เอาคืน
เอาคืน
ต่อให้คนสักกี่ล้านบนโลกดูถูกให้ตัวเราเจ็บช้ำ ขอเพียงเราไม่ใส่ใจ ไม่ตอกย้ำเอาความคิดของคนอื่นมาทำให้เราเป็นทุกข์ เศร้าหมอง เราก็จะมีความสุข
อย่าดูถูกตัวเอง...
เมธิญาเชื่อในความดี...เธอหวังว่าความดีที่ทำอยู่ทุกวันนี้จะส่งผลให้เธอเจอเรื่องดีๆ ในวันข้างหน้าได้ เธอไม่อายที่จะบอกใครว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าฐานะทางบ้านยากจน การกระทำของเราเป็นตัวกำหนด...วันนี้เธอเชื่อแล้วว่าความดีจะทำให้เธอเจอเรื่องดีๆ....อย่างการที่ได้รู้จักกับเจย์ก็เป็นเรื่องดีๆที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอเช่นกัน
เขาเป็นคนมาเปลี่ยนชีวิตของเธอจริงๆ...
" วันนี้ทำได้ดีมาก " หลังจากเปิดประตูหน้าตึกรับเธอเข้ามาด้านใน เจย์ก็เอ่ยชมเธอทันที
" ใช่มั้ยล่ะ " เด็กสาวยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข เธอนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
เมธิญาออกจากบ้านและเดินทางมาถึงโรงเรียนเหมือนปกติของทุกๆวัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอมักจะระแวงและไม่มีความสุขเมื่อคิดว่ามาโรงเรียนแล้ววันนี้เธอจะโดนแกล้งอะไรบ้าง
ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว หลังจากลงจากรถประจำทางได้เมธิญาก็เดินตรงมาที่ห้องเรียนของตัวเองเลยเพราะวันนี้เธอตื่นสายกว่าทุกวันเลยทำให้มาถึงโรงเรียนช้า
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน เด็กนักเรียนห้องอื่นๆก็มีจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านหน้าห้องเรียนบ้าง คุยโทรศัพท์บ้าง แต่เด็กสาวสังเกตว่าไม่มีเพื่อนห้องเดียวกับเธออยู่หน้าห้องเลยสักคน
มันผิดปกติ...
เด็กสาวหยุดนิ่ง...มองสำรวจเบื้องหน้า เพื่อนๆของเธอนั่งอยู่ในห้องกันหมด คุยกันบ้าง นั่งเล่นบ้างและก็มีอ่านหนังสือบ้าง
แต่ยังไง...มันก็ผิดปกติอยู่ดี
เมธิญาก้าวเท้าเดินต่อ...ไม่ระแวงแต่ระวัง นี่คือคำพูดของเจย์ที่พูดกรอกหูของเธอเป็นประจำ สายตาเรียวเหลือบเห็นประตูห้องเรียนที่เปิดแง้มอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงวิ่งพรวดเข้าไปเพราะตอนนี้มันก็สายมากแล้ว
" หึ...ไม่เข็ดจริงๆพวกนี้นี่ งั้นวันนี้ขอเอาคืนสักหน่อยแล้วกันนะ " เด็กสาวเอ่ยพร้อมกับยกยิ้ม
แอดดด....ปั๊ก....ซ่าาาา
กรี๊ดดดด....เสียงหวีดร้องของเด็กสาวที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าร้องกรี๊ดด้วยความตกใจที่ตัวเองถูกน้ำกระเด็นใส่เปียกไปทั้งตัว บางคนโดนน้อยก็เปียกน้อย บางคนโดนมากก็เปียกมาก หึ...ช่วยกันเตรียมก็ต้องโดนด้วยกันหมดนี่แหละ
