บทที่ 12
จินเยว่ที่ดื่มยานอน แผลที่หลังเริ่มจะสมานแล้วจึงมิได้เจ็บมากเช่นตอนแรก และตอนนี้นางมีคนคอยช่วยจัดการเรื่องในบ้านจึงไม่ต้องทำสิ่งใดให้กระทบบาดแผล นางเพียงนอนพักรักษาตัวเท่านั้น
ในช่วงกลางวันนางยังออกไปนั่งสนทนากับบิดามารดาเพื่อไม่ให้ทั้งคู่สงสัยเรื่องการบาดเจ็บของนาง จินเยว่ไม่อยากให้บิดามารดาขอนางกังวลเรื่องของนางมากเกินไป
"องค์รัชทายาทส่งข่าวมา พระองค์หาหลักฐานเรื่องที่ข้ามิได้ทำผิดพบแล้ว อีกไม่นานเรื่องทั้งหมดคงจบสิ้นเสียที" เสวี่ยป๋อเหวินกล่าวขึ้นหลังทานมื้อกลางวันเสร็จ
"จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ สวรรค์เมตตาพวกเราแล้ว" เกาซื่อแทบจะลงไปคำนับที่พื้น นางจับมือสามีหลั่งน้ำตาออกมา ความน้อยใจในโชคชะตาที่ได้รับตอนนี้ลดลงไปอย่างมาก เมื่อเห็นสามีพยักหน้ายิ้มให้นาง
"ดียิ่งเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราจะได้หลุดพ้นกับคำว่าขุนนางต้องโทษเสียที" จินเยว่ยิ้มกว้างกว่าทุกวัน นางอดที่จะดีใจกับบิดาของนางไม่ได้
เกาซื่อลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่ นานเพียงใดแล้วที่บุตรสาวของนางไม่ได้ยิ้มกว้างเช่นในตอนนี้ ความลำบากที่บุตรสาวได้รับอีกไม่นานก็จะจบลงเสียที
เมื่อพูดคุยกับจบจินเยว่ก็ขอตัวกลับห้องของตน เพราะนางเริ่มจะปวดแผลเพราะนั่งนานเกินไป เมื่อถึงห้องนางก็หลับไปทันที จินเยว่ตื่นอีกครั้งก็เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว คนของหลิวเหล่ยยังคงทำหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อย พอดูแลให้จินเยว่ดื่มยาพวกนางก็กลับจวนตระกูลหลิวเช่นปกติ
จ้าวตงหยางเห็นฟ้ามืดแล้วก็นั่งไม่ติด เพราะช่วงนี้มีกลุ่มคนนอกด่านเข้ามาก่อกวนชายแดนหลายครั้ง พวกเขาต้องประชุมกันทั้งวัน จ้าวตงหยางก็ไม่คิดว่าจะประชุมเสียจนดึกดื่นก็ยังมิเลิก จนเขาเอ่ยปากไล่ทุกคนกลับไปจึงนับว่าสิ้นสุดการประชุมเสียที
"วันนี้ใยเจ้าดูรีบร้อนนัก ต้องไปที่ใด" หลิวเหล่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย ทุกครั้งที่ประชุมไม่ว่าจะดึกดื่นหรือจนฟ้าสว่างสหายของตนก็มิเคยแสดงอาการร้อนรนเช่นนี้มาก่อน
"เหตุใดข้าต้องรายงานเจ้าด้วย" เขากล่าวจบก็กระโดดขึ้นม้าควบขี่ออกไป
เมื่อมาถึงเรือนตระกูลเสวี่ยก็พบความผิดปกติ ทหารเฝ้าเวรต่างสลบไสลไม่ได้สติ จ้าวตงหยางจึงรีบเข้าไปหาจินเยว่ที่ห้องทันที เมื่อเข้าไปก็ไม่พบตัวนาง เขารีบออกไปสอบถามทหารด้านหน้าเรือน จึงทราบว่ามีกลุ่มคนบุกเข้าไปจับตัวจินเยว่ เพิ่งจะหนีออกไปได้ไม่นาน
จ้าวตงหยางจึงขึ้นม้าติดตามไปยังทิศที่ทหารได้บอกทันที เมื่อไล่ตามไปได้ไม่นานก็พบรถม้าจอดอยู่ที่กระท่อมกลางป่าเสียงบุรุษสามสี่คนดังออกมาภายนอก
ภายในกระท่อมจินเยว่ที่โดนจับตัวมา นางกำลังปลดเชือกที่มัดนางไว้ แค่เชือกเพียงเส้นเดียวนางแก้มัดได้ง่ายอยู่แล้ว เพียงแต่นางรอดูเท่านั้นว่าคนพวกนี้จับนางมาด้วยเหตุใด
"งามอย่างที่สาวใช้นางนั้นพูดจริง" เสียงบุรุษหนึ่งในนั้นดังขึ้น
"ท่านพี่ หากท่านลิ้มลองนางแล้วคนต่อไปเป็นข้านะขอรับ" ชายอีกคนถูมืออย่างมีความสุข
ชายอีกคนเดินมาดึงผ้าที่อุดปากนางออกพร้อมทั้งนำยามากรอกใส่ปากนาง มันเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย พร้อมมองสำรวจเหยื่อตรงหน้าอย่างหยาบคาย
