บทย่อ
จินเยว่ ตำรวจสาว เธอได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่สายข่าวได้แจ้งเข้ามาวันนี้จะมีการเจรจาซื้อขายครั้งใหญ่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาให้จินเยว่ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าสายสืบ พาลูกน้องไปสำรวจพื้นที่ก่อน อย่าเพิ่งเข้าปะทะเพราะเขาจะส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ แต่ลูกน้องของจินเยว่เห็นโอกาสที่จะเข้าจับกุมได้แล้ว เลยไม่รอกองกำลังพิเศษที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาเสพติดจะพาคนมาฝ่ายละไม่เกินยี่สิบคน แต่กลายเป็นว่าเธอโดนซ้อนแผนเสียแล้ว จะถอยก็ไม่ทัน จินเยว่เข้าช่วยลูกน้องจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างความเป็นกับความตาย สติของเธอเริ่มพร่ามัว เสียงเรียกที่ได้ยินแยกไม่ออกว่าเป็นใครเรียก แต่เธอจำได้ว่ากองกำลังพิเศษมาช่วยไม่ทัน ตอนที่เธอถูกยิงไม่ใช่ว่าจะโดนแค่นัดเดียวทางรอดย่อมไม่มี แต่ตอนนี้ใครกันที่เรียกเธอ หากเป็นหมอก็รักษาเลย ฉันขอนอนต่อก่อน แต่หากเป็นยมทูตรอสักครู่ฉันไม่ได้นอนเต็มตาเช่นนี้มาหลายคืนแล้ว "จินเยว่ ลูกรัก ตื่นเถิดลูก" "จินเยว่ อย่าเงียบเช่นนี้ เจ้าอย่าทำให้แม่กลัว"
บทที่ 1
"เยว่เออร์ลูกรักตื่นเถิด" เสียงสะอื้นของบุรุษวัยกลางคน
"เยว่เออร์ สวรรค์ไยถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ ตระกูลเสวี่ยของพวกข้าทำผิดอันใด ฮืออออ" เสียงสตรีร้องไห้จนจินเยว่รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วย
ก่อนหน้านี้เธอกำลังเข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศอยู่ เธอที่รอกองกำลังที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ เพียงแต่ลูกน้องของเธอที่เห็นโอกาสตรงหน้าแล้วไม่อยากจะรออีก จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหน่วยงานของตนจะมีหนอนบ่อนไส้
ภารกิจครั้งนี้คือการวางแผนตลบหลังหน่วยงานสืบของพวกเธอ จินเยว่ที่เข้าช่วยเหลือลูกน้องให้ฝ่าวงล้อมเพื่อหนีออกไป แต่จำนวนคนที่ต่างกันทำให้เธอพลาดโดนกระสุนปืนหลายนัด ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะดับลง กองกำลังเสริมก็เข้ามาควบคุมพื้นที่ได้พอดี
อย่างน้อยการตายของเธอก็ไม่เสียเปล่า เพราะทางฝั่งพ่อค้ายาก็ยอมสู้จนตัวตายเช่นกัน เสียงโวยวาย เสียงร้องเรียกเธอดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงของบุรุษและสตรีที่เอาแต่กอดเธอร้องไห้อยู่
คำเรียกที่แปลกไป หากจะบอกว่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเธอก็คงไม่ใช่ เพราะพวกท่านเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้เธอจึงอาศัยอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีพี่น้องหรือญาติที่ใดอีก
เธออยากจะลืมตาเพื่อมองคนตรงหน้า เพราะเธอมั่นใจว่าน้ำเสียงของคนทั้งคู่คือคุณพ่อคุณแม่ของเธออย่างแน่นอน แต่เปลือกตาที่หนักเกินกว่าจะลืมได้ อย่าว่าแต่จะลืมตาเลยแม้แต่แขนขาของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับเช่นกัน
