บทที่ 11
จ้าวตงหยางมุดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มของจินเยว่ เขาค่อยๆจับตัวนางให้หันตะแคงมาอยู่ในอ้อมกอดของตนอย่างช้าๆ โดยระวังไม่ให้ถูกบาดแผลของนางเข้า
"อ๊าาา" จินเยว่นิ่วหน้าครางออกมาเมื่อขยับตัวแล้วเกิดเจ็บแผลขึ้น แต่ฤทธิ์ของยาก็ไม่ได้ทำให้นางตื่นขึ้นมา จ้างตงหยางก้มลงไปขบริมฝีปากของนางด้วยความหงุดหงิดเพราะเสียงร้องของนาง หากเป็นคนอื่นที่ได้ยินเขาคงได้โมโหจนกระอักเลือดตาย
"อื้อออ" จินเยว่เผลออ้าปากประท้วง จ้าวตงหยางจึงได้โอกาสสอดลิ้นของตนเข้าไปกอบโกยความหวานของนาง แม้จะอาลัยอาวรณ์กับรสจูบที่หวานล่ำแต่ก็ต้องจำผละออกเพราะกลัวนางจะไม่สบายตัว
จินเยว่ที่กำลังฝันหวานว่านางถูกบุรุษรูปงามมอบจูบแรกให้อย่างดูดดื่มก็เผลออมยิ้มออกมา จ้าวตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ก้มลงจูบนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เข้าเห็นนางให้ความร่วมมืออย่างดีจึงอ้อยอิ่งกับความหวานล่ำอยู่นาน จนหญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ทันจึงได้ยอมปล่อยนาง แล้วดึงนางเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหน
จินเยว่ที่หลับสบายก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกที่อุ่นจนลืมความเจ็บปวดของบาดแผลของตนไปเสีย นางได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็หลับไป เพราะคิดว่าเป็นความฝันจึงมิได้ระวังตัว ยิ่งมีอาการของพิษไข้ด้วยแล้วนางจึงไม่รู้ว่าภายในห้องมิได้มีแค่ตัวนางที่นอนอยู่คนเดียว
ครั้งนี้จ้าวตงหยางอาลัยอาวรณ์มิอยากจะกลับไป ถึงฟ้าจะเริ่มสว่างแล้วแต่เขาก็ยังคงกอดจินเยว่ไม่ยอมปล่อย จนนางเริ่มขยับตัว เขาจึงได้จุมพิตที่หน้าผากแล้วกระโดดออกทางหน้าต่างไป
จินเยว่ที่ตื่นขึ้นมาเพราะข้างกายข้างนางไร้ความอบอุ่นแล้วก็มองไปรอบๆห้องอย่างใคร่ครวญ หากจะบอกว่าเป็นความฝันก็คงจะเหมือนจริงยิ่งนัก แต่ในเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกตินางจึงหลับตานอนต่อ
จ้าวตงหยางกลับถึงจวนก็พบว่าเว่ยซืออิงกำลังร่ำไห้อยู่กับมารดาของตน
"หยางเออร์ นี่มันเรื่องอันใดกันเหตุใดเจ้าถึงไล่น้องกลับตระกูลเว่ย" ฮูหยินจ้าว เอ่ยปากต่อว่าบุตรชายทันที
"นางมิได้บอกอันใดท่านแม่หรือขอรับ เช่นนั้นข้าจะบอกท่านเอง" เว่ยซืออิงหน้าซีดทันที นางมิได้บอกเรื่องที่ลงโบยจินเยว่ด้วยแส้ นางเพียงแต่บอกเรื่องจ้าวตงหยางเอ่ยปากไล่นางกลับตระกูลเว่ยเท่านั้น
พอจ้าวตงหยางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่องานรวมทั้งให้เสี่ยวหงมาเป็นพยานด้วย ฮูหยินจ้าวก็แทบจะเป็นลม เพราะคิดไม่ถึงว่าหลานสาวของตนจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางให้แม่นมของนาง พาเว่ยซืออิงไปส่งถึงจวนตระกูลเว่ยที่อยู่เมืองเปียงหาน ติดกับเมืองโยวเป่ยทันที โดยให้เล่าเรื่องความผิดของนางให้บิดาของเว่ยซืออิงได้รับรู้ด้วย
เว่ยซืออิงร่ำไห้แทบขาดใจ นางรู้แล้วว่าท่านป้าของนางทำเช่นนี้นางคงมิได้เหยียบเท้าเข้าจวนตระกูลจ้าวอีกเป็นแน่ นางหวังมาตลอดว่าต่อไปตำแหน่งฮูหยินท่านแม่ทัพต้องเป็นของนาง บิดาของนางเป็นเพียงนายอำเภอเมืองเปียงหานเท่านั้น คงมิอาจหาสามีที่มีตำแหน่งใหญ่เช่นจ้าวตงหยางให้นางได้
นางจึงทำตัวอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่ายต่อหน้าท่านป้าของตนมาโดยตลอด จนท่านป้าของนางใจอ่อนยอมให้นางมาพักอยู่ในจวนตระกูลจ้าวด้วย แม้ท่านป้ามิได้เอ่ยอย่างเป็นทางการแต่เรื่องของนางที่จะได้แต่งเข้าตระกูลจ้าวก็ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้
