บทที่4.แล้วฉันจะหลบหน้าเขายังไง
ฉันครางเสียงหวานพร่า ดังลอดออกมาจากกลีบปากอิ่มไม่หยุด
แผ่นหลังของผมชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ขณะที่ร่างกายผมขยับเคลื่อนที่เหมือนเครื่องจักร เตียงนอนสั่นกราวไฟพิศวาสถูกจุดแทบมอดไหม้ เปลวไฟร้อนแรงนั่นลามเลียคนทั้งคู่ ผมและเธอไม่สนใจอะไรอีกต่อไป รู้แค่ว่ากำลังตะเกียกตะกายไขว่คว้าบางอย่างที่มองเห็นลิบๆ
“กรี๊ด!!”
ฉันกรีดร้องเสียงแหลม ร่างกายกระตุกสั่น ลมหายใจหอบๆ ก่อนจะทรุดฮวบเมื่อไขว่คว้าสวรรค์มาอยู่ในกำมือตัวเองได้สำเร็จ
ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ดีใจกับชัยชนะตัวเอง ผมส่งเธอถึงสวรรค์ดาวน์ดึงได้สำเร็จ ทีนี้ก็เป็นตัวเองที่จะต้องกระโจนตามหล่อนให้ทัน...ผมรวบเอวบางเข้าหาตัวแรงๆ กระตุกร่างกายอ่อนยวบเข้าหาตัวเร็วขึ้นก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าตามหล่อนไปติด พร้อมกับที่...เมล็ดพันธุ์ชีวิตสาดใส่เธอจนหยดสุดท้าย...
“อ๊าคคคคค...”
ผมโก่งคอร้องโหยหวน เรือนกายโค้งงอ ลำตัวเกร็งกระตุก ก่อนจะทรุดฮวบลงบนอกอิ่ม หอบหายใจจนตัวโยน
ผมพลิกตัวลงด้านข้าง ดันเรือนกายอวบอุ่นที่นอนหอบหายใจแรงๆ ออกห่าง และนอนแผ่หลากลางเตียงแบบหมดแรงเช่นกัน...
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกบอกไม่ถูก ฉันทรงตัวลุกขึ้นนั่ง “อูยยยย” การขยับตัวของฉันย้ำเตือนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่พวงแก้ม แค้นยิ้มให้ตัวเองหนึ่งกรุบ
เปลือกตากะพริบถี่ๆ ไล่รอยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีก
ห้องว่างเปล่าเงียบกริบไร้ตัวตนของบุคคลอื่น ฉันรวบผ้าห่มขึ้นแนบตัว กวาดตามองไปรอบๆ จนสะดุดเข้ากับบางอย่างที่หัวเตียงนอน
กระดาษสองชิ้นขนาดแตกต่างกัน มือสั่นๆ ของฉันเอื้อมไปหยิบมาดูใกล้ๆ
มันชั่งเหมือนกับละครที่ฉันเคยเห็นผ่านตามาเหลือเกิน
กระดาษชิ้นแรก คือนามบัตรของเขา ผู้ชายที่ป้ายรอยราคีไว้บนร่างกายฉัน อนันยช ศาตนันท์ CEO NS กรุ๊ป กับเช็คที่มีมูลค่าสูงหนึ่งใบ เขาตีราคาค่าตัวฉันด้วยจำนวนตัวเลขหกหลักเชียวนะ
“แกหายหัวไปไหนมายะยัยวิท” ฐานิฏฐ์เพื่อนสนิทที่สุดทักฉันตอนเช้าตอนที่เดินลงจากรถประจำทาง เพื่อนตัวแสบยืนพิงไหล่กับต้นไม้ยืนรอจับผิดฉันอยู่แน่ๆ
ฉันแสร้งปั้นหน้าแสดงความไม่พอใจ “แกนั่นแหละหายหัวไปไหน ฉันรอจนดึกเลยกลับออกมาก่อน” เสียงขึงขังกับตาที่ถ่างจนกว้างเพื่อให้สมจริง จนเพื่อนไม่ติดใจ
“เออ...แหม...ฉันลืมบอกแกก่อนอะวิท ฉันคือ...”
“พอๆ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ไปหาอะไรกินเถอะ ฉันหิวจนแสบท้อง เมื่อคืนฉันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ยกเว้นผู้ชาย” ฉันควรหัวเราะกับมุกเสี่ยวๆ ของเพื่อน แต่ในเวลานี้ฉันหัวเราะไม่ออก ฉันซึมเซาหนักกว่าเก่าเพราะอะไรนั้น มีฉันคนเดียวที่รู้
“วิท แกทำใจเรื่องนายพิทได้แล้วใช่ไหม”
ฉันจะตอบยังไงดีล่ะ เรื่องของพิทยุตม์หลุดหายไปจากความคิดของฉันแล้ว มีเรื่องที่ทำให้ฉันคิดหนักมากกว่าเรื่องถูกแฟนเก่าสลัดทิ้งเสียอีก
“อืม...”
“ดีแล้วล่ะ ผู้ชายสันดานแมงดาแบบนั้น แกเสียใจไปไม่มีประโยชน์หรอก” เสียงเพื่อนเตือน ฉันเห็นด้วยทุกข้อนะ ฉันเลิกสนใจเรื่องผู้ชายคนนั้นนับตั้งแต่มีเรื่องพัวพันกับผู้ชายอีกคน
ฉันจะหลบหน้าเขายังไงดี ฉันไม่ควรเผชิญหน้ากับเขาในเวลานี้เลยจริงๆ
“ฐา วันนี้ผู้บริหารคนใหม่จะเข้ามาไหม?”
“ไม่รู้สิ มาหรือไม่มา ทำไมฉันต้องสนใจวะแก” ฐานิฏฐ์ตอบเสียงเรียบ ยัดขนมจีบใส่ปาก ไหวไหล่และไม่ยี่หระกับการมาของผู้บริหารคนใหม่
“แกเป็นประชาสัมพันธ์แกไม่รู้ว่าใครมาใครไป ฉันจะไปถามใครได้ล่ะ”
“แล้วแกจะสนใจทำไมล่ะวิท คนระดับนั้นไม่อยากเจอหน้าผู้ช่วยหรอก เขาคุยแค่หัวหน้าแก” ฐานิฏฐ์แย้งเสียงแหลม
“จริงเหรอ” ฉันถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ฉันไม่ได้อยากเจอคนเหล่านั้นสักหน่อย โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น
“จริงสิ...งานเขาไม่ได้ว่างเหมือนพวกเรานะยะ NS กรุ๊ปน่ะมีหลายสาขาแกก็รู้”
“ดีแล้ว...ดีจริงๆ”
“วันนี้แกดูแปลกๆ นะวิท แกกังวลเรื่องอะไรอยู่ไหม หรือทำงานไม่ทัน พี่สายดุแกหรือไง” สายใจคือหัวหน้าของฉัน ผู้หญิงที่เคร่งครัดและละเอียดรอบคอบไม่มีใครเกิน