บทที่ 5
จ้าวตงหยางสั่งให้คนของตนไปแจ้งกับจินเยว่ ว่าที่จวนของตนจะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของมารดาของเขา แต่ยังขาดคนทำงานให้นางเตรียมตัวให้พร้อมไปช่วยงานที่จวนท่านแม่ทัพในอีกสองวันข้างหน้า
"เจ้าทำเกินไปหรือไม่ นางมิได้เป็นบ่าวของเจ้า ถึงนางจะเป็นบุตรีของนักโทษ แต่คดีของบิดานางก็ยังมิได้ตัดสิน เจ้าทำเช่นนี้ข้าคิดว่ามิเหมาะสมนัก" หลิวเหล่ยเอ่ยเตือนจ้าวตงหยางที่รังแกจินเยว่เกินไป
"อันใดคือเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง" จ้าวตงหยางปรายตามองหลิวเหล่ยอย่างไม่พอใจ
จินเยว่ที่ได้ฟังคำของสั่งของจ้าวตงหยางจากกงจือ ก็ขมวดคิ้วแน่น เขาให้นางไปเป็นคนรับใช้ในจวนท่านแม่ทัพเช่นนี้ มิใช่อยากดูหมิ่นนางอย่างนั้นหรือ
"เพียงวันเดียวแม่นางเสวี่ย คนในจวนท่านแม่ทัพขาดไปหลายคนขอรับ" กงจือรีบเอ่ยสมทับขึ้นเมื่อเห็นนางมิยอมรับปาก
จินเยว่ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ จากนั้นนางจึงไปแจ้งบิดามารดา เรื่องที่ต้องไปช่วยงานฉลองวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าในจวนท่านแม่ทัพ
เสวี่ยป๋อเหวินกับเกาซื่อเกิดความกังวลใจขึ้นมา เพราะสิ่งที่จ้างตงหยางทำมิใช่หน้าที่ของบุตรสาวของตน แต่เขาต้องการจะรังแกคนตระกูลเสวี่ยที่กำลังตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมิต้องกังวล เพียงวันเดียวเท่านั้น หากข้าไม่ยินยอมท่านแม่ทัพจ้าวจะได้คิดว่าข้ายังนึกว่าตนเป็นบุตรีของท่านเสนาบดีอยู่" จินเยว่เอ่ยปลอบบิดามารดา พร้อมทั้งยกเหตุผลขึ้นมาพูดให้ทุกคู่คลายความกังวล
เพียงแค่วันเดียวคงไม่ใช้งานนางหนักจนตายหรอกกระมัง นางมิใช่ทาสของเขาเสียหน่อย คงอยากจะทำให้นางอับอายเสียมากกว่า
สองวันผ่านไปอย่างปกติ กงจือมารอรับจินเยว่ที่หน้าเรือนเพื่อพาไปส่งที่จวนท่านแม่ทัพ หลังจากที่ส่งนางเสร็จแล้วเขาก็ยังบอกว่าจะรอรับนางไปส่งที่เรือนหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้ว
จินเยว่ส่งยิ้มขอบคุณให้กงจือ แล้วเดินตามบ่าวที่มารับเข้าไปในจวน บ่าวที่มารอรับนางชื่อว่า เสี่ยวหง
เสี่ยวหงพาจินเจว่ไปเปลี่ยนเป็นชุดบ่าวก่อน จากนั้นก็พาไปพบจ้าวตงหยาง เพื่อฟังคำสั่งว่าจะให้นางทำงานอันใด
จินเยว่ไม่เข้าใจ บ่าวในเรือนเดินกันอย่างพลุกพล่านเหตุใดต้องให้นางมาด้วย หากไม่ผิดจากที่นางคิด งานนี้คงอยากให้คนอื่นได้เห็นบุตรสาวอดีตเสนาบดีมาเป็นบ่าวในจวนของเขาแน่
ถึงจะไม่พอใจเพียงใดแต่ในเมื่อมาแล้วก็จำต้องกลืนความโกรธลงคอไปก่อน และได้แต่ย้ำกับตัวเองตลอดเวลาว่า อย่าหาเรื่องใส่ตัว มิเช่นนั้น จ้าวตงหยางคงได้หาเรื่องรังแกนางอีกแน่
เสี่ยวหงให้จินเยว่ยืนรอจ้าวตงหยางที่หน้าเรือนของเขา เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน อากาศที่หนาวเหน็บของทางเหนือ เสื้อผ้าของบ่าวที่นางสวมอยู่ในตอนนี้มิช่วยให้เกิดความอบอุ่นขึ้นเลย เหมือนจงใจกลั่นแกล้งนางตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาในจวนแล้ว
จินเยว่ยืนรอให้จ้าวตงหยางเรียกเกือบหนึ่งชั่วยาม เขาถึงให้นางเข้าไปพบ จินเยว่เดินตัวแข็งทื่อเข้าไปเพราะนางหนาวจนขาแข็งไปหมดแล้ว
"บังอาจ เหตุใดถึงไม่คารวะท่านแม่ทัพ" ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง นางลอบกลอกตาอย่างไม่พอใจ
"จินเยว่ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" นางก้มหน้าลงเพราะไม่อยากทนมองสายตาเหยียดหยามที่เขาใช้มองนาง
"หึ วันนี้เจ้าติดตามคอยรับใช้ญาติผู้น้องของข้า" เขาแค่นเสียงใส่นาง ก่อนที่จะเอ่ยบอกหน้าที่ของนาง
