๓ เจ้านายที่แสนดี (๒)
หญิงสาวจำต้องนั่งลงที่เดิมแล้วกินเส้นและน้ำที่เหลือให้หมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันอร่อยอยู่แล้วหรือมีเพื่อนกินถึงได้รู้สึกว่ารสชาติดีขึ้น
ร่างหนาลุกไปหยิบน้ำมาดื่มไม่ลืมรินใส่แก้วแล้ววางไว้ให้หล่อน จนชินานางต้องค้อมศีรษะขอบคุณ จะพูดก็ไม่ได้เพราะกำลังเคี้ยวเส้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของห้องต้องเดินไปดู มีไม่กี่คนที่ขึ้นมาข้างบนได้นอกจากผู้จัดการ...และแฟนของเขาเอง
“เซอร์ไพรส์ค่ะ” เปิดประตูก็เห็นหล่อนยืนส่งยิ้มให้ พร้อมทักทายน้ำเสียงสดใสต่างจากนับอนันต์ที่ยืนนิ่งไม่ได้ตกใจหรือตื่นเต้นแต่อย่างใด ทำเพียงหลีกทางให้ร่างบางเข้ามาข้างในเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาคนที่เดินผ่าน
“ไม่คิดว่าเธอจะมา” ปิดประตูแล้วตามหล่อนเข้ามา หญิงสาวหันกลับมามองเขาพลางบอกยืดยาว
“มาได้แต่อาจอยู่นานไม่ได้นะ เดี๋ยวคืนนี้ต้องบินไปเชียงใหม่ พอดีเพลินรับงานเดินแบบผ้าไหม” เวลาว่างไม่เคยจะตรงกัน เมื่อก่อนยังพอได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทว่าตอนนี้แค่เจอยังยากเลย หญิงสาวอ้างว่าติดงานตลอดจนเขาเริ่มสงสัย
เธอจะมีใครซุกซ่อนไว้หรือเปล่า...แต่ก็รีบปัดความคิดนั้นออกทันที เพลินพลินไม่มีทางหักหลังเขาอย่างแน่นอน
“อือ”
นางแบบสาวฝืนยิ้มก่อนหันไปเห็นบุคคลที่สามกำลังนั่งรับประทานอาหาร แล้วมองมายังเธอพลางส่งยิ้มจืดเจื่อนให้
ชินานางรีบลุกจากเก้าอี้จะอธิบายว่าตนเองเป็นใคร กลัวเจ้าหล่อนจะเข้าใจผิดแล้วเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากเพลินพลินก็ทักเสียก่อน
“คุณนางใช่ไหมคะ เพลินนะคะ” เป็นครั้งแรกที่ได้เจอแฟนของนับอนันต์
ไม่แปลกใจที่ฝ่ายชายจะชอบ เธอเองยังมองว่าผู้หญิงตรงหน้าสวย ทั้งรูปร่างอรชร ผิวขาวนวล ใบหน้าสวยคมตามแบบพิมพ์นิยม เขาถึงขั้นยอมประกาศต่อสื่อว่ามีคนรู้ใจแล้ว
ตอนแรกแฟนคลับก็ต่อต้าน เห็นเข้าไปแสดงความคิดเห็นที่รูปของเพลินพลินด้วยคำหยาบคาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มคลาย นางแบบสาวถูกยอมรับจากบรรดาสาวกของนับอนันต์
“สวัสดีค่ะคุณเพลิน” ทักทายกลับแล้วทำตัวไม่ถูกว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหน หล่อนคงต้องรีบกลับห้องให้เวลาแก่คู่รักหรือเปล่า
“ตามสบายเลยค่ะ ฉันไปก่อนนะแล้วจะโทรหา” หันมาบอกคนรักแล้วยื่นถุงของฝากให้เขา ชายหนุ่มแค่รับมาแล้วอวยพรง่ายๆ
เหมือนไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ ทั้งที่ความจริงพวกเขาเริ่มห่างกันจนใกล้ถึงจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เวลาสองปีไม่ใช่น้อยเลย เคยหวังจะคบให้ตลอดรอดฝั่งทว่าทุกวันนี้แค่เจอกันยังลำบาก
“อือ เดินทางปลอดภัย” ปล่อยเธอออกจากห้องก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟายาว
ชินานางหันซ้ายขวาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงรีบหยิบจานชามไปล้างให้เรียบร้อย แล้วค่อยออกมาลาเจ้านายเพื่อกลับหอพักของตนเอง
“นางขอตัวกลับก่อนนะคะ” เขามองหล่อนแล้วพยักหน้าเป็นการอนุญาต แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ก้าวออกจากห้องก็ถูกรั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ เธอได้เจอไอ้ต่อหรือเปล่า” ถึงจะมาแค่ชื่อหล่อนก็กระตือรือร้นกว่าปกติ หูผึ่งมากกว่าเดิมเสียอีกยามคิดถึงใบหน้าของรุ่นพี่คนสนิท ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเขาเลย ทั้งตนเองที่ยุ่งมากและพงพนาทำงานหนัก
