บทที่4.แล้วฉันจะหลบหน้าเขายังไง..
“แหม...ฉันดูเป็นคนเหลวไหลหรือไงยะ” ฉันแกล้งแย้งเสียงแหลม ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแก้เก้อ
“ในสายตาฉัน แกเป็นกุลสตรีและน่าเบื่อมากๆ คนเรานะวิท ชีวิตแสนสั้น แต่ละคนอยู่ไม่ถึงพันวันสักคน แกจะเคร่งเครียดไปทำไม หาความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“ฉันอยากทำตัวแบบแกนะฐา แต่ฉันยังทำใจไม่ได้”
แต่ละคนผ่านการอบรมมาแตกต่างกัน ฉันยอมรับแหละว่าฉันค่อนข้างหัวโบราณ ฉันไม่นิยมการใช้ชีวิตแบบเสรี ฉันมองไม่เห็นประโยชน์กับการปล่อยตัวไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ฉันมีจุดยืน แม้ตอนนี้จุดยืนของฉันจะสั่นคลอนเพราะใครบางคน
“ฉันไม่ได้เร่งรัดให้แกเป็นเหมือนฉันนะวิท แกเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว คนเรามีมุมมองต่างกัน ความชอบก็ด้วย”
“อืม...ไปทำงานกันเถอะ เถลนานๆ แบบนี้เดี๋ยวถูกดุ”
จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่กล้าปริปากเล่าให้ฐานิฏฐ์ฟัง ฉันคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าละอายและควรเก็บเป็นความลับ ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนยินดีที่จะประกาศความสัมพันธ์ซับซ้อนที่เกิดขึ้น หากผู้ชายคนนั้นคือ อนันยช ศาตนันนท์
ความพยายามของฉันไร้ผลสิ้นดี คนที่ไม่อยากเผชิญหน้าที่สุดโผล่หน้ามาให้เห็นตอนสายๆ ฉันพยายามหลบอยู่หลังเพื่อนร่วมงานคนอื่น พยายามซ่อนตัวไว้เพื่อไม่ให้สะดุดตาใครบางคน แต่กลับไร้ความหมาย..
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อโลกกลมกว่าที่ผมคิดไว้ แม่สาวร้อนสวาทที่ผมเจอเมื่อคืนจนเลยเถิดกว่าที่คิดไว้ หล่อนทำงานในบริษัทใหม่ที่ผมเพิ่งเทคโอเวอร์มาเมื่อวันก่อน ผมยกมือลูบปลายคาง ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ความปรารถนาที่มากจนล้นปรี่เกิดขึ้นปุบปับ ผมไม่เคยพิศวาสคู่นอนคนไหนเท่ากับแม่สาวตรงหน้านี่เลย หล่อนพยายามหลบสายตาผม จงใจแอบต่อหน้าต่อตา ผมควรทำยังไงดีล่ะ
ผมอยาก...มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเธออีกครั้ง
ตอนแรกผมคิดว่าหล่อนก็แค่สาวไฮโซจมไม่ลงคนหนึ่งที่หาลำไพ่พิเศษตอนที่เข้าตาจน พอเลยเถิดกันไปแล้ว สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอกลับเจอขึ้นมาได้ หล่อนสะอาดและผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เชียวแหละว่าสิ่งที่ผมเจอกับตัวเอง ไม่ใช่การเล่นละคร
ผมได้ในสิ่งที่ไม่เคยหวังจากผู้หญิงที่บังเอิญพบกัน
สิ่งที่ผู้ชายบางกลุ่มเทิดทูนไว้ หากเขาตกลงปลงใจอยากมีคู่ชีวิต ผมซึ่งไม่เคยยี่หระกับเรื่องละเอียดอ่อนพวกนั้นมาก่อน เพราะในเวลานี้ผมไม่คิดจริงจังกับใคร แต่เมื่อสัมผัสด้วยตัวเอง มันก็เป็นความภูมิใจลึกๆ ในอก ผมทิ้งนามบัตรไว้ และปรารถนาให้ผู้หญิงคนนี้ติดต่อกลับมา แม้หลังจากนี้ไปหล่อนจะบอบช้ำมากแค่ไหนผมก็คงไม่ถือ
ที่ไหนได้...หล่อนอยู่ใต้จมูกผมนี่เอง
ผมนึกขึ้นมาได้ คำพูดบางคำของหล่อนระหว่างที่เราสองคนแนบชิดกัน...มันเป็นคำเตือนนี่เอง
แล้วผมเสียใจไหมล่ะ เสียใจเหมือนที่หล่อนเตือนหรือเปล่า ผมถามตัวเอง คำตอบตามมาในเวลาไม่นาน...ไม่เลย ผมไม่เคยนึกเสียใจ ผมสนใจคำครหาเหล่านั้นที่ไหนล่ะ เรื่องหยุมหยิมพวกนี้ไม่เกี่ยวกับการทำงานของผมสักหน่อย ตราบใดที่เงินปันผลยังคงมีมูลค่ามหาศาล หุ้นส่วนคนไหนก็คงไม่ใส่ใจเรื่องส่วนตัวที่ผมก่อ
ชื่อเสียงผมจะฉาวโฉ่แค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นตกสักหน่อย
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในกลุ่มคนแผนกบัญชีซึ่งวันนี้ผมต้องการดูรายรับ รายจ่ายเสียด้วย ผมยิ้มมุมปากเอียงหน้ากระซิบบางอย่างกับเลขาฯ ส่วนตัว
“ติดใจตรงไหนไหมคะคุณยช บัวจะได้ให้หัวหน้าแผนกมาชี้แจงกับคุณโดยเฉพาะ” ผมพยักหน้าไล่เลขาฯ หันไปสนทนากับเจ้าของบริษัทคนเดิมที่เพิ่งขายกิจการของเธอให้ผม
“ไม่มีครับ ผมขอคุยกับแผนกบัญชีโดยตรงแล้วกัน ผมอยากหารอยรั่วเล็กๆ นั่นให้เจอเผื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัทแห่งนี้”
ผมตอบเธอแล้วมองเลยไปด้านหลัง กลั้นขำแทบแย่ เมื่อเห็นแม่สาวร้อนของผมพยายามสุดฤทธิ์ที่จะซ่อนตัวจากสายตาของผม
มันเกือบดีเชียวแหละหากไม่ใช่เพราะ “อ้าววิท ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะ” อดีตแฟนเก่าทักฉันเสียงดัง จนคนกลุ่มใหญ่หันมามองที่ฉันกับเขาเป็นตาเดียว ฉันถอนใจแรงๆ กลอกตามองบน พยายามไม่ตวาดอดีตคนเคยรักออกไปให้เขาเสียหน้า
“อยู่เฉยๆ เถอะค่ะคุณพิทยุตม์” ฉันจงใจเรียกเขาแบบห่างเหินเพื่อกันเขาออกจากวงจรชีวิตของฉัน ฉันแปลกใจเล็กๆ ฉันไม่เจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวังของตัวเองอีกต่อไป ฉันสามารถมองเขาได้เต็มตา ไม่รู้สึกปวดแปลบในใจอีกเลย หรือมันอาจจะเป็นเพราะว่าพื้นที่ในสมองของฉันไม่มีที่ว่างให้คิดเรื่องไร้สาระ เมื่อมีปัญหาใหญ่รอให้จัดการ