- 3 -
“คุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ” หลิวหนิงตรงเข้าไปแจ้งประมุขจวนแล้วเดินออกมาหยุดที่ด้านหลังคุณหนูตนอย่างรู้หน้าที่
“หลานเฟยคารวะท่านพ่อ คารวะคุณชายเจียหรง” นางย่อตัวทักทายชายต่างวัยสองคนที่ดูแล้วน่าจะกำลังพูดคุยกันเรื่องทั่วไป เพราะสีหน้าท่าทางมิได้เคร่งเครียดอะไรนัก
“หลานเออร์เจ้ามาพอดี พ่อกำลังจะเข้าไปจัดการงานที่คั่งค้างต่อ เจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณชายเจียหรงละกัน”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
บิดาจงใจเปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักสร้างความสนิทสมกันมากกว่านี้
ไป๋หลานเฟยแม้นางจะพบเจอกับจางเจียหรงอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งนางยังคงประหม่าอยู่ร่ำไป นางช้อนตาขึ้นมองบุรุษหนุ่มก่อนจะหลุบตาต่ำตามเดิม สองมือประสานกันอยู่ด้านหน้า โดยมีผ้าเช็ดหน้าปักลายเหลียนฮวาด้วยฝีปักที่ประณีตอยู่ในมือขวา พยายามเต็มที่ที่จะไม่บิดผ้าไปมา
จางเจียหรงเห็นว่านางประหม่าเพียงใดจึงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “สบายดีหรือหลานเฟย”
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ” นางตอบแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออีก เขาจึงต้องเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมา
“เจ้าจะช่วยพาข้าไปเดินเล่นในสวนหน่อยได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ”
คำตอบแสนสั้นทำให้ผู้เป็นบิดาเหล่ตามองบุตรีแล้วกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง แต่จางเจียหรงก็มิได้มีท่าทางขัดใจแต่อย่างใด
ถือเป็นโชคดีไป ที่บุรุษผู้นี้ไม่ได้ต้องการภรรยาที่จะสร้างสีสันหรือทำให้บ้านอึกทึกครึกโครม
ถ้าหลานเฟยจะเป็นอะไรได้สักอย่าง ก็ต้องภรรยาผู้เชื่อฟัง ปฏิบัติตามคำสั่งและทำหน้าที่ของภรรยาตามสมควรนั่นแหละ
“ไปเถอะคุณชาย หลานเออร์”
ทั้งคู่พยักหน้ารับแล้วเดินแยกไปทางขวา ผ่านเรือนเล็ก ศาลาพักผ่อนและเข้าสู่สวนด้านหลัง ดอกไม้มากมายกำลังผลิดอกบานสะพรั่งหลากสี ต้นไม้เขียวชอุ่มขึ้นอยู่โดยรอบ นางเดินไปหยุดอยู่ริมสระน้ำ ก้มมองเงาที่สะท้อนบนผืนน้ำใสแจ๋วราวกระจกแก้ว เพ่งพินิจใบหน้าของตัวเอง จนเงาของจางเจียหรงปรากฏอยู่ข้าง ๆ
“หญิงที่งามแม้แต่ในเงาสะท้อน เห็นจะมีเพียงไม่กี่คน” เขาพูดและสายตามองไปยังเงาสะท้อนของสาวงามในแผ่นน้ำ “หนึ่งในนั้นมีเจ้าอยู่ด้วย”
ไป๋หลานเฟยเผยรอยยิ้มเอียงอาย
“คนตระกูลจางวาจาหวานปานน้ำผึ้งแบบนี้ทุกคนหรือเจ้าคะ”
เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“พี่ ๆ ของข้าคารมคมคายมากกว่านี้นัก ข้าน่ะเทียบไม่ติดหรอก ยังห่างไกลทีเดียว พวกเขาหัวเราะข้าเป็นประจำ ที่ไม่รู้จักวิธีเกี้ยวสาวสักคน” เขาพูดติดหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็เหมาะสมกันดีแล้ว” ไป๋หลานเฟยเผลอพูดออกไป แต่เมื่อคิดได้ก็หน้าแดง มันคล้ายกับว่านางกำลังเกี้ยวเขา ไม่สมควรยิ่งนัก