นางกีดกันสตรีทุกนางที่เข้าหาจ้าวตงหยาง แม้แต่บ่าวในจวนนางก็กำจัดออกไปอย่างลับๆ ไม่คิดว่านางลงโทษจินเยว่เพียงเพราะทำให้นางอับอายในงานเลี้ยง ผลที่ตามมาจะร้ายแรงถึงเพียงนี้
แม่นมจ้าวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นางพาเว่ยซืออิงไปส่งถึงจวนพร้อมทั้งนำคำพูดของฮูหยินจ้าวที่เป็นพี่สาวของนายอำเภอเว่ยไปบอกทุกถ้อยคำ เมื่อนายอำเภอให้ฟังจากปากแม่นมจ้าวด้วยตนเองถึงกับทำให้เขาแทบเป็นลม ความหวังที่ต้องการตำแหน่งที่สูงขึ้นอีกครั้ง ความรุ่งเรืองของตระกูลเว่ยพังทลายลงด้วยน้ำมือของบุตรสาวตนเอง
เขาโมโหบุตรสาวที่ไม่ได้ความของตน หากไม่เป็นเพราะนางแสดงเป็นสตรีที่อ่อนหวานจนเข้าตาฮูหยินจ้าวมีหรือที่เขาจะส่งบุตรสาวที่โง่เขลาเช่นเว่ยซืออิงไปอยู่ที่จวนตระกูลจ้าว บุตรชายหญิงของเขามีมากมายย่อมเลือกคนที่เหมาะสมกว่าเว่ยซืออิงได้แน่
แต่เพราะนางมีความทะเยอทะยานมากกว่าคนอื่น เขาถึงได้ช่วยเหลือนางอย่างเต็มที่ แต่ไม่คิดว่านางจะกล้าทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ทั้งที่ยังมิได้ตบแต่งเข้าจวนตระกูลจ้าว นายอำเภอเว่ยขังเว่ยซืออิงไว้ในเรือนของตน พร้อมทั้งหาคนแต่งนางออกไปโดยเร็วเพื่อไม่ให้จวนท่านแม่ทัพตัดขาดกับตนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เว่ยซืออิงที่ล่วงรู้ความคิดของบิดาเข้าก็แทบเสียสติ นางอาละวาดพังข้าวของในเรือนจนมารดาของนางต้องรีบเข้ามาห้ามปรามบุตรสาวไม่ให้สามีต้องขุ่นใจไปมากกว่านี้
"ท่านแม่ ข้ามิอยากแต่งกับคนอื่นข้าต้องการเพียงพี่หยางเท่านั้น" นางร่ำไห้กอดมารดาของนางแน่น
"เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรอิงเออร์ หากวันใดที่เสนาบดีเสวี่ยคืนตำแหน่ง ตำแหน่งของบิดาเจ้าคงไม่อาจเป็นได้อีกแล้ว" มารดากล่าวตำหนินาง มีหรือที่เว่ยซืออิงจะฟัง นางแค้นใจจนอยากจะฆ่าจินเยว่เสียด้วยซ้ำ จะฟังคำเตือนของมารดาหรือ
ในเมื่อไม่มีใครช่วยนางได้ ต่อให้นางต้องแต่งให้คนอื่นแต่จินเยว่ที่ทำให้นางอับอายถึงสองครั้งนางไม่มีทางปล่อยไปแน่ ฮูหยินเว่ยที่เห็นบุตรสาวหยุดอาละวาดแล้วก็วางใจเอ่ยปลอบนางอีกสองประโยคก็กลับเรือนของตนไป
เว่ยซืออิงคิดแผนการอย่างรวดเร็วนางสั่งให้คนสนิทของนางไปว่าจ้างคนให้ลักพาตัวจินเยว่ไปกระทำชำเรานาง มิให้นางได้อยู่อย่างสงบสุขอีก ทั้งชีวิตของนางหากไม่มีความสุขจินเยว่ก็ต้องเป็นเช่นนางด้วย
สาวใช้หรือจะกล้าเอ่ยปากห้ามนายของตน ยิ่งอารมณ์คุณหนูของตนรุนแรงในยามนี้มีแต่จะต้องทำตามเท่านั้น มิเช่นนั้นคนที่ต้องตายคงจะเป็นสาวใช้เช่นนางแทน
สาวใช้เมื่อได้รับเงินและคำสั่งก็รีบออกไปจัดการตามที่คุณหนูของตนต้องการทันที นางบอกที่ตั้งของเรือนและรูปร่างหน้าตาโดยละเอียดให้กลุ่มคนที่ว่าจ้างจะได้ไม่จับผิดตัว ให้ทำเพียงพรากพรหมจรรย์เท่านั้น แต่มิได้ทำให้นางตาย เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็กลับเรือนเพื่อไปรายงานนายของตน
แต่ที่เว่ยซืออิงนึกไม่ถึงคือ จ้าวตงหยางแอบมาหาจินเยว่ที่เรือนทุกวัน นางคิดแต่เพียงว่าตอนนี้จินเยว่บาดเจ็บคงมิอาจช่วยเหลือตนเองได้ เว่ยซืออิงจึงรอฟังผลที่เรือนของตนอย่างอารมณ์ดี ต่อให้โดนกักบริเวณนางก็เลิกโวยวายแล้ว เมื่อได้นึกถึงสภาพของจินเยว่ที่อยู่ใต้ร่างของเหล่าบุรุษที่นางว่าจ้างไป