บทที่ 4 เธอกล้าดียังไงมาเข้าห้องผู้ชาย
หลังเลิกเรียนคิระเดินทอดน่องออกมานอกรั้วอย่างไม่เร่งรีบ มองเงาตัวเองทอดยาวไปบนพื้นถนน เพื่อนๆชวนเขาไปร้องคาราโอเกะ แต่หนุ่มสันโดษที่ร้องเพลงไม่เป็นสัปปะรดอย่างเขาก็ขี้เกียจไป
ห้องเช่าของคิระอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่เท่าไร ร่างสูงเลี้ยวมุมเข้าไปในซอยเล็กๆ คุณนานาเอะ เจ้าของตึกยืนผัดอะไรอยู่เสียงดังช้งเช้ง เธอเปิดตึกให้เช่าห้องรวมทั้งขายอาหารห่อตอนเช้าและเย็น ทำอะไรก็ขายอย่างนั้น ไม่ใช่อาหารตามสั่ง
คิระสูดกลิ่นและยิ้ม ห้องพักของเขาอยู่ชั้นล่างจึงมีโอกาสได้ชิมนั่นนี่จากคุณนานาเอะบ่อยๆ บางทีเธอก็เอ็นดูสงสารเด็กหนุ่มที่มาอยู่ในเมืองตัวคนเดียวจึงให้กินฟรี
“หวัดดีครับป้า” คิระทักทายอย่างสนิมสนม คุณนานาเอะเงยหน้าจากกระทะ ผ้าโพกหัวมีเหงื่อซึมเช่นเดียวกับใบหน้าที่เป็นสีชมพูจากการยืนหน้าเตาร้อนๆ หลานชายตัวน้อยของเธอคือไดสึเกะวิ่งเล่นอยู่แถวหลังครัว ได้ยินเสียงหัวเราะร่าแว่วมา
“กลับมาแล้วเหรอคิระ สุขสันต์วันเกิดนะ! เอาผัดหมี่ไหม”
“ครับ ขอบคุณครับ” คิระจ่ายเงิน เขาซื้อกินเป็นประจำจนติดรสมือ คุณนานาเอะใส่หมี่อีกห่อหนึ่งลงในถุง
“สองถุงไปเลย วันเกิดทั้งทีกินเยอะๆนะ อายุเท่าไรแล้วล่ะนี่”
“สิบเจ็ดครับ”
“อื้ม เป็นหนุ่มเชียว คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนานะคิระ ตั้งใจเรียนให้ได้งานดีๆทำล่ะ”
“ขอบคุณครับป้า”
คิระไขกุญแจประตูห้อง วางข้าวของที่ปลายเตียง เปิดประตูอีกด้านที่มีพื้นยื่นออกไปติดกับสนามหน้าเล็กๆ ห้องของเขาเป็นขนาดมาตรฐานปูเสื่อตาตามิอย่างเรียบง่าย เตียงอยู่ชิดผนังฝั่งหนึ่ง โต๊ะเขียนหนังสืออยู่อีกฝั่งหนึ่ง ถัดจากปลายเตียงเป็นประตูเข้าไปสู่ห้องน้ำในตัว บนผนังเหนือโต๊ะมีชั้นวางของที่เขากับยามาโตะช่วยกันทำเมื่อปีที่แล้ว แม้จะส่งเสียงออดแอดบ้างเวลาวางของหนัก แต่รวมๆแล้วก็ใช้การได้
แมวดำตัวหนึ่งนั่งมองคิระจากบนกำแพง ไอควันสีดำของเจ้าแมวปิศาจลอยวนอยู่รอบตัว คิระทักทายมันเบาๆ ปกติจะไม่มีปิศาจหรือภูตผีมาใกล้ห้องของคิระเพราะมันมีฝุ่นควันของเขาอยู่ทั่ว แต่แมวตัวนี้กลับใจกล้า นั่งๆนอนๆอยู่บนกำแพงตรงห้องคิระตลอดอย่างสบายใจ ขนของมันเป็นสีดำทั้งตัวยกเว้นตรงระหว่างตาสองข้างที่มีแต้มเจิมสีขาว นัยน์ตาสีอำพันกลมโตนิ่งสนิท คิระเคยเล่นจ้องตากับมันเวลาเบื่อๆไม่มีอะไรทำ
“ลงมาสิ” คิระเรียก แกะห่ออาหารออก “วันนี้ฉันมีสองห่อ นั่งกินคนเดียวก็กระไร”
เขาวางห่อผัดหมี่ไว้ที่สนามหญ้า ก่อนจะเดินกลับมานั่งกินบนพื้นไม้ คุณนานาเอะห้ามเลี้ยงสัตว์เด็ดขาด เธอไม่ชอบสัตว์และแมลงทุกชนิดที่จะทำให้บ้านเกิดความสกปรกไม่เรียบร้อย คิระจึงรักษาความสะอาดมาตลอดและแอบให้อาหารเจ้าแมวจรตัวนี้โดยไม่ให้เข้ามาในตัวห้อง หลังทานเสร็จเขาก็รีบอาบน้ำหวังจะนอนเร็วๆ
~ตื้ด ตื้ด~
โทรศัพท์มือถือสั่นเป็นเจ้าเข้า คิระรับสาย