“ไม่ค่อยได้เจอค่ะ” ตอบเสียงอ่อย
“เหรอ ว่าจะฝากของไปให้มันสักหน่อย ฉันขี้เกียจออกไปข้างนอกจะโทรให้มาหามันก็ไม่เคยว่างสักที” ซื้อน้ำหอมมาเป็นของฝากเพื่อนสนิทนานแล้วแต่ยังไม่มีเวลาเอาไปให้สักที จึงคิดไหว้วานหญิงสาว
“เดี๋ยวนางเอาไปให้ก็ได้ค่ะ ว่าจะไปแถวที่ทำงานพี่ต่อพอดี” พรุ่งนี้ว่างพอดีถ้าไปหาเขาที่บริษัทก็ไม่มีปัญหา คิดพลางเม้มปากแน่นกลั้นยิ้มเอาไว้
“ดีเลย เดี๋ยวฉันไปเอาของก่อนนะ” ลับตานับอนันต์เธอก็กระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ ตอนแรกยังแอบคิดว่าอยากเจอพงพนา แต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องเจอ แล้วเหมือนฟ้ามีตาประทานโอกาสมาให้คนแอบรักเช่นเธอ
ดีใจจนยิ้มหน้าบานแล้วรีบหุบยิ้มพร้อมยืนตัวตรงเมื่อเห็นร่างสูงออกจากห้อง เขายื่นถุงสีขาวที่สลักชื่อแบรนด์ดังเอาไว้
“ฝากหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ ไปก่อนนะคะ” ค้อมศีรษะเป็นการบอกลาแล้วรีบออกจากห้องสุดหรู พอเข้าไปในลิฟต์ก็อุดปากกรี๊ดอยู่คนเดียว มีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อแล้วรีบพิมพ์ข้อความบอกพี่ต่อเพื่อนัดเจอเขา
วันนี้มีความสุขจนลุกทำความสะอาดห้องจนสะอาดเอี่ยมอ่อง ซักผ้าที่เต็มตะกร้าแล้วตากไว้ยังระเบียง ก่อนจะมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนของมหานครอันกว้างขวาง
คิดถึงบ้าน...
หลังทะเลาะกับพ่อครั้งนั้นท่านก็ไม่เคยติดต่อมาเลย มีเพียงมารดาส่งเงินและคอยถามไถ่เสมอ ตอนแรกเธอสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยใกล้บ้านตามความต้องการของบิดา
เรียนไปสักพักก็รู้ว่าไม่ชอบจึงตัดสินใจสอบใหม่ กลายเป็นเด็กซิ่วจากบ้านมาเรียนเมืองหลวง โดนพ่อบังคับให้กลับไปเรียนที่เดิม ไม่อย่างนั้นจะไม่ส่งเสีย เธอก็ยืนยันจะเรียนนิเทศศาสตร์เช่นเดิม และท่านก็ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้
ความสัมพันธ์พ่อลูกเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ และไม่มีทีท่าว่าจะสมานกลับมาได้เลย
หญิงสาวมารอพงพนาที่ร้านกาแฟข้างบริษัทของเขา เธอตั้งใจแต่งตัวสวยกว่าปกติ เลือกชุดอยู่เป็นชั่วโมงเพียงเพื่อมาเจอรุ่นพี่ไม่กี่นาที เขาบอกว่ามีนัดหลังจากนี้อาจอยู่คุยได้แค่สิบนาที
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...
“พี่ต่อ” โบกมือทักทาย เขาส่งยิ้มมาให้แต่ไกลจนดวงตากลมพร่ามัว วันนี้ชายหนุ่มสวมแว่นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าเดิม ทั้งที่ปกติก็หล่อจนใจจะละลายอยู่แล้ว
“ขอโทษที่มาสาย ช่วงนี้งานเยอะมาก” เห็นน้ำเปล่าวางไว้ตรงหน้าเขาจึงหยิบมาดื่มจนหมดแก้ว หอบหายใจเพราะรีบลงจากอาคารกลัวเธอจะรอนาน
“ไม่เป็นไรค่ะ นี่ของที่คุณนับฝากให้พี่ต่อ เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะค่ะเลยฝากนางเอามาให้” ขอบคุณนับอนันต์ในใจหลายรอบที่สร้างโอกาสให้เธอพบพงพนา เป็นเจ้านายที่ดีจนต้องขอโทษที่เคยว่าเขาหลายครั้ง
ร่างสูงหยิบของมาดูแล้วยิ้มพึงพอใจ หลังจากคุยเรื่องของชินานางก็แทบไม่ได้ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทอีกเลย ทั้งอีกฝ่ายงานหนักส่วนเขาก็ไม่ต่างกัน
หนักทั้งเรื่องงานและความสัมพันธ์...
