บทที่ 4
ทหารผู้น้อยรีบวิ่งนำของกลับมาคืนจินเยว่ก่อนที่ตัวเขาจะโดนลากไปซ้อมด้วย แค่จินตนาการถึงภาพสาวงามยิ้มหวานให้เขาก็มีแรงวิ่งอีกเยอะ
"แม่นางเสวี่ย ข้า ข้า นำของมาคืนให้" เป็นไปตามคาด จินเยว่ยิ้มกว้างขอบคุณเขา
"รบกวนท่านแล้ว ท่านมาเหนื่อยๆ ประเดี๋ยวรอข้าสักครู่" จินเยว่หันหลังกลับเข้าเรือนเพื่อนำของไปเก็บและยังนำกาน้ำชาที่ใส่น้ำเชื่อมดอกหอมหมื่นลี้มาให้เขาด้วย
"ข้า ข้า แซ่กง นามจือ กงจือขอรับ" ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
"คุณชายกง จินเยว่เสียมารยาทแล้ว"
"ไม่ ไม่ ข้ามิใช่คุณชาย เรียกข้าพี่จือก็ได้" นางพยักหน้ารับแต่มิได้เอ่ยอันใด
จินเยว่นำกาน้ำชาที่ถูกดื่มอย่างรวมเร็วกลับเข้าเรือน วันนี้นางทำอาหารง่ายๆให้กับบิดามารดาเท่านั้น เพราะเพิ่งมาถึงแล้วนางก็วุ่นวายกับการทำความสะอาดเรือนมาทั้งวันแล้ว
กลิ่นอาหารโชยออกมาจากเรือนทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่ถึงกับทรมานเพราะความหิว แม้พวกเขาจะถูกฝึกมาอย่างดี ไม่กินอาหารสักสองสามมื้อก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่กลิ่นอาหารภายในเรือนช่างทำให้ใจคนอยู่ไม่เป็นสุขยิ่งนัก
"ท่านแม่ หากต้องทำอาหารเผื่อทุกวัน เราจะอยู่ได้อีกกี่วันเจ้าค่ะ ข้าแค่ซื้อไก่ ซื้อเมล็ดผักยังต้องโดนยึดของเพื่อตรวจสอบก่อน หากจะออกไปซื้อของด้านนอกข้าคงได้โดนถลกหนังเป็นแน่" เกาชื่อให้จินเยว่นำอาหารมาแบ่งให้ทหารที่อยู่ด้านนอกเรือน นางจึงเริ่มบ่นออกมา เกาชื่อยังไม่ชินกับนิสัยของบุตรสาวที่เปลี่ยนไป นางเอื้อมมือไปหยิกเอวจินเยว่
"เจ้าเป็นสตรีที่ยังมิออกเรือน จะพูดเช่นนี้มิได้" นางก้มหน้าลง เพราะตอนนี้มารดานึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็เศร้าใจทุกครั้ง
เมื่อจินเยว่นพอาหารไปแบ่งให้กับทหารแล้ว ทั้งสามก็ลงมือกินอาหารของตนเองเช่นกัน บิดามารดาที่อิ่มเรียบร้อยก็นั่งจิบชาที่จินเยว่ทำไว้ให้ แม้จะโดนคุมตัวมาอยู่ไกลถึงแดนเหนือหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็มิได้ลำบากเท่าใดนัก
"ท่านพ่อ พวกเราสามารถทำสิ่งใดได้บ้างเจ้าคะ" ข้าหมายถึงค้าขายหรือออกไปทำงาน" จินเยว่ที่ยกจานไปล้างแล้วกลับเข้ามาพูดคุยกับบิดามารดา
"เห็นทีจะยังไม่ได้ คงต้องรอฟังคำตัดสินเสียก่อน" บิดาของนางเป็นเพียงคุณชายที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตลอด แล้วยังเป็นขุนนางตงฉินอีกด้วยเรื่องพวกนี้เขาคงยังไม่กล้าตัดสินใจทำอันใดเป็นแน่
"ท่านพ่อมีปัญหาอันใดกับท่านแม่ทัพจ้าวมาก่อนหรือเจ้าคะ" นางเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยขึ้น
บิดาถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องระหว่างสองตระกูลที่เกิดขึ้นมาเกือบสิบปีแล้วให้ฟัง บิดาของจ้าวตงหยางเป็นอดีตท่านแม่ทัพใหญ่ที่ดูแลชายแดนเหนือ สิบปีที่แล้วเกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้น เสวี่ยป๋อเหวินตอนนั้นเพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังก็ถูกราชโองการให้จัดงบประมาณลงมาช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหารของกองทัพ
เรื่องเหมือนจะไม่มีอันใด แต่เสนาบดีคนเก่ายักยอกเงินในคลังไปเสียเกือบครึ่งถึงจะยึดทรัพย์ของเขามาเติมแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเงินที่จะจัดซื้อเสบียง ทำให้เสบียงที่ถูกส่งไปเลี้ยงกองทัพไม่เพียงพอ อดีตท่านแม่ทัพใหญ่จ้าวจึงต้องเร่งเข้าโจมตีแคว้นเซี่ยก่อนที่เสบียงจะหมด ถึงแคว้นฉีจะได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนั้นแต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของอดีตท่านแม่ทัพใหญ่จ้าว
ถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดของเสวี่ยป๋อเหวิน แต่มิใช่สำหรับจ้าวตงหยาง เขาคิดว่าเสวี่ยตงหยางจงใจตัดงบเสบียงกองทัพจึงเป็นเหตุให้บิดาเขาต้องเสียชีวิตลง หลังจากนั้นตัวเขาก็เข้าสู่สนามรบในวัยเพียงสิบสี่ปี ความโกรธแค้นในครั้งนั้นเขานำไปลงกับทหารของแคว้นเซี่ยจนสามารถนำชัยชนะกลับมาได้
ไม่ใช่คนตระกูลจ้าวทุกคนที่คิดเช่นจ้าวตงหยาง แม้แต่มารดาของเขาจะบอกความจริงให้ฟังแล้วว่าเสวี่ยป๋อเหวินเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งเงินในคลังที่แทบจะไม่มีเหลือแล้ว เขาก็ส่งมาให้กองทัพเสียทั้งหมด แต่เป็นจ้าวตงหยางที่ปิดหูปิดตาเชื่อเช่นที่ตนคิดไปแล้วจึงมิได้ฟังคำของมารดา
จินเยว่พอจะเข้าใจได้ เป็นเพราะเขาเสียใจจากการสูญเสียบิดามากเกินไปจึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้น แต่แล้วยังไงบิดาของนางก็มิได้ผิดเสียหน่อย
จินเยว่เตรียมน้ำให้บิดามารดาล้างหน้าล้างปากเรียบร้อยตัวนางก็เดินไปอาบน้ำที่ต้มไว้แล้ว ถึงอากาศทางเหนือจะเลวร้ายเพียงใด แต่จะไม่ให้นางอาบน้ำเลยก็เห็นจะไม่ได้ คงเป็นเพราะความเคยชินที่ต้องอาบน้ำอย่างน้อยวันละสองครั้ง แล้ววันนี้นางก็ทำงานบ้านเหงื่อเต็มตัวไปหมด จึงต้องกลั้นใจรีบอาบน้ำ
เครื่องใช้ภายในบ้านเป็นลู่ซานที่จัดหามาให้อย่างครบครัน อย่างน้อยที่นอนผ้าห่มก็อุ่นมากพอที่จะช่วยให้นางนอนหลับอย่างสบาย นางคิดถึงเตียงเตาที่เคยไปพักตอนไปเที่ยวทางตอนเหนือของจีน แต่จะทำขึ้นมาอย่างไรนางคงต้องนั่งนึกเสียก่อน ถึงจะเคยสอบถามวิธีทำมาแล้ว แต่หากให้ลงมือจริงก็คงจะยาก
จ้างตงหยางที่อยู่ในค่ายก็ได้รับรายงานจากทหารที่ส่งมาเฝ้าเรือนตระกูลเสวี่ย ถึงแม้ไม่มีเรื่องอันใด แต่ทุกวันทหารจะต้องกลับมารายงานเขาให้รู้ วันนี้เป็นกงจืออีกรอบที่ต้องกลับไปยังค่ายทหารเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวของตระกูลเสวี่ย
"หลังจากที่ได้ของไปแ้ว แม่นางเสวี่ยก็นำชาใส่น้ำเชื่อมดอกกุ้ยเหมยมาให้ข้าน้อย..." เรื่องที่เขาพูดหาสาระอะไรมิได้เลย นอกจากจะเป็นการอวดว่าตนได้รับอาหารอะไรจากแม่นางเสวี่ย น้ำชาใส่น้ำเชื่อมดอกหอมหมื่นลี้ของนางหอมหวานมากเพียงใด
จ้าวตงหยางคิ้วกระตุก เขาจำเป็นต้องมาฟังเรื่องอาหารในตระกูลเสวี่ย อร่อยมากเพียงใดหรือ แต่เป็น