" อ๊ะ....อะ เอ่อ...เรา เราขอโทษ มันตกใจน่ะจู่ๆถังน้ำนั่นมันก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า ขอโทษพวกเธอจริงๆที่เตะถังออกจากตัวแต่ไปโดนพวกเธอซะได้ ขอโทษ...ขอโทษจริงๆน้า " เมธิญาเอ่ยคำขอโทษกลุ่มเด็กสาวทึ่มักจะแกล้งเธอประจำ แม้ปากจะบอกแบบนั้นแต่สายตาของเธอกลับฉายแววแห่งความสุขจนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำมือแน่นมองเธอด้วยความโกรธแค้น
" นี่แกล้งพวกเราเหรอ " หนึ่งในเด็กสาวที่ยืนตัวเปียกอยู่เอ่ยขึ้น
" แกล้งเหรอ? ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามีถังน้ำอยู่ข้างบนน่ะ รึเธอรู้แนนซี่ เธอรู้เหรอว่ามีถังน้ำใส่น้ำไว้เต็มถังวางอยู่ข้างบนประตู " เมธิญาสบตากับเด็กสาวคนดังกล่าว เธอรับปากกับเจย์แล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครแกล้งอีก...ไม่อย่างนั้นเขาจะฝึกเธอให้หนักขึ้น
แค่ทุกวันนี้...เธอก็บอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว คนบ้านั่นเล่นให้เธอฝึกหลบสิ่งของ ถ้าหลบไม่ทัน ไม่พ้นก็เป็นอันต้องโดน เมื่อวานเธอโดนลูกบอลกระแทกเข้าหน้าตั้งหลายที ดีที่เบ้าตาไม่บวม...ไม่งั้นน้าพลอยก็ต้องถามเธออีกแน่ๆ
" ชั้นจะฟ้องครู " แนนซี่ถลึงตาใส่เมธิญา เด็กสาวเอ่ยและเป็นจังหวะเดียวกับที่ครูแกร๊กสันเดินเข้ามาในห้อง
" เกิดอะไรขึ้น ทำไมพากันตัวเปียกแบบนี้ " ครูหนุ่มเอ่ยถาม
" ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อุบัติเหตุ...พวกหนูขออนุญาตไปเปลี่ยนชุดแป็บนึงนะคะ " เด็กสาวอีกคนที่ตัวเปียกโชกรีบเอ่ย
" ตะ แต่เคที่ " แนนซี่ที่กำลังจะอ้าปากบอกครูก็ถูกเพื่อนสาวดึงแขนออกจากห้องก่อนที่จะถูกคุณครูซักไซ้ไล่เรียง
" เธออยากถูกคุณครูแกร๊กสันสอบสวนรึยังไง เดี๋ยวนี้เพื่อนในห้องบางคนไม่กลัวเราแล้ว เธอไม่เห็นรึไง ถ้าพวกนั้นเป็นพยานว่าเราเป็นคนเอาถังน้ำขึ้นไปวางแล้วล่ะก็ เธอก็ลองคิดดูแนนซี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา " พูดจบเคที่ก็สะบัดมือออกจากแนนซี่แล้วเดินไปทางล็อกเกอร์ที่เก็บของของตัวเอง
" งั้นวันนี้งดเรียนหนึ่งวัน " เสียงทุ้มของคนข้างๆทำให้เมธิญารู้สึกตัว
" หื้อออ.....งดเรียน วันนี้นายเหนื่อยเหรอ " เมธิญาขมวดคิ้ว
" ไม่ใช่ชั้นหรอกแต่เป็นเธอต่างหาก ซ้อมเหนื่อยมาหลายวันแล้ว วันนี้จะให้พัก " เขาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
" นายยิ้มแบบนี้หล่อดี ฉันชอบ..ยิ้มบ่อยๆนะ " เด็กสาวบอกไปอย่างที่ใจคิด ปกติเจย์มักจะทำหน้าเรียบเฉย แววตานิ่ง และตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเขาไม่เคยยิ้มทั้งใบหน้าเช่นนี้ให้เธอได้เห็นเลย จะมียิ้มบ้างก็แค่ยกยิ้มที่มุมปากก็เท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้นะ....