“เอ่อ พี่คงต้องไปแล้ว ขอโทษนางด้วยนะที่อยู่คุยไม่ได้” มองนาฬิกาก็เห็นว่าหมดเวลาเอ้อระเหย เขามีสีหน้ากังวลจนเธอไม่กล้ารั้งเอาไว้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าทั้งที่แสนเสียดาย เพิ่งเจอกันไม่นานก็ต้องบอกลาแล้วเหรอ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ต่อ พี่ไปทำธุระเลยนางก็ต้องรีบกลับเหมือนกัน” พูดเพื่อให้เขาสบายใจ ชายหนุ่มจึงยิ้มให้แล้วออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตากลมมองตามพลางถอนหายใจด้วยความเสียดาย อุตส่าห์ได้เจอกันแต่ก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรสักอย่าง เขาเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานหนักแค่ไหน มีคนในใจแล้วหรือยัง...
ใบหน้าหวานห่อเหี่ยวเมื่อคิดว่าวันหนึ่งรุ่นพี่จะมีคนรู้ใจ หล่อนคงต้องรีบบ้างแล้วล่ะก่อนที่น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า อุตส่าห์แอบชอบมาตั้งนานยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจเลย เพราะเขาเห็นเธอเป็นแค่น้องสาว
เดินออกมาข้างนอกก็ถอนหายใจพลางดูดน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นแก้เบื่อ คงต้องกลับห้องเพราะเพื่อนสนิทไม่มีใครว่างเลย อีกอย่างมีวันหยุดทั้งทีก็ต้องอยู่ห้องหลังเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวันสิ
ตืด ตืด
“คุณนับเหรอ โทรมาทำไม” หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วเห็นชื่อเจ้านาย หล่อนขมวดคิ้วสงสัย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะคุณนับ” รับสายแล้วเดินห่างจากถนนกลัวเสียงรถรบกวนการพูดคุย
‘เธออยู่ไหน ว่างหรือเปล่า’
“เพิ่งแยกกับพี่ต่อค่ะ ว่าจะกลับห้องไปพัก คุณนับมีอะไรหรือเปล่าคะ” เมื่อเธอพูดจบเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ทำให้เธอสงสัยว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่ามีงานด่วนให้เข้าไปหา
เพิ่งว่างเองนะ
‘ซื้ออาหารญี่ปุ่นมาให้หน่อย เดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นร้านไปให้ ค่าส่งมันแพงน่ะ’ ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง หล่อนถอนหายใจโล่งอกนึกว่าจะต้องไปทำงานเสียอีก
“ได้ค่ะ คุณนับอยากได้เซ็ทไหนคะ”
‘เดี๋ยวฉันบอกในไลน์’ สายถูกตัดไม่นานก็มีข้อความส่งมา เธอจึงต้องขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปห้างสรรพสินค้าแล้วเข้าร้านอาหารสัญชาติญี่ปุ่น สั่งเมนูตามที่เขาส่งมาให้ แต่ที่ไม่เข้าใจทำไมชายหนุ่มต้องซื้อสองเซ็ท
อย่าบอกนะว่าจะกินคนเดียวหมด มีหวังต้องออกกำลังกายอย่างหนักแน่ ถ้าพี่มณรู้ต้องโทรมาดุหล่อนที่ให้เขาทำตามใจปาก แต่เพราะตอนนี้พี่สาวคนนั้นอยู่โรงพยาบาลจะคลอดพรุ่งนี้จึงไม่อยากรบกวนด้วยเรื่องเล็กน้อย
ถือถุงอาหารออกจากร้านแล้วไปหาเขาที่คอนโดมิเนียม หล่อนมีคีย์การ์ดและนิติคอนโดรู้จักจึงไม่ต้องให้ชายหนุ่มลงมารับ กดชั้นที่ต้องการไม่นานก็ไปยืนอยู่หน้าห้องที่คุ้นเคย
มาทุกเช้าจะไม่คุ้นได้อย่างไร
ก๊อก ก๊อก
“อ่ะ ทำไมเปิดเร็วจังคะ” ตกใจจนมือยังค้างที่เดิม หล่อนยังเคาะไม่ครบสามครั้งแต่เขาก็เปิดออกมาแล้ว
