๔ ผลัดกันดูแลซึ่งกันและกัน (๑)
๔
ผลัดกันดูแลซึ่งกันและกัน
หญิงสาวคอยดูมอนิเตอร์กับผู้กำกับพร้อมอัดวิดีโอเอาไว้เพื่อให้นับอนันต์ดูอีกครั้ง ชายหนุ่มอยากให้งานออกมาดีและพยายามลบคำสบประมาทคนที่บอกว่าเขาเข้ามาอยู่จุดนี้ได้เพราะหน้าตาอย่างเดียว วันไหนถ้าเจอฉากต้องเค้นอารมณ์หรือดราม่าหนัก ก็มีโค้ชการแสดงคอยรับส่งอารมณ์และอธิบายเรื่องราวต่างๆ อยู่ข้างผู้กำกับ
เรียกว่าร่างสูงทุ่มเทกับแต่ละงานมาก จึงไม่แปลกใจที่เหล่าผู้จัดผู้กำกับจะเรียกใช้เสมอ บางครั้งถ้าว่างยังเสนอตัวไปเป็นตัวประกอบให้แบบไม่คิดเงินก็มี
“เป็นยังไงบ้าง” ฉากวันนี้คือพระเอกต้องตากฝนเพื่อมาง้อนางเอก แน่นอนว่าถ่ายตอนค่ำและใช้ฝนปลอม ถ้าเป็นตอนกลางวันคงต้องใช้ซีจีช่วยเพราะฟ้าเปิด จึงเลือกตอนค่ำที่ฟ้ามืด
เขาเดินมาถามเธอพลางนั่งลงข้างผู้กำกับ ดูการแสดงของตนเองแล้วฟังการวิเคราะห์อย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอจึงขอถ่ายอีกรอบ
“คุณแสดงดีแล้วนะคะ” เอ่ยชมแต่เขายังรู้สึกว่ามันได้มากกว่านี้
“แววตายังเศร้าไม่พอ” เข้าฉากแล้วประจำจุดมาร์คอย่างรวดเร็ว หล่อนมองตามเขาพลางถอนหายใจ ถ่ายตั้งแต่เช้าจนถึงสี่ทุ่มก็ไม่มีท่าว่าชายหนุ่มจะเหน็ดเหนื่อยเลย กลับฟิตเหมือนเดิมจนเป็นเธอที่เหนื่อยแทน
รู้สึกตัวรุมๆ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ตอนนี้เป็นหนักเพราะเริ่มปวดหัวด้วย กลัวว่าตนจะไม่สบายแล้วทำให้เจ้านายพลอยลำบากไปด้วย จึงฝืนยืนมองดูเขาแสดงจนจบ
“คัท โอเคแล้ว เลิกกอง” เสียงเฮดังเบาๆ จากช่างแต่งหน้า พระเอกของเรื่องเดินมาดูหน้าจอมอนิเตอร์แล้วก็ยกยิ้มพึงพอใจ ค่อยเดินไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน โดยมีชินานางตามไม่ห่างเพื่อคอยอำนวยความสะดวก
แต่เธอเหมือนตาจะปิดอยู่ทุกขณะ ยาก็ยังไม่กินทำได้เพียงฝืนร่างกายเอาไว้จนขึ้นมานั่งบนรถตู้เพื่อกลับคอนโดของเขา
หลังจากฝืนทำงานมาทั้งวันหล่อนก็เอนกายพิงเบาะแล้วหลับตาลงทันที ผล็อยหลับไปไม่ได้ยินกระทั่งเสียงเรียกอันตื่นตระหนกของนับอนันต์ เมื่อวานก็ท้าแดดท้าลม วันนี้มาโดนละอองน้ำอีก แถมพักผ่อนไม่เพียงพอ
ไม่ได้ป่วยมานานมากแล้ว อาจเพราะหล่อนกินวิตามินซีตามคำแนะนำของมารดามาเป็นเวลาเกือบห้าปี คุณประโยชน์นอกจากเรื่องผิวแล้วยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้กินติดต่อกันทุกเดือน หล่อนยังเว้นสามถึงสี่เดือนแล้วค่อยกินช่วงหกเดือนหลัง
นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องสีเข้มที่ตนไม่คุ้นเคย รีบผุดลุกนั่งแล้วมองไปโดยรอบ ส่วนมากพบเป็นภาพวาดทิวทัศน์ ก่อนสะดุดที่กรอบรูปข้างหัวเตียง
“คุณนับ..” เป็นรูปของนับอนันต์ทำให้ทราบว่าเจ้าของห้องคือเจ้านายของตนเอง หล่อนไม่เคยเข้าห้องนอนเขา ถ้ามาหาก็นั่งรออยู่โซฟา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นห้องนอนเขา
ยกมือขึ้นจับหน้าผากพบว่ามีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ ก่อนจะสังเกตเห็นกะละมังขนาดเล็กที่วางไว้โต๊ะเล็กข้างหัวเตียง มีผ้าขนหนูพาดเอาไว้
“ตื่นแล้วเหรอ” ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างหนาที่เดินถือถาดอาหารเข้ามา เห็นอย่างนั้นก็เกรงใจจนต้องรีบลุกเพื่อไปช่วยถือ ทว่ากลับปวดหัวจนต้องนั่งลงที่เดิม
“ไม่ต้องลุกหรอก นั่งอยู่ตรงนั้นเลย” วางถาดอาหารไว้บนที่นอน แล้วค่อยเดินไปหยิบโต๊ะพับมากาง วางตรงหน้าหล่อน
ทุกการกระทำของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกประทับใจ นับอนันต์ตอนนี้กับคนที่เจอครั้งแรกต่างกันลิบลับ ยิ่งเห็นข้าวต้มที่วางอยู่ตรงหน้าก็น้ำตาคลอ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครใส่ใจ เผลอนึกถึงครั้งยังเด็กที่มารดาคอยดูแลข้างกายยามเจ็บป่วย
“กินข้าวจะได้กินยา ฉันลองทำตามเน็ตไม่รู้จะออกมาอร่อยหรือเปล่า แต่ตอนลองชิมดูก็ไม่เลวนะ” แอบชมตัวเองจนหล่อนหลุดยิ้มขำ ค่อยหยิบช้อนมาคนจนเห็นไอร้อน เป่าเพื่อไล่ความร้อนก่อนเอาเข้าปาก รสชาติเป็นอย่างไรหล่อนแทบไม่รู้ เพราะขมปากไปหมด
“เป็นไง อร่อยไหม” เห็นท่าทีกระตือรือร้นของเขาก็ไม่กล้าตอบตามความจริง เหมือนข้าวต้มชามนี้จะเป็นอาหารที่เขาทำเองครั้งแรก
แล้วเธอจะกล้าทำร้ายจิตใจชายหนุ่มได้อย่างไร
“อร่อยค่ะ รสชาติกำลังพอดี” นับอนันต์ได้ยินอย่างก็ยิ้มแก้มปริ ยืดอกภาคภูมิใจในตนเอง
“งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะ แล้วค่อยกินยา” พยักหน้าทำตามที่เจ้านายบอก โดยมีดวงตาคมมองไม่คลาดเคลื่อนราวหล่อนเป็นนักโทษ
“คราวหน้าถ้าไม่สบายต้องบอก ฉันตกใจแทบแย่ที่เรียกแล้วเธอไม่ตื่น พอแตะตัวถึงรู้ว่าไม่สบาย ตัวร้อนอย่างกับไฟ” รีบบ่นระหว่างหล่อนกินข้าว
เขาไม่รู้ว่าเธอป่วยเพราะหญิงสาวทำตัวเป็นปกติ ไม่แสดงออกถึงอาการเหนื่อยสักนิด จนถึงคอนโดมิเนียมแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมตื่น จึงได้ลองปลุกทว่าไม่มีการตอบรับ วินาทีนั้นเขากลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก
ตัดสินใจอุ้มหล่อนขึ้นมาบนห้องของตนและให้คนรถไปซื้อยาที่ร้านขายยา คอยดูแลหญิงสาวด้วยการเช็ดใบหน้าและตามลำตัวด้านนอก ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือล่วงเกินเข้าไปข้างใน
ชายหนุ่มค่อนข้างบริสุทธิ์ใจพอสมควร
“ขอโทษค่ะ”
“มันไม่ใช่ความผิดเธอ มันคือความผิดฉันที่ดูแลคนของตัวเองไม่ดี” หล่อนถือเป็นคนในความปกครอง ทำงานด้วยกันก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน แต่กลายเป็นตนเองที่ทำให้หญิงสาวต้องไม่สบายจนล้มหมอนนอนเสื่อ
ชายหนุ่มรู้สึกผิดกับคนตัวเล็ก ไม่แน่ใจว่าตนใช้หญิงสาวหนักหรือเปล่า ลืมสนิทอีกฝ่ายไม่เคยทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบเขา หรือควรลดงานของเธอดี..
“ไม่ใช่นะคะ เรื่องแบบนี้โทษใครไม่ได้หรอกค่ะ” แปลกที่เผลอใจเต้นกับคำว่าคนของตัวเอง รู้ว่าเขาหมายความเช่นไรแต่มันก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้า จนต้องตักข้าวต้มขึ้นซดกลบเกลื่อนอาการ
ไฟในห้องเปิดเพียงแค่โคมไฟข้างหัวเตียง จึงไม่ได้สว่างจ้าจนมองเห็นถนัดตา เขาไม่รู้ว่าคนอ่อนต่อโลกกำลังอยู่ในอาการที่ไม่ปกติ
ก่อนนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ควร เขามีคนรักอยู่แล้วเธอจะชอบคนมีเจ้าของไม่ได้ มองปลายทางก็ลงท้ายที่คำว่าเจ็บ...
