บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

"ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องลำบาก ขุนนางต้องโทษเสวี่ยและครอบครัวขอตัวก่อน" เสวี่ยป๋อเหวินหันไปก้มหัวอย่างขออภัยให้แม่ทัพจ้าว และขุนนางที่มารอรับและรอดูความสนุก

ก่อนที่ขบวนของขุนนางต้องโทษจะเดินผ่านไป จินเยว่เดินผ่านหน้าจ้าวตงหยางแล้วพูดโดยไร้เสียงว่า "ไอ้เวรเอ๋ย" จ้าวตงหยางไม่รู้ว่าที่นางพูดหมายความว่าอย่างไรแต่คงไม่ใช่คนชมเป็นแน่

ลู่ซานนำครอบครัวเสวี่ยไปส่งถึงที่พักในหมู่บ้านหวงลี่ เป็นบ้านสามห้องนอน หนึ่งห้องโถง หนึ่งห้องครัว พื้นที่ในบ้านมีไม่มาก แต่ก็พอให้จินเยว่ปลูกผักปแปลงเล็กๆไว้กินเอง หรือเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ได้สักสิบตัว ก่อนที่ลู่ซานจะจากไปเขาส่งตั๋วเงินให้เสวี่ยป๋อเหวินไว้พันตำลึง เป็นเงินที่องค์รัชทายาทฝากมาให้ หากให้มากกว่านี้จะเป็นที่สงสัยเอาได้

เพียงบ้านหลังนี้กับเงินพันตำลึงก็เพียงพอให้สามคนพ่อแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างไม่ยากลำบากแล้ว นอกจากในหมู่บ้านแล้วพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่อีก ตอนแรกลู่ซานก็จะได้อยู่คุ้มครองพวกเขาต่อ แต่เป็นแม่ทัพจ้าวที่เปลี่ยนทหารทั้งหมดใหม่ นางจึงได้ขอร้องให้ลู่ซานหาพ่อไก่แม่ไก่ และเมล็ดผักมาให้นางจำนวนหนึ่งก่อนที่จะไป

แต่ของเหล่านั้นก็โดนยึดไว้เสียก่อนที่จะถึงมือนาง จินเยว่ข่มความโกรธจนตาแดง นางเดินเข้าไปหาทหารหน้าประตูที่ยึดของนางไว้ตามคำสั่งท่านแม่ทัพ

"หากจวนแม่ทัพของเจ้าอดยากเพียงนั้นข้าก็ขอมอบของทั้งหมดให้แม่ทัพของพวกเจ้าก็แล้วกัน" ดวงตาที่เออคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความโกรธ นางปรับเสียงให้อ่อนลง เพียงเท่านี้ทหารที่เห็นก็ล้วนใจอ่อนยวบ ใครจะทนให้สาวงามหลั่งน้ำตาได้

"คุณหนู เอ่อ แม่นางเสวี่ย เจ้ารอให้ข้าไปขออนุญาตจากแม่ทัพก่อนหากไม่มีสิ่งใดที่ผิดแม่ทัพย่อมไม่ห้ามให้เจ้านำของกลับไป" ทหารนายนั้นรีบหันหลังวิ่งออกไปที่ค่ายทหารซึ่งอยู่ไม่ไกลทันที หากยังอยู่เขากลัวว่าแม่นางเสวี่ยน้ำตาไหลออกมาเขาคงได้คืนของไปโดยที่ยังไม่ได้ไปขออนุญาตจากท่านแม่ทัพ

จินเยว่หันหลังกลับเข้าเรือนอย่างหัวเสีย หากเป็นไปได้นางก็อยากจะฝากคำด่าไปให้จ้าวตงหยางด้วย แต่ด้วยหน้าตาของนางหากบีบน้ำตาเล็กน้อยย่อมทำให้คนใจอ่อนอย่างง่าย นางใช้วิธีเช่นนี้ดีกว่า นอกจากจะได้คนเห็นใจแล้ว ยังทำให้คนของจ้าวตงหยางคิดว่าเขาเป็นบุรุษใจแคบรังแกผู้หญิงตัวน้อยๆได้อีกด้วย คิดได้เช่นนี้จินเยว่ก็คลายโทสะลง แล้วเดินไปช่วยมารดาเก็บกวาดเรือน

"ท่านแม่ท่านหยุดพักก่อนเถิด ส่วนที่เหลือลูกจัดการเองเจ้าค่ะ" นางแย่งผ้าในมือมารดามาถือไว้ แล้วเดินไปส่งบิดามารดาให้เข้าไปพักในห้อง

จินเยว่จัดการเรือนทั้งหลังไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องโถงนางลงมือจัดการอย่างรวดเร็ว ทหารที่คอยจับตาดูครอบครัวนางได้แต่มองตามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะคุณหนูคนหนึ่งทำงานได้ราวกับเป็นคนใช้และยังรวดเร็วเสียด้วย