“ใคร” เขาถาม เบอร์นี้ไม่เคยรู้จัก คงเป็นพวกยามาโตะเปลี่ยนเบอร์
“สวัสดีจ้า คิระใช่รึเปล่า นี่มารินะ” เสียงใสๆกลับดังมาตามสาย คิระเอียงคอ มาริงั้นเหรอ
“อาซึสะให้เบอร์มาเหรอ”
“จ้า ได้หนังสือแล้วใช่ไหม”
“อือ”
“เห็นภาพแหวนยัง”
“เห็นแล้ว... เหมือนของฉันจริงๆแหละ”
“อิๆ แสดงว่าสายตาฉันก็ใช่ได้นะเนี่ย อีกหน้าหนึ่งมีรูปเดเมี่ยนด้วย เล่มเนี้ยนายต้องอ่านนะ”
“จะสนุกไหมเนี่ย”
“คิระ! สนุกสิ มันก็เป็นตำนานอ้ะ มีทั้งสงครามทั้งความรัก คลาสสิคออกจะตายไป” มาริว่าอย่างกระตือรือร้น คิระเดาหน้าตาเธอขณะนี้ได้เลยทีเดียว
“อืมๆ ก็ได้ ว่างๆฉันจะอ่าน”
คิระเอื้อมไปหยิบ Demon Historia Codex มาจากกระเป๋า พลันก็รู้สึกถึงฝุ่นควันแปลกๆที่ไม่ใช่ของเขาหลั่งไหลเข้ามาในห้อง เสียงมาริพูดอะไรอีกสองสามคำแต่มันไม่เข้าหูเลยสักนิด แมวดำครางเป็นเสียงต่ำในคอ และคิระได้กลิ่นอะไรบางอย่างหอมจางๆ
“คิระ? ฮัลโหล?”
“แค่นี้ก่อนนะ” คิระกดวางสาย ก่อนจะหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาเรียวพลันปะทะกับนัยน์ตาสีนิลอีกคู่ในระยะเส้นผมคั่น!
นัยน์ตาคู่นั้นดูเหมือนมีประกายสีแดงลึกๆข้างใน ผิวขาวจัดราวกับไม่เคยโดนแสงแดดขับให้ริมฝีปากบางและจมูกได้รูปโดดเด่นขึ้นมาจากใบหน้าที่ห้อยกลับหัว สร้อยคอตกมาติดอยู่ใต้คาง เรือนผมสยายเหมือนเงาดำยาวเรี่ยพื้นเสื่อเพราะเจ้าของนั่งห้อยหัวลงจากเพดาน ควันสีดำจางคล้ายกับของคิระลอยอ้อยอิ่งในอากาศ เข้าผสมผสานกับฝุ่นควันของเขากลายเป็นความมืดสงบรอบกาย
ยัยผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อวานหน้าประตูโรงเรียนนั่นเอง แต่เธอไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าอีกต่อไป คิระรู้สึกว่าเห็นแค่ดวงตาคู่นี้ก็จำได้แล้ว การห้อยหัวเป็นค้างคาวแบบนี้ทำให้ประจักษ์ใจว่าเธอเป็นปิศาจแน่นอนแม้จะอยู่ในรูปมนุษย์
“ออกไป”
คิระเอ่ยเสียงเรียบ ยังไม่เคยมีปิศาจตนไหนเข้ามาในห้องเขาแบบนี้มาก่อน ร่างบางของเจ้าหล่อนทิ้งตัวลงมายืนทิศทางเดียวกันตรงหน้า แต่ไม่ได้ถอยหนี คิระสังเกตดีๆก็เห็นว่านางปิศาจตนนี้หน้าตาดูอ่อนวัยมากประหนึ่งว่ากาลเวลาไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนกายเธอได้ แต่ขณะเดียวกันก็ดูออกว่าได้เห็นโลกมามากกว่าเขา แม้อาจไม่ใช่โลกมนุษย์ก็ตาม
ร่างสูงยกมือซ้ายขึ้นหมายจะโบกไล่ให้กลัวเหมือนที่เคยทำกับปิศาจตนอื่นๆ แต่กลับถูกหญิงสาวยกมือซ้ายของเธอขึ้นจับไว้มั่น สัมผัสนั้นไม่ต่างกับมนุษย์ คิระตกตะลึง เขามองเห็นแหวนเงินสองวง... นางปิศาจตรงหน้าเขาใส่แหวนที่นิ้วนางซ้ายหน้าตาเหมือนของเขาไม่มีผิดเพี้ยน
“เธอ...เป็นใคร” คิระถาม สะบัดมือออกจากปิศาจตรงหน้า
“ข้าคือเฟลเวีย” หญิงสาวตอบเจือสำเนียงแปลกๆ รอยยิ้มน้อยๆเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆสองข้าง “ธิดาปิศาจรัตติกาล ชายาของท่านอย่างไรล่ะ”