“อย่างนั้นก็รีบรักษาตัวให้หาย คืนนี้นอนที่นี่แหละถ้าอยากได้อะไรก็เรียก ฉันจะนอนข้างนอก” คนฟังตาโตเป็นไข่ห่าน รู้สึกผิดที่ทำให้เจ้าของห้องต้องระเห็จไปนอนข้างนอก หล่อนแทบจะลุกจากเตียงแล้วกลับหอพักของตนเอง
“ไม่ได้นะคะ รบกวนคุณนับ..” พูดยังไม่จบเขาก็ขัด
“ไม่รบกวน นอนไปเถอะ แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปไหนนอนพักอยู่ห้อง ฉันมีแค่งานถ่ายแบบตอนเช้าไม่ใช่เหรอ” ความดีของชายหนุ่มทำให้หล่อนซึ้งมากกว่าเดิมซะอีก ดวงตากลมทอประกายสุกสกาวยามมองร่างสูง
พ่อพระมาโปรด...
“ค่ะ”
“กินอิ่มแล้วก็กินยา” เห็นเธอกินข้าวต้มจนจะหมดก็รีบบอก หญิงสาวจึงได้ตักคำสุดท้ายเข้าปากแล้วกินยา ปิดท้ายด้วยการดื่มน้ำจนหมดแก้ว
“นอนได้แล้ว อยากได้อะไรก็เรียกนะ” เมื่อเธอกินอาหารหมดเขาก็หยิบถ้วยและแก้วน้ำใส่ถาด เก็บโต๊ะเล็กวางไว้ตามเดิมค่อยหันมาบอก
“ค่ะ” ตอบรับเสียงเบา มองตามแผ่นหลังกว้างที่ออกจากห้อง แล้วประตูค่อยปิดลงเสียงเบาไม่ให้รบกวนหล่อน
ชินานางยกมือขึ้นมาสัมผัสอกข้างซ้าย ตำแหน่งที่หัวใจกำลังเต้นรัวจนต้องพยายามบังคับตนเองให้หยุดคิดไปไกล หน้าที่คือการดูแลนับอนันต์ในฐานะผู้จัดการ และเธอก็ชอบพี่ต่อ เขาเป็นรักแรกและรักปัจจุบัน
ห้ามไปหลงเพ้อพกกับความดีของเจ้านายหน้าหล่อเด็ดขาด นอกจากเขาจะเป็นดาราที่หล่อนไม่อาจเอื้อม ยังมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอีกต่างหาก
หยุดคิดได้แล้วชินานาง ห้ามรักนับอนันต์เด็ดขาด!
พอเธอหายดีก็กลับมาทำงานตามปกติ โชคดีที่รักษาตัวเพียงแค่วันเดียวก็หาย จึงได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการเหมือนเดิม ตามติดดาราหนุ่มไปกองถ่ายละครและเริ่มเข้ากับคนอื่นได้แล้ว หล่อนเรียนรู้การแต่งหน้ามาจากช่างของกองถ่าย
จากเมื่อก่อนลงเพียงแค่กันแดด รองพื้นและแป้งฝุ่น เขียนคิ้วไม่ให้ดูหน้าโล้นเกินไปและเติมลิปมันมีสีก็ออกจากห้องได้แล้ว ทว่าตอนนี้ได้เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด จนสามารถกรีดอายไลเนอร์ได้
แต่สิ่งที่ยากคือการทาตา เธอไม่รู้ว่าควรจับคู่สีอย่างไรเพื่อให้มันเข้ากัน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะทำได้
“ดูเธอเอนจอยกับการอยู่กองถ่ายนะ” เห็นหญิงสาวยิ้มแย้มต่างจากวันแรกที่เข้ามาอยู่ในกองละคร จำได้ว่าตอนนั้นชินานางดูแปลกแยก คอยหันมองซ้ายขวาเหมือนระแวดระวังตลอดเวลา และพยายามอยู่ติดกับเขา
ดูทุกวันนี้สิ แทบลืมพระเอกหนุ่มเพราะสนุกกับการพูดคุยในเรื่องที่ตนไม่รู้ หล่อนเปิดรับคนอื่นอยู่เสมอต่างจากนับอนันต์ที่ไม่ค่อยเปิดใจให้ใครง่ายๆ
แปลกเหมือนกันที่เขายอมให้เธอเข้ามาอยู่ในโลกของตนเอง
คนรอบตัวของเขามีไม่มากนัก นอกจากครอบครัวก็มีคนรัก เพื่อนสนิทอีกไม่กี่คนและพี่มณผู้จัดการ ซึ่งคนกลุ่มนี้ชายหนุ่มค่อนข้างแคร์พอสมควร
สงสัยตอนนี้คงต้องรวมชินานางด้วยแล้ว ทั้งที่คิดว่าคงจะเป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาชั่วคราว แต่กลายเป็นเขานึกเอ็นดูหล่อนเหมือนน้องสาวอีกคน ถ้าจบงานสามเดือนคิดว่าก็คงติดต่อหล่อนเหมือนเดิม บางทีคงต้องขอให้มาช่วยงาน
ถ้าเธอว่างน่ะนะ