" อะไรของเธอยัยบ๊อง "
" โอ้ยยย...เจ็บนะ เคาะมาได้ " เมธิญาโอดครวญเมื่อถูกเด็กหนุ่มเคาะหน้าผาก แต่มีรึที่เขาจะสนใจ...เจย์เดินนำหน้าเมธิญาแล้วเปิดประตูด้านหน้าตึกแถวเดินออกไปก่อนเธอ ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงมากหากยังยืนอยู่ต่อเมธิญาต้องได้ยินเสียงหัวใจของเขาแน่ๆ
" นายจะพาฉันไปไหนอ่ะ " เมื่อวิ่งตามเขาทันเมธิญาก็เอ่ยถามทันที
" ไปเดินเล่นแถวนี้แหละ ริมแม่น้ำฝั่งโน้น...เคยไปมั้ย " เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับลดฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าเธอหอบหายใจเพราะความเหนื่อย
" เคยผ่านแต่ไม่เคยไปเดินเล่นหรอก ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น "
" ทำไม...ชีวิตของเธอมันยุ่งวุ่นวายขนาดนั้นเลยเหรอ "
" ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันต้องทำงานแต่ถ้าว่างก็จะอ่านหนังสือ ฉันอยู่กับน้าแค่สองคนลำพังค่าเช่าบ้านกับค่ากินก็หนักสำหรับน้าพลอยแล้ว ถ้าฉันอยากได้ของอย่างอื่นฉันก็ต้องหาเอง "
" แล้วพ่อแม่เธอไปไหนล่ะ " เจย์เอ่ยถามด้วยความสนใจ
" เสียชีวิตตั้งแต่ที่ฉันยังเด็กๆแล้วล่ะ "
" เอ่อ..ขอโทษที่ถาม " เจย์หยุดเดินแล้วหันมาหาคนที่เดินอยู่ข้างๆ
" ไม่เป็นไร ฉันโอเค... ฉันจำพวกท่านไม่ได้หรอก ตอนนั้นยังเด็กอยู่มาก ตอนที่พ่อกับแม่ตายน้าพลอยบอกว่าฉันพึ่งอายุแค่ 5 ขวบเอง "
" 5 ขวบ ? ก็พอรู้เรื่องแล้วนะ จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ " แม้จะเดินต่อแต่เจย์ก็ยังอยากรู้เรื่องของเธอ
" จำได้แต่บ้านน่ะ...ภาพของบ้านหลังเก่าที่เมืองไทยฉันยังจำได้อยู่ แต่หน้าของพ่อกับแม่ฉันลืมแล้ว " เมธิญาเอ่ย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอจำได้แค่นั้นจริงๆ จำได้แค่ว่าตัวเองเคยวิ่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนั้นกับใครสักคนหนึ่ง ...เด็กผู้หญิงตัวเท่าเธอ
" เธอเป็นคนไทยเหรอ "
" อึ้ม...ฉันเป็นคนไทย พอพ่อกับแม่เสียน้าพลอยเลยย้ายมาทำงานที่อเมริกานี่แหละ " เจย์มองดูเด็กสาวที่เล่าเรื่องของตนได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ขนาดเล่าเรื่องชีวิตที่แสนเศร้าแต่เธอก็ยังยิ้มได้
เจย์พาเด็กสาวเดินมาถึงริมแม่น้ำสายยาว ช่วงนี้เป็นฤดูร้อนของที่นี่ อากาศดีจึงเหมาะสำหรับการเดินเล่น เมธิญาเดินตามเขามาอย่างเงียบๆ หากเขาไม่ถามเธอก็จะไม่พูด หรือจะมีพูดบ้างก็ไม่ได้มากอะไรเพราะเธอเองก็เป็นคนคุยไม่เก่ง และตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเมธิญาก็รับรู้นิสัยอย่างหนึ่งของเขา คือเขาไม่ใช่คนพูดพร่ำเพรื่อ คิดอะไรก็พูดแบบนั้น ที่สำคัญเขาไม่ชอบความวุ่นวายหรือคนพูดมาก