“จะไปทิ้งขยะพอดี เธอเข้าไปรอข้างในเลย” ชูขยะให้ดูหล่อนจึงหลีกทางให้ชายหนุ่ม รีบเข้าไปข้างในเพื่อจัดอาหารใส่จานแล้วยกมาวางไว้ยังโต๊ะกินข้าว ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็พอดีกับที่เขาเข้ามาในห้อง
“เรียบร้อยแล้วนะคะ นางขอตัวก่อนค่ะ” หล่อนอยากทิ้งตัวลงบนที่นอนจะแย่ แต่พอจะกลับก็ถูกรั้งไว้ก่อน
“เธอจะไปไหน ไม่กินด้วยกันก่อนเหรอ”
“คะ หมายถึงให้นางกินข้าวกับคุณเหรอคะ” หันไปมองอาหารแล้วกลับมามองเขา เธอไม่คิดว่าเขาสั่งสองเซ็ทเพราะให้เธอกินหนึ่งเซ็ท ยังเผลอคิดว่าชายหนุ่มจะกินคนเดียวเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสั่งเผื่อด้วย
“ใช่ ฉันสั่งเผื่อเธอหนึ่งชุดคิดว่าน่าจะชอบ มานั่งกินเป็นเพื่อนกันก่อนเร็ว” จับข้อมือเล็กแล้วให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม เป็นการบังคับจนหญิงสาวไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จำต้องถอดกระเป๋าสะพายแล้วลงมือรับประทานอาหารที่ตนไปซื้อมา
เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอหิวพอดี ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าเพราะรีบไปหาพงพนา สุดท้ายเจอกันไม่กี่นาทีเอง
“คุณไม่ออกไปไหนเหรอคะ” วันหยุดเขาน่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาสิ
“ไม่ล่ะ คนเยอะขี้เกียจปิดหน้าปิดตา” ลืมไปว่าคนตรงหน้าเป็นถึงดาราดัง เห็นหน้าทุกวันจนกลายเป็นว่าชินกับเขาเสียแล้ว
นับอนันต์ไม่ใช่คนเรื่องมากอย่างที่พงพนาและภิรมณบอก กินง่ายอยู่ง่ายติดเพียงเรื่องการเข้าหาผู้คน และใบหน้านิ่งจนเหมือนโกรธตลอดเวลา แต่ถ้าได้คุยถูกคอก็คุยยาวจนไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ
“แล้วไม่ชวนเพื่อนมาหาที่ห้องเหรอคะ” พยายามหาเรื่องชวนคุย หลังจากได้กินข้าวกับเขาเมื่อวานก็ปลดล็อคตัวเองยามอยู่กับนับอนันต์ หายเกร็งไปบ้างแล้วจนกล้าโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“เธอเห็นเพื่อนฉันว่างสักคนไหมล่ะ มีแต่เธอเนี่ยแหละที่ว่าง” ถอนหายใจแล้วตักอาหารเข้าปาก ใช่ว่าจะไม่โทรหาเพื่อนแต่เพราะไม่มีใครว่างสักคน
แน่ล่ะนี่มันวันศุกร์ใครล่ะจะว่าง ตอนแรกคิดว่าจะไปหาสพลที่ผับช่วงเย็น แต่นึกมาได้ว่าพรุ่งนี้มีถ่ายละครตอนเช้า คงไม่ดีถ้ามีอาการแฮงค์ไปกอง
“อ้อ คุณนับเลยชวนนางมากินข้าวเป็นเพื่อนใช่ไหมคะ” ล้อเลียนเขาเมื่อเห็นท่าทีของชายหนุ่ม เธอเพิ่งเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าคนตรงหน้าก็ขี้เหงาเหมือนกัน ถึงจะชอบอยู่คนเดียวแต่ก็อยากมีเพื่อนไว้พูดคุย
ความจริงเขาคงได้ไปเที่ยวกับแฟนแล้วถ้าเพลินพลินไม่ติดงานเสียก่อน จะโทรหาก็กลัวรบกวนจึงคิดถึงคนที่น่าจะว่างเหมือนกัน
หวยเลยมาตกที่ชินานาง
“ฉันไม่ได้ชวน ก็แค่คิดว่ามันเที่ยงแล้วเธอน่าจะหิวข้าว” ตอบปัดแล้วตั้งใจกินข้าว กลัวเผยพิรุธให้รู้ว่าตนเองไม่ชอบอยู่คนเดียว
ตอนแรกว่าจะกลับบ้านแต่น้องสาวดันบอกว่าตอนนี้แม่ทะเลาะกับพ่อ ฉะนั้นไม่ควรกลับมาเด็ดขาดเขาจึงเลือกอยู่คอนโด
จะนั่งดูหนังอย่างมีความสุขก็รู้สึกอ้างว่างซะอย่างนั้น นั่งดูรูปถ่ายกับแฟนแล้วถอนหายใจ ใบหน้าของผู้ช่วยจำเป็นก็แวบเข้ามา
ตอนนี้เธอได้กลายเป็นเพื่อนอีกคนในชีวิตของเขาแล้ว...