ยังดีที่รอบตัวเรือนนางไม่ต้องมานั่งถอนหญ้าด้วยเพราะลู่ซานให้ทหารที่มาส่งช่วยทำให้แล้ว ในเรือนยังมีต้นหอมหมื่นลี้อยู่ด้วย ตอนนี้กำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมไปทั่วเรือน นางเดินเข้าไปหยิบผ้าสะอาดมาผืนพร้อมกระจาดที่มีอยู่ในครัว

นางเริ่มเก็บดอกหอมหมื่นลี้ที่อยู่บนต้นเมื่อเห็นว่าได้เยอะแล้วก็นั่งแยกให้เหลือเพียงดอกที่สมบูรณ์เท่านั้น จากนั้นนำไปล้างอยู่หลายน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดแน่นอน นางต้มน้ำตาลกับน้ำเปล่าจนละลายเข้ากันดีแล้วใส่ดอกหอมหมื่นลี้ลงไปคนจนเข้ากัน นางนำน้ำผึ้งที่เหลือเมื่อครั้งที่ลู่ซานซื้อมาให้นางหมักหมูป่าใส่ลงไปด้วยเพื่อให้น้ำเชื่อมของนางข้นขึ้น เมื่อเย็นแล้วก็เทใส่ไหเก็บไว้ จะได้น้ำตาลเชื่อมจากดอกหอมหมื่นลี้ นางจะนำไว้ชงน้ำชาให้บิดามารดาดื่ม

นางตักน้ำเชื่อมหนึ่งช้อนเล็กมาชงใส่กาน้ำชานำไปให้ทหารที่มาเฝ้าที่เรือนของนางได้ลองดื่ม นางต้องซื้อใจคนพวกนี้ไว้ด้วยหากจะออกไปข้างนอกก็ต้องหวังพึ่งพาพวกเขา

ความหอมหวานของดอกหอมหมื่นลี้เมื่อพวกเขาได้ลิ้มลองเพียงจอกเดียวย่อมไม่พอแต่น้ำชาที่แม่นางเสวี่ยนำมามีเพียงแค่กาเดียว พวกเขาจำต้องแบ่งกันดื่ม

ทหารที่ไปหาแม่ทัพจ้าววิ่งมาถึงค่ายยังไม่ทันหายเหนื่อยก็รีบเข้าไปรายงานก่อนแล้ว เขาอยากรีบนำของกลับไปส่งให้แม่นางเสวี่ย หากได้เห็นรอยยิ้มของสาวงามเหนื่อยตายก็คงไม่เป็นอันใด

"ท่านแม่ทัพขอรับ นี่คือของที่ยึดมาจากแม่นางเสวี่ยขอรับ"

"อย่าบอกว่าของแค่นี้เจ้าก็ยังยึดมาจากนาง" หลิวเหล่ยกุนซือประจำกองทัพเอ่ยถามขึ้นมา

"แล้วอย่างไร นางเป็นนักโทษ คงไม่แปลกหากข้าจะตรวจสอบก่อน" จ้าวตงหยางกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา

"ไม่แปลกหากจะตรวจสอบก่อน แต่ของที่นำมาเจ้าจะหาข้ออ้างใดเพื่อยึดไว้" หลิวเหล่ยปรายตามองสหายของตนอย่างดูแคลน แม้ทั้งสองตระกูลจะมีเรื่องผิดใจกัน แต่จะหาเรื่องสตรีด้วยเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย

"เอ่อ ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นางเสวี่ยมีข้อความฝากมาแจ้งแก่ท่านขอรับ" ทหารผู้น้อยรีบเอ่ยแทรกเพราะดูท่าแล้วท่านแม่ทัพคงไม่ยอมคืนของให้แน่

"พูดมา" เสียงของเขาดุดันขึ้น

"แม่นางเสวี่ย บอกว่า บอกว่า หากจวนแม่ทัพอดอยากเพียงนั้นก็ขอมอบของเหล่านี้ให้ท่านแม่ทัพขอรับ" ทหารผู้น้อยพูดขาดๆหายๆ เหงื่อเต็มไปทั้งแผ่นหลังของเขา ยิ่งเห็นสายตาของท่านแม่ทัพที่อยากจะสังหารคนเขาก็ยิ่งตัวสั่น มิน่าพูดแทนแม่นางเสวี่ยเลยแต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว

"ดี ดี ดียิ่ง" จ้าวตงหยางโมโหจนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันไปถีบเก้าอี้อีกตัวจนพังไม่เหลือชิ้นดี

"เป็นสตรีที่น่าสนใจ" หลิวเหล่ยหัวเราะน้อยๆก่อนกล่าวออกมา

จ้าวตงหยางไล่ทหารผู้น้อยให้นำของกลับไปคืนให้จินเยว่ เขาไม่ควรยึดของที่เล็กน้อยเพียงนี้ไว้ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะคิดว่าจวนแม่ทัพของเขาอดอยากอย่างที่นางพูด

แต่โทสะที่มีเพราะคำพูดของนางทำให้เขาต้องลากทหารในค่ายไปฝึกซ้อมกับตน จะเรียกว่าฝึกซ้อมก็ไม่ถูกต้องเรียกว่าเรียกไปโดนซ้อมเสียมากกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel