บทที่ 3 ของขวัญวันเกิด
บนโลกมนุษย์ ฟากฟ้าครึ่งหนึ่งสว่างไสว อีกครึ่งหนึ่งมืดสลัว อรุโณทัยและสนธยาขีดเส้นข้ามผ่านผืนดินและน้ำ กั้นกลางระหว่างทิวาและราตรี เหนือขึ้นไปคือสรวงสวรรค์ ลึกลงไปคือนรกใต้พิภพที่ถูกเรียกว่า 'เอเรบอส' อันเป็นอาณาจักรสีดำของซาตาน จ้าวแห่งปิศาจ ผู้เป็นปรปักษ์กับพระเจ้าตลอดกาล
พระเป็นเจ้ามอบหมายหน้าที่แก่ 'อซาเซล' เทวทูตตกสวรรค์ ให้คอยควบคุมดูแลปิศาจจากเอเรบอสที่จะขึ้นมายังโลก แต่ทว่าอซาเซลมักลักลอบไปทั่วทั้งสามพิภพ ปั่นหัวทั้งเทพ มนุษย์ และปิศาจ จนเกิดเป็นมหาสงคราม และซาตานเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด
ซาตานตระหนักได้ว่าอซาเซลไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี จึงหันไปทำสัญญากับ 'ปิศาจรัตติกาล' ผู้เป็นความมืดมิดอันยาวนานเหนือกว่าเหล่าปิศาจทั้งปวง และควบคุมสมดุลกลางวันกลางคืนในโลกมนุษย์ ให้มาทำหน้าที่เฝ้าประตูนรกแทน ปิศาจรัตติกาลยื่นข้อแลกเปลี่ยนกับภาระนี้ ว่าทายาทและตระกูลของเขาจะเป็นใหญ่กว่าปิศาจอื่นในเอเรบอส มีเหล่าภูตผีและสัตว์ทั้งหลายเป็นข้าทาส ซาตานตอบตกลงว่า เมื่อปิศาจรัตติกาลมีธิดา ก็จะให้สมรสกับบุตรของซาตาน 'เจ้าชายเดเมี่ยน' เพื่อเป็นราชินีนรกในอนาคต
ไม่นาน อซาเซลนำสารจากพระเจ้ามาประกาศว่า เดเมี่ยนจะถูกสังหารในปีที่อายุครบ 1,700 โดยเทวทูต 'มิทาทรอน' ผู้ซึ่งรู้จักเดเมี่ยนจากเพียงกลิ่นโลหิต เป็นการลงทัณฑ์ที่ซาตานปลดอซาเซลจากตำแหน่งหน้าที่ขัดกับพระประสงค์ ซาตานไม่สามารถหักล้างลิขิตนี้ได้ จึงสาปแช่งว่า มิทาทรอนแม้จะเอาชนะเดเมี่ยนได้ แต่ที่สุดจะต้องตายด้วยน้ำมือชายาของเดเมี่ยนเสียเอง
เดเมี่ยนเฝ้ารอและรอ เนิ่นนานเกือบสามร้อยปี จนกระทั่งปิศาจรัตติกาลให้กำเนิดธิดา ทั้งสองสมรสกัน แต่ความรักทำให้เดเมี่ยนกลัวและโง่งม เขามักขังนางไว้ในตำหนักสระบัวอันงดงาม
แล้วเดเมี่ยนก็ถูกสังหารในปีที่อายุ 1,700 ปี วิญญาณของเขามาจุติใหม่ในโลกมนุษย์ ในรูปของคนบ้าง สัตว์บ้าง มิทาทรอนยังคงไล่ติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งราวกับเงาตามตัว เพื่อกำจัดทายาทของซาตานในทุกๆชาติ
พันปีต่อมา ธิดาปิศาจรัตติกาลสั่งเผาตำหนักสระบัวหลังนั้น... นางขึ้นมายังโลกมนุษย์ พร้อมด้วยเวทมนตร์ ยาพิษ และมีดที่กระหายเลือด
บรรยากาศในช่วงเช้าวันต่อมาดูคึกคักกว่าทุกวัน กลุ่มนักเรียนชายจากหลายห้องเข้ามาออกันในห้องเรียน คุยกันเสียงดังเฮฮาและทักทายสาวๆที่กำลังตระเตรียมจุดเทียนวันเกิดบนเค้กช็อกโกแลตก้อนโต
“มาแล้วๆ” ยามาโตะซึ่งโผล่หัวออกไปนอกประตูห้องพูดและรีบหดหัวกลับเข้ามา ส่งสัญญาณให้ทั้งห้องเงียบกริบ ไม่นาน คิระก็สะพายเป้ก้าวเข้ามา
ปุ้ง! ปุ้ง!~
“สุขสันต์วันเกิด!!”