" เจย์...นายหิวมั้ย วันนี้เงินเดือนฉันออก ฉันเลี้ยง... " เด็กชายหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมามองเธอ เด็กผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขาแปลกใจได้หลายอย่างจริงๆ
" 200 ดอลล่าร์ของเธอน่ะเหรอ หึ...เอาสิ อยากเลี้ยงอะไรล่ะ " เด็กหนุ่มยกยิ้ม เขาไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ดูถูกเงินเดือนอันน้อยนิดของเธอ เขาแค่อยากจะล้อเธอเล่นนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้น
" ก็ใช่สิ...บ้านนายรวยนี่ เงินเดือนของชั้นก็คงเป็นเศษเงินของพวกนาย " เมธิญาคอตก ก้มหน้าแววตาหม่นเศร้าลงเมื่อได้ยินคำพูดล้อเลียนของเขา
" โกรธเหรอ...ขอโทษ ก็แค่อยากล้อเล่นแค่นั้นเอง " คนพูดนัยน์ตาอ่อนยวบเมื่อคิดว่าเธอจะโกรธเขาจริงๆ ขายาวรีบก้าวเข้ามาหาเธอ
" ฮึ...ฮ่าๆๆ ขำเป็นบ้า หน้านายเมื่อกี้ตลกชะมัดเลย " เมธิญากุมท้องพร้อมกับหัวเราะคนตรงหน้า เธอไม่คิดว่าแค่ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเขาจะถึงกับหน้าถอดสีลงขนาดนี้
" นี่แกล้งกันเหรอยัยบ๊อง มานี่เลยชั้นจะตีก้นเธอ "
" เฮ้ยยย ได้ไง..เรื่องอะไรจะมาตีก้นฉัน แฮ่....ฉันไม่ยอมหรอก ฮ่าๆๆ " เมธิญาออกตัววิ่งหนีเด็กหนุ่มตรงหน้าซึ่งเขาก็ไม่รอช้าวิ่งไล่ตามเธอเพื่อจะตีก้นให้ได้ เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงตรงหน้าทำให้จิตใจที่หมองเศร้าของเขาถูกชะโลมหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื่น
ขนาดชีวิตของเธอเศร้าแสนเศร้าขนาดนั้นเธอก็ยังยิ้มและหัวเราะได้ แล้วเขาล่ะ...มีทุกอย่างพร้อมมากกว่าเธอเสียอีก ทำไมยังทำตัวเศร้าซึมอยู่ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเจย์เลยคิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ เขาจะเป็นคนใหม่ คนที่สดใสร่าเริงกว่านี้
" แฮ่ก...แฮ่ก พะ พอก่อน หายใจไม่ทัน " เมื่อวิ่งมาได้สักพักเด็กสาวก็เริ่มไม่ไหว เมธิญาหยุดวิ่งก้มโค้งตัววางมือลงจับหัวเข่าพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
" ไม่ไหวแล้วเหรอ แค่นี้เอง "
" แค่นี้บ้านนายน่ะสิ...นู้น...เราวิ่งมาจากตรงโน้นเลยนะ " เมธิญากลอกตาหมุนวนพร้อมกับชี้มือไปทางที่เธอและเขาวิ่งไล่กันมา เกือบสองกิโลเชียวนะนั่น
" ไปนั่งพักตรงโน้นก่อนป่ะ " เจย์ส่ายหน้าเดินเข้าไปคล้องแขนของคนตัวเล็กกว่าแล้วพาเดินไปนั่งที่โขดหินริมน้ำ
" ต่อไปเรียกชั้นว่าอาเย่ว ชั้นชื่อเย่วเฟิ่ง " เด็กหนุ่มเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆขณะที่สายตามองทอดไปยังแม่น้ำที่อยู่เบื้องหน้า
" เย่วเฟิ่ง ... อาเย่วเหรอ "
" อึ้ม..ชั้นอยากให้เธอเรียกชั้นแบบนั้น แค่เธอ "