ลมหายใจที่อ่อนจนแทบหมดไปแล้วของสตรีตรงหน้า แต่ตอนนี้กับหายใจอย่างสม่ำเสมอขึ้นอีกครั้ง สองสามีภรรยาคุกเข่าคำนับขอบคุณฟ้าดิน หากบุตรสาวของตนไม่หายใจแล้ว พวกเขาคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ การเดินทางไกลที่ยากลำบากครั้งนี้ทำให้บุตรสาวของตนที่เป็นเพียงสตรีในห้องหอล้มป่วยลง พวกเขาได้แต่ทนมองดูโดยมิอาจช่วยเหลือสิ่งใดได้
การโดนเนรเทศครั้งนี้ของตระกูลเสวี่ย เป็นเพราะถูกใส่ร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเสวี่ยป๋อเหวิน เสนาบดีกรมคลังเป็นคนขององค์รัชทายาท อีกอย่างเสวี่ยจินเยว่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทต้องเป็นของนาง เมื่อองค์รัชทายาทถูกกักบริเวณเพราะเรื่องเงินที่ส่งไปสร้างเขื่อนที่เมืองเจียงไห่โดนยักยอก เรื่องนี้จึงเกี่ยวพันโดยตรงกับเสนาบดีเสวี่ย
ยังมิทันได้หาหลักฐานเพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์พระราชโองการปลดเสนาบดีเสวี่ยและให้เนรเทศไปยังชายแดนเหนือก็ถูกนำมาประกาศถึงหน้าจวน เหมือนฟ้าผ่านายบ่าวที่ต่างยังไม่การเตรียมตัวเตรียมใจก็ถูกทางการจับใส่กรงขังนำตัวออกเดินทางทันที
บ่าวในเรือนถูกนำไปขายเป็นทาสหลวงต่อ มีเพียงนายสามคนของตระกูลเสวี่ยที่ต้องออกเดินทางโดยมีทหารควบคุมตัว แต่อย่างน้อยก็ยังมีขุนนางที่สนิทกันคอยช่วยเหลือเรื่องเงินทองและยังให้ทหารดูแลอย่างดีจนถึงชายแดน ถึงอย่างไรความผิดก็ยังมิได้ตัดสินออกมา ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนที่ทำให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการที่สร้างความสั่นสะเทือนนี้ออกมาได้
ทหารที่นำตัวไปส่งก็มิกล้าละเลยหากวันใดที่องค์รัชทายาทหาหลักฐานแก้ต่างได้ เสวี่ยป๋อเหวินย่อมต้องกลับคืนตำแหน่งเดิม แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด สภาพอากาศและการเดินทางที่ยากลำบากจะทำให้ตระกูลเสวี่ยรอดพ้นต่อด้านเคราะห์ครั้งนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
คนที่ยุให้ฮ่องเต้ปลดเสวี่ยป๋อเหวินและสั่งเนรเทศทันทีก็คงมีความคิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่เพียงคงไม่กล้าที่จะปลิดชีพทั้งสามระหว่างทาง ขบวนเดินทางจึงใกล้เข้าเขตชายแดนเหนือแล้ว หากไม่เป็นเพราะบุตรสาวล้มป่วยลงอย่างหนักอยู่กลางป่า พวกเขาคงได้ก้าวเท้าเข้าเขตชายแดนเหนือแล้ว
เสวี่ยจินเยว่ล้มป่วยได้สามวันแล้ว ขบวนเดินทางจึงไม่อาจเร่งการเดินทางได้ หากวันนี้นางยังคงไม่ฟื้นพวกทหารคงได้หมดความอดทนเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะสวรรค์ที่ยังคงเหลือทางรอดให้ตระกูลเสวี่ยอยู่บ้าง เสวี่ยจินเยว่ตื่นขึ้นมาในตอนเย็นของวันนั้น แม้บุตรสาวจะมีอาการมึนงงอยู่บ้าง สองสามีภรรยาก็ยังคงดีใจอย่างยิ่ง