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอยากไม่อยากเชื่อว่า เขาจะให้นางคอยรับใช้ญาติผู้น้องของเขา แม้แต่บ่าวในเรือนก็สะดุ้งตกใจ นางได้แต่สงสัยว่าญาติผู้น้องของเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่ หากเป็นคนดีเรื่องนี้คงไม่ต้องถึงนาง
"มีอันใด หรือเจ้ามิยินยอม"
"ข้าเพียงแค่สงสัย ท่านให้ข้ามาช่วยงาน เหตุใดถึงต้องคอยรีบใช้ญาติผู้น้องของท่านด้วย"
"หึ แค่บุตรสาวขุนนางต้องโทษเจ้ามีสิทธิ์เลือกหรือ" จินเยว่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา บุรุษสารเลวผู้นี้บีบบังคับนางเกินไปแล้ว
"เสี่ยวหง พานางไปส่งที่เรือนคุณหนูเว่ย บอกว่าข้าส่งคนมาคอยดูแลนาง" จ้าวตงหยางสั่งเสร็จก็ลุกเดินออกไป
จินเยว่กัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจ แต่ก็จำต้องเดินตามเสี่ยวหงไป
"แม่นางเสวี่ย ข้าขอปากมากเตือนเจ้าสักประโยค เจ้าอย่าได้ทำให้คุณหนูเว่ยไม่พอใจเป็นอันขาด มิเช่นนั้นเจ้าได้ถูกโบยเป็นแน่" จินเยว่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
"เพราะเหตุใด นางต้องโบยข้าด้วย" เสี่ยวหงถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องของเว่ยซืออิงอย่างรวดเร็ว
เว่ยซืออิงเป็นหลานสาวของฮูหยินผู้เฒ่า นางหมายมั่นว่าจะได้แต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพจึงได้ทำตัวเป็นใหญ่ภายในจวน แต่เรื่องที่นางตบตี โบยบ่าวไพร่ เป็นเรื่องที่ถูกปิดซ่อนไว้ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวมิได้รับรู้ ท่านแม่ทัพคงรู้ไม่งั้นคงมิให้จินเยว่มาคอยรับใช้นาง
ยิ่งบ่าวที่เป็นสตรี หากใครใบหน้างดงามจะถูกนางจัดการอยู่บ่อยครั้ง เพราะกลัวว่าจะยั่วยวนท่านแม่ทัพ แต่ครั้งนี้จินเยว่เป็นสตรีที่ท่านแม่ทัพส่งมาด้วยตนเองไม่รู้ว่าจะพบเจอเรื่องใดบ้าง เสี่ยวหงเห็นใจนางจึงได้เอ่ยปากเตือนไว้
จินเยว่ได้แต่คิดว่ามีแต่คนเป็นประสาท จ้าวตงหยางก็ประสาท เว่ยซืออิงก็ประสาทแดก
เสี่ยวหงส่งจินเยว่เสร็จนางก็รีบกลับไปทำหน้าที่ของตน แต่นางก็ยังส่งสารตาเตือนจินเยว่ว่าอย่าลืมคำเตือนของนาง จินเยว่ยิ้มขอบคุณตอบกลับไป
"คารวะคุณหนูเว่ย ข้าน้อยจินเยว่เจ้าค่ะ" นางยอมที่จะเชื่อคำเตือนของเสี่ยวหง
"พี่หยางส่งเจ้ามาคอยรับใช้ข้าหรือ นับว่าเอาใจใส่ข้ายิ่งนัก" ประโยคแรกพูดกับจินเยว่ แต่ประโยคหลังนางหันไปพูดกับบ่าวของนาง
"จริงเจ้าค่ะคุณหนู ท่านแม่ทัพนึกถึงคุณหนูเสมอ" สาวใช้รีบตอบรับให้เจ้านายของตนหน้าบาน จินเยว่มองเรื่องทั้งหมดอย่างเรียบเฉย
"ดีดี เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัว ประเดี๋ยวจะออกไปไม่ทันรับแขก"
จินเยว่รีบเดินเข้าไปช่วยนางแต่งตัว แต่รสนิยมของเว่ยซืออิงช่าง มันดูแดงไปเสียทั้งตัวทั้งหน้า นางเอ่ยปากเตือนดีหรือไม่ แต่สาวใช้ของซืออิงก็ยกย่องเสียนายของตนสวยราวกับเทพธิดา จินเยว่จึงปล่อยเลยตามเลย
จินเยว่เดินตามเว่ยซืออิงออกไปที่เรือนส่วนหน้าเพื่อพบกับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว เมื่อนางแนะนำตัวฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวถึงกับปรายตามองบุตรชายอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเอ่ยกับนางอย่างเป็นกันเอง
"รบกวนเจ้าแล้ว"
"มิได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยเต็มใจเจ้าค่ะ" นางจะพูดอันใดได้ ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนเดียวในห้องโถงที่มิได้ดูแคลนนาง สายตาที่คนอื่นมองนาง นางเริ่มจะชินเสียแล้วจึงได้แต่ยืนก้มหน้าเงียบๆอยู่ในมุมห้องเช่นบ่าวคนอื่น
แต่เหมือนสวรรค์จะเห็นใจนางที่นางเงียบเกินไปจึงส่งมารร้ายเช่นจ้าวตงหยางมาช่วยเหลือนาง