จางเจียหรงมองคู่หมั้นของตนแล้วยิ้มออกมา
“ข้าก็คิดเช่นนั้น อันที่จริง นี่มันมากกว่าที่ข้าคิดหวังไว้เสียด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อก็สามารถทำให้หญิงสาวซึ่งเป็นที่หมายปองของทุกตระกูล ตัดสินใจจะเกี่ยวดองกับเราได้”
ทั้งคู่เดินขึ้นมาบนสะพาน ในยามเย็น ดวงอาทิตย์ยังทอแสงพอให้เห็นเป็นประกายในกระแสน้ำซึ่งกระเพื่อมไหวบางเบา นางหยุดยืนอยู่กลางสะพาน ไม่กล้าหันไปมองหน้าเขานัก
“ท่านพูดเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าแปลกใจที่เจ้าไม่ตระหนักในความงามของตัวเอง”
มือหนาเอื้อมมาปัดเส้นผมที่หลุดออกมาปอยหนึ่งออกให้ นางสะดุ้งออกมาเล็กน้อย แต่เป็นเพราะความเขินอายมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น
“ทุกคนจะต้องชอบเจ้าแน่”
ดวงตาของจางเจียหรงฉายประกายวูบวาบแปลกประหลาด ซึ่งยากจะตีความให้ออก น้ำเสียงที่ใช้พูดประโยคเมื่อครู่ไม่ได้ฟังดูอ่อนโยนนุ่มนวลเท่าใด รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักมีความเคลือบแฝง แม้กระนั้นกระนั้นคุณหนูผู้ไร้เดียงสาอย่างไป๋หลานเฟยไม่มีทางที่จะเข้าใจหรือแม้แต่เฉลียวใจขึ้นมาได้เลย
ทว่านอกจากแววตาและน้ำเสียงน่าพิศวงเมื่อครู่แล้ว จางเจียหรงก็มิได้แสดงอะไรผิดแผกออกมาอีก และพูดคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ ตลอดระยะเวลาที่เหลือที่คู่หนุ่มสาวได้ใช้ร่วมกัน ก็เป็นไปอย่างชื่นบาน
“การเตรียมพิธีจวนจะแล้วเสร็จทุกประการ เจ้าไม่ต้องกังวลไปว่าจะมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง หรือน้อยหน้าผู้อื่น งานแต่งของเราจะต้องเป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั้งเมืองแน่นอน” เขาพูดให้นางเบาใจ เมื่อทั้งคู่ลงมาจากสะพานและกำลังชื่นชมดอกไม้ ซึ่งบางต้นไป๋หลานเฟยเป็นคนปลูกเองกับมือ
“ข้าไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ตระกูลของท่านยิ่งใหญ่ไม่น้อย ต่อให้ข้าไม่ใช่เจ้าสาว มันก็จะต้องถูกพูดถึงไปทั่วทั้งแคว้นเช่นเดิม”
จางเจียหรงจับใบหน้ามนให้หันมาหา มองเข้าไปข้างในดวงตาดอกท้อสุกสกาวแต่เจือร่องรอยแห่งความโศกลึกแบบที่ตัวนางเองยังไม่เข้าใจถึงความโศกนั้น
“หากมิใช่เจ้า มันก็เป็นหญิงอื่นไปมิได้ ทุกคนได้เลือกเจ้า และชะตาลิขิตมาเช่นนั้น” เป็นอีกคราที่เขาเอ่ยวาจาประหลาด และคราวนี้นางจับน้ำเสียงนั้นได้อย่างชัดเจน
“ทุกคนได้เลือกข้างั้นหรือ” คิ้วเรียวงามขมวดเป็นปม นางพยายามตีความในคำพูดของเขา
“ข้าหมายถึง...เจ้ามีรูปโฉมงามปานล่มเมืองเพียงนี้ แต่เหนืออื่นใด กิริยาวาจา และชื่อเสียงของเจ้าที่มิเคยด่างพร้อย ทำให้ทุกคนเห็นดีเห็นงามและชื่นชอบในตัวเจ้าตั้งแต่ยังไม่พบหน้า หากข้าไม่เลือกเจ้า พวกเขาได้ฉีกอกข้าแน่” คำพูดนั้นเจือความขำขัน จนทำให้นางยิ้มตามไปด้วย
“อย่างนั้นก็ดี ข้าอยากเป็นที่รักใคร่ของทุกคน” ไป๋หลานเฟยคลายใจลงที่ได้ฟังเช่นนี้
“เจ้าจะได้เป็นแน่นอน” จางเจียหรงให้ความมั่นใจ