"เจ้าไม่น่าไปทำให้คุณหนูเว่ยขุ่นเคืองใจเลย แต่ก็ดีแล้วเพราะมิเช่นนั้นพวกข้าคงไม่มีเมียสวยเช่นเจ้า" คำพูดและเสียงหัวเราะทำให้จ้าวตงหยางที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกโมโหจนขาดสติ ยิ่งได้ยินว่าเป็นฝีมือของเว่ยซืออิงเขาก็อยากจะตามไปฆ่านางเสียเดี๋ยวนี้
จ้าวจงหยางถีบประตูเข้าไปในกระท่อม ดาบในมือฟาดฟันลงไปโดยมิได้ให้คนร้ายตั้งตัว ความโกรธแค้น และคำพูดที่พวกคนร้ายพูดทำให้เขาขาดสติมิได้ไว้ชีวิตพวกมันสักคน จินเยว่ที่ตกใจว่าเหตุใดจ้าวตงหยางจึงตามมาช่วยนางได้ทัน
ยังมิได้คิดถึงเหตุผล ร่างกายของนางก็ร้อนวูบวาบจนนางแทบอยากจะถอดเสื้อผ้าออก ในตอนนั้นนางจึงได้รู้ว่ายาที่พวกคนร้ายจับนางกรอกนั้นคือยาอันใด แต่จินเยว่ที่มีสติอยู่นางรู้ว่านางจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้เสียแล้ว
จินเยว่ดึงเสื้อของจ้าวตงหยางที่ยังคงสับคนร้ายจนเละไปแล้วไว้ จ้าวตงหยางจึงได้สติว่ายังมีจินเยว่อยู่ในกระท่อมด้วยอีกคน
"ท่านแม่ทัพ ข้าโดนวางยา" นางกลั้นเสียงที่เกือบจะครางเพราะฤทธิ์ของยาไว้ได้ทัน
จ้าวตงหยางทิ้งดาบในมือแล้วรีบเข้าไปดูนาง เพียงเขาจับแขนของนางเท่านั้น จินเยว่ก็ตัวสั่นสะท้าน ยิ่งได้กลิ่นที่คุ้นเคยจากตัวเขานางก็แทบจะยั้งสติไว้ไม่อยู่
"เยว่เออร์ เจ้าโดนยากำหนัดหรือ" จ้าวตงหยางโกรธจนแทบจะจับดาบขึ้นมาฟันอีกครั้ง แต่จินเยว่จับแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เวลายิ่งล่วงเลยไปฤทธิ์ของยาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น นางอยากจะดึงมือที่เย็นในตอนนี้ของจ้าวตงหยางมาลูบไล้ตัวนาง แต่สติที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ขัดขืนไม่ยอมให้ได้ทำตามใจ
จ้าวตงหยางเก็บดาบของตนแล้วอุ้มนางขึ้นไปที่รถม้าทันที จินเยว่ที่อยู่ในอ้อมอกของจ้าวตงหยางก็เริ่มที่จะซุกซน
"หากเจ้าทำเช่นนี้ เห็นทีข้าคงทนไม่ไหว" เขากัดฟันแน่นจนแทบแตก
"ทนไม่ไหว เหตุใดถึงต้องทน" เสียงหวานเอ่ยหยอกล้อ พร้อมสายตาหยาดเยิ้มที่จ้องมองมา จินเยว่ลูบใบหน้าของจ้าวตงหยางอย่างเชื้อเชิญ
"เยว่เออร์" เสียงแหบพร่า แทบจะเปร่งออกมาไม่ได้ของจ้าวตงหยาง เขาทนอดกลั้นกอดนางนอนมาเสียหลายคืน แต่ตอนนั้นนางมิมีสติ ตอนนี้นางก็ไม่มีสติแล้วเช่นกัน เขาไม่อยากรังแกนางเช่นนี้
"ได้โปรดช่วยข้า"
"เจ้าพูดอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่"
จินเยว่พยักหน้า นางรับรู้เพียงแต่นางควบคุมตนเองไม่ได้ นางทรมานเกินกว่าจะทนได้อีกแล้ว นางรู้ว่าต่อจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดอันใดกับนาง แต่เพียงแค่ผ่านไปได้ต่อไปเขากับนางก็จะเป็นเพียงแค่คนเคยช่วยเหลือกันเท่านั้น
เพียงแค่นางพยักหน้าจ้าวตงหยางก็เร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น เพื่อไปที่รถม้า เขาถอดเสื้อคลุมเพื่อปูรองนางไว้ แม้สถานที่ไม่อำนวยแต่แรงของอารมณ์ในตอนนี้ก็ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางไว้ได้
"เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ ข้ารับรองว่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนได้กระทำ" จินเยว่จ้องมองเขา แววตาที่ฉ่ำนางของนางช่างยั่วยวนให้สติของจ้าวตงหยางแทบจะเตลิด
"ท่านอย่าได้เอ่ยเช่นนี้ เพียงช่วยข้าท่านไม่ต้องลำบากรับผิดชอบ" คงเป็นเพราะคำพูดของนางทำให้จ้าวตงหยางหยุดความคิดลง
เขาหัวเราะเย้ยตนเอง แล้วลุกขึ้นเดินออกจากรถม้าไป