บทที่ 9
เรื่องที่ท่านเจ้าเมืองไปเยือนเรือนตระกูลเสวี่ยเพื่อขอตัวจินเยว่ไปช่วยรับรองแขกไปถึงหูของจ้าวตงหยาง อย่างรวดเร็ว เขาให้กงจือไปซื้อตัวนางคณิกาห้านางแล้วส่งไปที่จวนท่านเจ้าเมืองแทน
จ้าวตงหยางยังฝากคำพูดไปถึงท่านเจ้าเมืองด้วยในเมื่อว่า
"ในเมื่ออยากได้คนไปรับรองแขก นางคณิกาย่อมทำหน้าที่ได้ดีกว่าคุณหนูในห้องหอเช่นแม่นางเสวี่ย" กงจือพูดได้ไม่ตกหล่นเลยสักคำ
ท่านเจ้าเมืองที่ได้ฟังก็หน้าดำคล้ำ เขาจะกล้าโต้แย้งอันใดกับท่านแม่ทัพใหญ่ได้ แต่จะให้คณิกามารับรองแขกในจวนก็เท่ากับให้คนในงานนำไปติฉินนินทาได้ แต่หากไม่รับไว้ก็เหมือนกับงัดข้อกับท่านแม่ทัพ เขาจำต้องรับไว้ด้วยความจำใจ แต่จะให้ทำหน้าที่ใดค่อยคิดในภายหลัง
จ้าวตงหยางเหมือนจะจัดการทุกอย่างให้จินเยว่ด้วยดี แต่เขาลืมนึกไปว่าเว่ยซืออิงมิได้ปล่อยวางความแค้นที่นางได้อับอายในงานเลี้ยงที่จวนแม่ทัพลงเลยสักวัน
เว่ยซืออิงให้บ่าวของนางมารับจินเยว่ไปพบที่จวน โดยอ้างว่า ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวให้มารับจินเยว่ไปพบ แม้จินเยว่จะไม่อยากไปนางก็ต้องจำใจไป เพราะหากทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นเคืองใจนางก็คงจะอยู่ไม่สงบสุขนัก
เมื่อจินเยว่ถึงจวนท่านแม่ทัพ แทนที่นางจะได้ไปเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว บ่าวที่นำทางพานางไปเรือนของเว่ยซืออิงแทน แม้นางจะขัดขืนแล้ว แต่สาวรับใช้สามนางก็รีบยึดแขนขานำผ้ามาปิดปากนางแล้วลากตัวไป
เสี่ยวหงที่ผ่านมาเห็น นางก็แอบดูจนคนทั้งหมดเดินผ่านไปนางจึงออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบวิ่งไปแจ้งคนของจ้าวตงหยางให้รีบไปแจ้งนายของตนเพื่อมาช่วยจินเยว่โดยเร็ว
ต่อให้บ่าวจะรีบไปแจ้งจ้าวตงหยางเร็วเพียงใด ค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองก็ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยก็หนึ่งเค่อ(15นาที) ไปกลับจินเยว่ก็คงได้เจ็บตัวแล้ว
เสี่ยวหงเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็นำความไปแจ้งแก่ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งมีศักดิ์เป็นท่านป้าของเว่ยซืออิง เพื่อให้นางมาช่วยจินเยว่ก่อน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะเข้าไปนอนพัก สาวใช้หน้าเรือนจึงไม่ให้เสี่ยวหงเข้าพบ นางที่ทำอันใดไม่ได้จึงไปยืนรอท่านแม่ทัพอยู่ที่หน้าเรือนด้วยความร้อนใจ
จินเยว่เมื่อถูกพาตัวมานางก็ถูกลากไปในห้องของเว่ยซืออิงทันที เว่ยซืออิงที่เห็นหน้านางความโกรธก็ยิ่งพุ่งขึ้น นางเดินเข้ามาจับใบหน้าของจินเยว่
"เจ้าคงอิจฉาที่วันงานข้าแต่งตัวงดงามจึงได้ทำน้ำหกใส่ตัวข้า ใบหน้าของเจ้าข้าเห็นแล้วอยากจะทำให้เสียโฉมยิ่งนัก" นางเกลียดใบหน้างามแท้ไม่ต้องแต่งของจินเยว่ นางใช้ฝ่ามือตบลงไปเต็มแรงถึงสองครั้ง
ใบหน้างามถึงกับขึ้นรอยฝ่ามือ บวมแดงทันที จินเยว่ที่ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เพราะมีผ้าอุดอยู่ นางได้แต่กัดผ้าแน่น เลือดไหลออกจากมุมปากอวบอิ่มเพราะเกิดจากแรงตบของเว่ยซืออิง
จินเยว่เงยหน้าจ้องเว่ยซืออิงอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นสายตาของจินเยว่ เว่ยซืออิงก็ยิ่งบันดาลโทสะ นางนำแส้ออกมาฟาดไปที่ตัวของจินเยว่ ความจริงนางจะฟาดลงไปที่หน้าแต่จินเยว่เบี่ยงตัวหลบทัน แส้จึงฟาดลงที่แขนของนางแทน
เหมือนนางจะยิ่งโมโหเพราะแส้ที่นางฟาดเพื่อให้โดนใบหน้ากับไม่โดน
"เจ้าพวกโง่ จับตัวนางไว้ให้ข้า วันนี้ข้าจะตีนางให้ตายเสีย กล้าดีเช่นใดทำให้ข้าอับอายต่อหน้าคนมากมาย" เหมือนเว่ยซืออิงจะเสียสติไปเสียแล้ว สาวรับใช้ตัวสั่นไปด้วยความกลัว แต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของนาย
"คุณหนูเว่ยโปรดหยุดมือ" นางตีจินเยว่ไปที่หลังได้เพียงสามครั้งเท่านั้น หลิวเหล่ยที่เดินทางเข้าเมืองมาก็ถูกเสี่ยวหงเรียกตัวไว้ก่อนจะมาพบกับเหตุการณ์ตรงหน้าเขา
"ท่านกุนซือหลิว เรื่องนี้ท่านอย่าได้เข้ามายุ่ง" นางหลุดกิริยาที่มักจะเรียบร้อยอ่อนหวานต่อหน้าคนอื่นตลอด แต่วันนี้ความโกรธเข้าบังตาทำให้สติของนางหลุดความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมา
"ไม่ยุ่งคงมิได้ แม่นางเสวี่ยมิได้เป็นบ่าวในจวนท่านแม่ทัพหรือบ่าวตระกูลเว่ย ที่จะให้ท่านโบยตีได้ตามอำเภอใจ" หลิวเหล่ยกล่าวด้วยเสียงดุดัน อย่างที่ทุกคนพบเห็นได้น้อย
สาวใช้ที่จับตัวของจินเยว่ไว้ปล่อยตัวนางลงด้วยความหวาดกลัว เสี่ยวหงรีบเข้าไปรับตัวจินเยว่ก่อนที่นางจะล้มไปกองกับพื้น จินเยว่ที่เห็นหลิวเหล่ยมากับเสี่ยวหงนางก็ถอนหายใจก่อนที่จะหมดสติไปเพราะความเจ็บปวดจากแส้
"ท่านกุนซือหลิว แม่นางเสวี่ยหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวหงร้องขึ้นด้วยความตกใจ
"ก็แค่บุตรขุนนางต้องโทษ ท่านจำเป็นต้องออกหน้าช่วยด้วยหรือ" เว่ยซืออิงกล่าวขึ้นอย่างมิยอม
"บิดาของนาง ยังมิได้ถูกตัดสินความผิด แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังต้องไว้หน้า เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้องนัก"
หลิวเหล่ยไม่พูดกับเว่ยซืออิงต่อ เขาอุ้มจินเยว่ขึ้แล้วรีบพานางไปเรือนรับรอง แต่จ้าวตงหยางเดินเข้ามาเสียก่อนที่เขาจะได้พานางออกไป
จ้าวตงหยางที่เห็นจินเยว่ในอ้อมแขนของหลิวเหล่ยก็มองสหายอย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะพูดแดกดันสหายสายตาก็มองเห็นเลือดที่ชุดของนาง จนเขาขาดสติถีบโต๊ะในห้องของเว่ยซืออิงพังไม่เหลือชิ้นดี
"คุณหนูเว่ย ข้าคิดว่าเจ้าคงอยู่ที่จวนของข้านานเดินไปเสียแล้ว คงได้กลับเวลากลับตระกูลของเจ้าแล้ว ลากบ่าวในเรือนทั้งหมดออกไปโบยห้าสิบที แล้วขายออกไปเสีย"
บ่าวในเรือนต่างร้องขอความเมตตาจากท่านแม่ทัพเสียงดังไปทั่วจวน มีหรือที่คนเช่นจ้าวตงหยางจะเห็นใจ ทหารของเขาเข้ามาลากตัวบ่าวออกไปทีละคนและโบยต่อหน้าเว่ยซืออิง จนนางหวาดกลัวตัวสั่น
ญาติผู้พี่ของนางมิเคยเรียกนางว่า คุณหนูเว่ย มาก่อนครั้งนี้เขาคงโกรธนางมากจริงๆ มิเช่นนั้นจะเอ่ยปากไล่นางกลับจวนตระกูลเว่ยได้อย่างไร แม้จะหวาดกลัวแต่ก็แค้นจินเยว่มากกว่าเดิมเสียอีก
หลิวเหล่ยที่ไม่ได้รอดูเหตุการณ์ทั้งหมด เขาพาจินเยว่ไปเรือนรับรองแล้วตามหมอมาดูอาการของนาง เสี่ยวหงก็รีบช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้จินเยว่ นางสงสารจินเยว่จนอยากจะร้องไห้ออกมา
จ้าวตงหยางเมื่อจัดการเรื่องในเรือนเว่ยซืออิงเรียบร้อยเขาก็ตามมาที่เรือนรับรองทันที
"เจ้ามาอยู่ที่จวนข้าได้อย่างไร" จ้าวตงหยางจ้องมองหลิวเหล่ยอย่างสงสัย
"จำเป็นด้วยหรือว่าข้ามาด้วยเหตุใด หากข้ามาช้าอีกเพียงลมหายใจเดียว แม่นางเสวี่ยคงไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ" เขาจ้องหน้าสหายอย่างไม่ลดสายตา
หากมิใช่จ้าวตงหยางกลั่นแกล้งจินเยว่ในงานเลี้ยงครั้งนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หลิวเหล่ยกล่าวโทษสหายทางสายตา