เสียงพลุกระดาษและอวยพรวันเกิดดังลั่นปนกันไปจนฟังไม่ออก คิระก็เพิ่งนึกได้
“เอ่อ... สารภาพนิด ฉันลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิด”
“โห่! ปลาทอง ป้ะๆทุกคนเลิกงาน กลับบ้านๆ” ยามาโตะโบกมือ พวกผู้ชายพากันสรวลเส
“ฮ่าๆ มึนสมเป็นคิระว่ะ เอ้า นี่เค้ก นี่ของขวัญ หุ้นกันมานะเนี่ย ค่าข้าวไม่มียังอุตส่าห์เจียดซื้อให้” เป่าเทียนเสร็จทุกคนก็จ้วงแบ่งเค้กกินกันอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าแร้งลง ไม่ต้องตัดเค้กให้มากพิธีรีตองแต่อย่างใด
“ขอบใจมากนะ”
คิระรับถุงของขวัญจากเพื่อนๆในห้อง พวกผู้หญิงพากันมาอวยพร คิระไม่มีเพื่อนที่สนิทมากนัก ร่างสูงออกจะพูดน้อยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครไม่รู้จักเขาแน่ในฐานะคนแปลกๆที่ชอบช่วยเพื่อนและชอบจับดูสิ่งของนู่นนี่โดยพลการ หลังรับศีลรับพรเสร็จสรรพเขาก็มาถึงโต๊ะเรียนมุมหลังห้องของตัวเองได้เสียที คิระวางของก่อนจะหันมาเห็นถุงแบนๆบนโต๊ะเรียน
“อ๋อ อันนั้นเมื่อกี้อาซึสะเอามาให้น่ะ” ยามาโตะบอกทั้งที่ยังไม่ได้ถาม นั่งลงตรงที่ตัวเองข้างคิระ
“ยัยถึกนั่นน่ะนะ” คิระทวน ยกถุงขึ้นมาดู จะมีระเบิดไหมเนี่ย เขาดึงของข้างในออกมา
หนังสือเล่มขนาดกลางหนาประมาณสองเซ็นต์มาอยู่ในมือ สภาพของมันยังดีมากแม้จะไม่ได้ห่อพลาสติก หน้าปกแข็งมีตัวอักษรประดิษฐ์เขียนอยู่อย่างสวยงามว่า Demon Historia Codex
คิระเปิดดู หน้าแรกสอดกระดาษโน้ตสีฟ้าลายลูกแกะไว้ ลายมือตัวเล็กๆเป็นระเบียบเขียนไว้สามสี่บรรทัด
‘แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคิระ อายุ 17 แล้วสิ นี่ไงหนังสือที่ฉันบอกนาย... มันไม่ใช่ของใหม่เอี่ยมอ่องหรอกนะ คือที่บ้านฉันมีอีกเล่มหนึ่ง ตอนนั้นฉันเผลอซื้อซ้ำอ้ะเห็นมันหน้าปกไม่เหมือนกัน แหะๆ ยังไงก็ขอให้มีความสุขในวันเกิดนะ ภาพแหวนของเดเมี่ยนอยู่หน้า 103 จ้า จาก มาริ’
“หนังสือ?” ยามาโตะทำเสียงสูง “อาซึสะอ่านอะไรนอกจากการ์ตูนด้วยเรอะ ไม่น่าเชื่อ” คิระส่ายหัว
“เปล่า มาริน่ะ คงฝากอาซึสะมาให้” เขาตอบก่อนจะนั่งลงเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา
คาบแรกเป็นไปอย่างไม่สงบจนอาจารย์ต้องตะโกนให้เงียบและเขียนแบบฝึกหัดบนกระดานให้จดตาม คิระเปิดหนังสือที่มาริให้ ดูๆมีแต่ตัวอักษรเล็กจิ๋วเบียดกันเต็มไปหมด ไม่ชวนอ่านเอาซะเลย เขาพลิกหาหน้า 103
เนื้อหาส่วนนั้นมีภาพประกอบมากมาย คิระอ้าหนังสือออกกว้างและยกมือขึ้นเทียบ ภาพลายเส้นวาดเป็นรูปแหวนหน้าตาเหมือนกับแหวนที่นิ้วนางซ้ายของเขาไม่มีผิด ลวดลายคล้ายกับภาษาอาหรับหรือเปอร์เซียเขียนจารึกไว้แบบเดียวกัน แค่เพราะเป็นภาพลายเส้นเลยไม่รู้ว่าเป็นสีเงินเหมือนกันหรือไม่ คำอธิบายใต้ภาพบอกว่าเป็นแหวนของเจ้าชายแห่งนรก ซึ่งเชื่อกันว่ามีพลังอำนาจชั่วร้าย
“คิระ ทำสิเว้ย ฉันจะลอก”
ยามาโตะเร่งเร้าแต่คิระไม่ได้ใส่ใจนัก เขาพลิกดูหน้าถัดไป ภาพวาดของจิตรกรคนใดคนหนึ่งตรึงสายตาให้ชะงัก
มันเป็นรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งในท่านั่งกึ่งนอนบนตั่ง มือขวาถือแก้วที่หน้าตาคล้ายกับจอกโบราณ ส่วนมือซ้ายโอบพาดบนไหล่ของหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเธอถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมหน้าเห็นแค่ตา แม้จะตีพิมพ์เป็นภาพขาวดำคิระก็มองออกว่าแหวนที่ชายหนุ่มใส่นั้นหน้าตาแบบเดียวกับของเขาเป๊ะ นัยน์ตาเรียวอ่านคำอธิบายภาพ
‘เดเมี่ยน บุตรแห่งซาตานผู้เป็นปรปักษ์กับพระเจ้า และชายา’
พลันคิระก็ปิดหนังสือ เพราะรู้สึกว่ามีฝุ่นสีดำลอยอวลอยู่ข้างๆจนต้องหันไปมอง ปิศาจในรูปอีกาตัวเขื่องโฉบมาเกาะตรงหน้าต่าง นัยน์ตาสีแดงวาววับ คิระโบกมือไล่ แต่ก็พบว่ามีนกบินมาเกาะแถบตึกเรียนมากมาย ไอควันดำฟุ้งตลบในสายลมเอื่อยๆเมื่อพวกมันไซร้ขนและตีปีก
“ทำไมวันนี้นกมันเยอะจังวะ” ยามาโตะเงยหน้าเปรยเมื่อแต่ละตัวกระพือปีกพึ่บพั่บรบกวน บ้างก็บินผ่านเข้ามาในห้องทางหน้าต่างอย่างแล้วรีบหนีลอดออกนอกประตูไป
“อือ.. ปกติพวกปิ...นกมันเกาะกลุ่มกันแถวสนามฟุตบอลนี่”
คิระเห็นด้วย เขายืดคอมองออกไปนอกหน้าต่าง
สนามฟุตบอลมีคนเล่นอยู่ไม่มากนัก แต่ที่มากคือกองเชียร์ คาบพลศึกษาช่วงเช้าแดดยังดีอยู่ทำให้เสียงเชียร์คึกคัก ทุกวันคิระจะเห็นปิศาจหลายตัวดูฟุตบอลอยู่บนต้นไม้รอบสนามด้วยความสนใจพลังงานความตื่นเต้นจากมนุษย์ แต่วันนี้ที่แถวนั้นกลับไม่มีแม้แต่ควัน คิระหรี่ตา ร่างสูงร่างหนึ่งที่กำลังเลี้ยงลูกบอลดูโดดเด่นในสนาม
เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งเลี้ยงบอลส่งให้เพื่อน ร่างของเขามีแสงเรืองกว่าคนอื่นๆ ทั่วบริเวณสนามที่เขาผ่านไปทิ้งรอยจางราวกับเส้นใยละเอียดมากมายถักทอเป็นสายสีขาวนวลๆ ความรู้สึกประหลาดส่งผ่านมายังคิระทำให้นัยน์ตาเขาร้อนๆ เขาไม่เคยสังเกตเห็นคนคนนี้มาก่อน ยิ่งรอยควันขาวแบบนี้ยิ่งไม่เคยแน่... ร่างนั้นเงยหน้าหันมาโดยบังเอิญ บางอย่างที่รุนแรงปะทุพลุ่งพล่านไปทั่วตัวคิระราวกับไฟแผดเผา
มันเป็นใครกัน... นัยน์ตาเรียวฉายแววกร้าว ไม่ทันจะได้รู้จัก แต่เขากลับรู้สึกเกลียดควันขาวแบบนี้เข้าไส้!