จินเยว่มองไปรอบๆทันทีที่นางตื่นขึ้นมา นางอยู่ในกระโจมเก่าๆ อากาศรอบด้านช่างหนาวเย็นอย่างโหดร้าย สตรีวัยสามสิบห้านั่งอยู่ข้างกายนางพร้อมกับบุรุษที่อายุแก่กว่าเพียงไม่กี่ปี ทั้งคู่เมื่อเห็นนางลืมตาก็พุ่งตัวเข้ามาสอบถามอาการอย่างเป็นห่วง
ภายในกระโจมมีเพียงแสงจากเทียนหนึ่งเล่มที่ถูกจุดไว้เท่านั้น เมื่อหน้าของทั้งคู่ใกล้เข้ามาจนนางเห็นได้อย่างชัดเจน น้ำตาของนางก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นคุณพ่อคุณแม่ของนางจริงๆ เพียงแต่พวกเขาใส่ชุดโบราณ คำพูดที่ใช้ก็เป็นภาษาสำเนียงโบราณทั้งหมด เมื่อพยุงตัวขึ้นนั่งได้ก็สำรวจตนเอง นางก็ใส่ชุดโบราณเช่นกัน
หากประมวลภาพตรงหน้าชุดที่นางใส่คงจะเป็นชุดนักโทษ เพียงแต่ความทรงจำในนางเดิมตอนนี้ช่างเลือนรางนัก ที่รู้มีเพียงนางเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเสวี่ยป๋อเหวิน และเกาซูฮวา ตอนนี้ตระกูลของนางกำลังโดนเนรเทศเพราะคดียักยอกเงินสร้างเขื่อน นางออกมาจากเมืองหลวงไกลเพียงนี้คงไม่ง่ายหากนางจะสืบหาข้อมูล
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางทำไม่ได้ คงต้องรอให้ถึงชายแดนเหนือเสียก่อนค่อยหาลู่ทางอีกครั้ง พระราชโองการมิได้บอกว่าให้ครอบครัวนางมาใช้แรงงานเพียงส่งมาควบคุมตัวไว้ที่นี่เท่านั้น ถึงตอนนั้นนางคงมีทางรอดแต่อย่างไรได้ เงินที่บิดาได้มาจากสหายก็ไม่มากพอที่จะทำการค้าได้ และนางไม่รู้ว่าการโดนควบคุมตัวนางสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง
การเดินทางที่ยาวนานนับสามเดือนนี้แทบจะสูบวิญญาณของนางและครอบครัวออกไปจนหมด เกาซื่อนำข้าวต้มมาให้บุตรสาวที่ตั้งแต่ตื่นมาก็นั่งเหม่ออยู่บนเตียงเท่านั้น
"เยว่เออร์กินข้าวเสียหน่อยลูก เสบียงที่มีมาใกล้หมดแล้วแต่อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางถึงเมืองโยวเป่ยที่พวกเราต้องไปอยู่แล้ว เจ้าก็อดทนอีกหน่อยนะลูก" เกาซื่อส่งชามให้จินเยว่พร้อมทั้งลูบหัวนาง
"ท่านแม่ ข้า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน" จินเยว่เอ่ยด้วยเสียงสะอื้น เป็นเพราะนางคิดถึงคุณแม่ของนางมากจริงๆ แล้วมารดาของร่างนี้ก็เหมือนแม่ของนางราวกับคนเดียวกัน ความโหยหาตลอดสามปีที่ผ่านมามันกลั่นออกมาเป็นคำพูดมิได้ มีเพียงกอดที่นางส่งไปให้เกาซื่อเท่านั้นที่บอกความรู้สึกของนางออกมาทั้งหมดแทน
"เจ้าลูกคนนี้ เพียงหลับไปสามวันเท่านั้น จะมาคิดถึงแม่ได้อย่างไร" นางแสร้งดุแต่มือข้างที่ไม่ได้กอดบุตรสาวก็ยกขึ้นปาดน้ำตาทิ้งตลอด สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่านางกลัวสูญเสียบุตรสาวมากเพียงใด
เสวี่ยป๋อเหวินที่เข้ามาเห็นสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ก็รีบเดินเข้ามาสอบถามทั้งคู่ว่าเป็นอันใด เมื่อรู้เรื่องก็ดึงทั้งคู่มากอดพร้อมทั้งพร่ำบอกว่าเป็นตนเองที่อ่อนแอจนถูกคนใส่ร้าย
จินเยว่ลอบสาบานในใจว่านางจะหาหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของบิดา และจะเอาคืนคนที่ทำให้ครอบครัวของนางเป็นเช่นนี้อย่างสาสมเป็นแน่