอเอียงตัวพิงอกของผมยังสั่นกระตุกไม่หยุด
“ปะ ปล่อยวิทเถอะค่ะ!!” ฉันรวบรวมแรงที่เหลือ ยกมือผลักอกเขาแรงๆ พยายามทรงตัวให้ได้ แม้เรียวขายังสั่นและอ่อนแรงพร้อมที่จะทรุดฮวบลงไปกองที่พื้น
“อย่าดื้อน่าวิท เวลานี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ผมเตือนเสียงเรียบ เธอไม่รู้หรอกว่าผมทรมานยิ่งกว่าเธอนับร้อยเท่า ผมต้องการเธอเดี๋ยวนี้ ทรมานจนปวดแปลบไปทั้งหน้าขา เพราะอยากปลดปล่อยความต้องการของตัวเองบ้างเหมือนกัน
“วิทดูแลตัวเองได้ค่ะ ปล่อยสิคะ!!”
ฉันตอบเสียงแข็ง อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี อยากจะไปให้พ้นตรงนี้แทบแย่ แต่สภาพร่างกายฉันยังไม่พร้อม...และไม่เอื้ออำนวยพอให้ทำเช่นนั้นได้
“ทางที่ดีนะวิท...เธอปรับสภาพตัวเองให้เหมือนตอนที่เดินเข้ามาในห้องฉันก่อน ไม่อย่างนั้น คนที่จะตกเป็นขี้ปากคนอื่นคือเธอ ไม่ใช่ฉัน”
ผมเตือนเสียงเรียบ เพราะขืนปล่อยหล่อนออกไปในสภาพเช่นนี้ พรุ่งนี้คงมีข่าวฉาวเรื่องใหม่เป็นอาหารปากของพนักงานในบริษัท แทนข่าวฉาวๆ ของผมกับนางแบบชื่อดังเมื่อวันก่อน
ฉันสูดลมหายใจแรงๆ ฝืนเดินก้มหน้าเข้าไปที่หลังโต๊ะทำงานของเขา
สภาพของฉันยับเยินอย่างไม่น่าเชื่อ ลิปสติกจางหายไปจากริมฝีปากเกือบทั้งหมด กลีบปากฉันบวมฉึ่ง สภาพผมฉันก็ไม่ได้ต่างกันเลย หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง...ชุดเดรสสีอ่อนนี่ก็เช่นกัน เนื้อผ้ายับยู่ยี่ ฉันรีบจัดการกับตัวเองอย่างเร่งด่วน ลูบความยับย่นบนตัวเสื้อจนดูดีขึ้นกว่าเก่า สางผมที่หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง จนดูเหมือนเดิม
ที่สำคัญ.. ฉันสบถออกมาด้วยความขัดใจ นึกเข่นเขี้ยวเขาแทบกัดลิ้นตาย เขาจงใจทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงร้อนรัก เริงสวาทกับเขาข้างตู้เอกสารในห้องทำงานของเขานั่นเอง และเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตนเองไร้ยางอาย...ฉันควรเกลียดเขา และเกลียดตัวเองด้วยที่ไม่เคยต่อต้านเขาได้สักที
“จะไปแล้วเหรอ?”
ฉันชะงักกำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ไว้ ไม่สนใจเสียงกระแนะกระแหนนั่น
“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว วิทขอตัวไปทำงานต่อนะคะ
ฉันทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้หรอก ฉันเป็นลูกจ้าง ในขณะที่เขาเป็นนายจ้าง นายจ้างที่สามารถปลดฉันออกจากงานแบบฟ้าผ่าเลยก็ได้
“เธออยากได้เงินก้อนไว้ช้อปปิงอีกไหมล่ะ”
ผมถามแบบเป็นต่อ ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้และเผลอตัวสูดปากครางเสียงแผ่วๆ เมื่อความอึดอัดที่หน้าขาแทบทิ่มเป้ากางเกงทะลุ ความกระหายของผมยังไม่ลดลงสักนิด
ฉันยืนตัวแข็งทื่อ เบิกตามองเขาจนตาโต ผู้ชายคนนี้ปากไม่มีหูรูด คำพูดของเขาทำให้ฉันเดือดจัด เขามองฉันเป็นอะไรกันนะ ในสายตาเขาฉันคือผู้หญิงขายบริการอย่างนั้นเหรอ
ฉันสูดลมหายใจลึกๆ พยายามใจเย็นที่สุด ฉันนับหนึ่งถึงร้อย วนกลับมานับหนึ่งใหม่อีกรอบ เพื่อให้ฉันสงบลงมากกว่านี้
“ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้วิทมีกินมีใช้ ยังไม่ขัดสนอะไร เชิญคุณไปหาคนอื่นก่อนเถอะค่ะ”
ฉันปฏิเสธ ยกมือดันประตูแรงๆ ปัง!!
สาวเท้าเดินเร็วๆ ตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงาน รีบฉวยกระเป๋าสะพายคล้องหัวไหล่ เดินตรงไปยังลิฟต์ ฉันควรไปจากที่นี่ทันที ไม่อย่างนั้นฉันคงคลุ้มคลั่ง...