๓ เจ้านายที่แสนดี (๑)
๓
เจ้านายที่แสนดี
การทำงานเป็นผู้จัดการชั่วคราวของนับอนันต์ทำให้ตารางเวลาของเธอรวน เสื้อผ้ากองเป็นตั้งอยู่ในตะกร้าไม่มีเวลาซัก เช้าต้องไปหาเขาตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสาง กลับมาอีกทีก็ดึกมากจนไม่มีแรงจะทำอะไร อาบน้ำนอนเพื่อตื่นไปทำงานให้ทันเช้าวันต่อมา
ความจริงหน้าที่ของภิรมณไม่ต้องอยู่ติดชายหนุ่มตลอดเวลาก็ได้ ทว่าพอเป็นผู้ช่วยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตามติดจนแทบไม่ได้ไปไหน ยิ่งวันถ่ายโฆษณาหล่อนต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่นั่นเกือบยี่สิบชั่วโมง
นับถือใจเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ทำงานในวงการบันเทิงจริงๆ เธอเองถึงจะทำงานเขียนอย่างเดียวแต่ก็ยังพอมีเวลาให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่อัดทุกอย่างในวันเดียว ทำเหมือนบ้านเป็นหนี้อย่างนั้นแหละ
ทว่าพอได้เห็นยอดเงินก็ไม่แปลกใจสักนิด มีอย่างที่ไหนไปงานโชว์ตัวไม่กี่ชั่วโมงได้มาเป็นแสน ยิ่งช่วงนี้ร่างสูงโด่งดังหยิบจับอะไรก็ขายดีตลอด บางอย่างขายหมดตั้งแต่เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์วันแรก
พลังของนับอนันต์ยิ่งใหญ่จริงๆ
“ทำอาหารเป็นไหม” วันนี้โชคดีที่เลิกเร็ว แถมพรุ่งนี้เขายังไม่มีงานอีกต่างหาก หล่อนแทบทนไม่ไหวอยากกลับห้องเพื่อนอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้จะได้ทำความสะอาดห้องที่รกรุงรังของตนเอง
แต่เมื่อวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ เจ้าของห้องก็หันมาถามเสียก่อนทำเอาชินานางชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องอาหารพอทำได้แต่ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะอร่อย
“พอได้ค่ะ” ตอบไม่ค่อยเต็มเสียง
“ทำมาม่าให้กินสักซองหน่อย” พอได้ยินเมนูก็ใจชื้นทันที แต่ก็นึกสงสัยจนต้องเอ่ยถาม
“คุณนับไดเอตไม่ใช่เหรอคะ” ทำงานมากว่าสัปดาห์ นับอนันต์เป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายและการกินมาก ถึงมันจะน่าเบื่อที่ต้องกินอะไรซ้ำๆ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะบ่นสักคำ
ถ้าตัดความหน้านิ่งและพูดจาขวานผ่าซากออก ชายหนุ่มก็เป็นคนน่าคบหาเหมือนกัน
“ซองเดียวเอง น้ำหนักมันไม่ขึ้นขนาดนั้นหรอก ฉันไม่ได้กินมาม่าตั้งสามเดือนแล้ว..” คำหลังพูดเสียงเบา เขาชอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากโดยเฉพาะของเกาหลี ซื้อมาตุนไว้ที่ห้องแต่ก็ยังไม่ได้กินเพราะต้องฟิตเพื่อถ่ายแบบ พองานจบจึงอยากทำตามใจตนเองบ้าง
“อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวนางทำให้ตอนนี้เลย” เดินไปโซนครัวแล้วเปิดหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจอหลากหลายรสชาติจนเลือกไม่ถูก
“เอาของเกาหลีนะ”
“ค่ะ” พอเขาตะโกนบอกเช่นนั้นจึงหยิบรสชาติที่อีกฝ่ายต้องการ หล่อนเปิดตู้เย็นแล้วเห็นวัตถุดิบมากมายก็เลือกหยิบที่เข้ากับอาหารออกมาวางไว้
เริ่มทำอาหารสูตรพิเศษให้แก่ดาราหนุ่มที่เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกก็เหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย ครั้งแรกที่เจอเขาสุภาพกับเธอมาก ทว่าปัจจุบันกลับใช้ฉันเธอ ตอนแรกที่ได้ยินก็ไม่ชิน แต่พอเรียกเรื่อยๆ ถึงรู้สึกเข้าหู
“เสร็จแล้วค่ะคุณนับ” จัดอาหารใส่ถ้วยอย่างสวยงามแล้วยกมาให้เขาที่โต๊ะรับประทานอาหาร มีเก้าอี้วางไว้สี่ตัว
ไม่ค่อยมีแขกมาหาอยู่คอนโดมิเนียม และเขาไม่ต้องการรับแขกเพราะแทบไม่มีเวลาว่าง ถ้าไม่มีงานก็มักจะอยู่ห้องแล้วทำกิจกรรมสุดโปรดอย่างการดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงซะมากกว่า
นับอนันต์แทบจะไม่ได้ออกไปข้างนอกหรือใช้ชีวิตเหมือนอย่างปกติ เพียงแค่มีคนสังเกตเห็นก็จะเข้ามาขอถ่ายรูป เมื่อมีหนึ่งก็ต้องมีสองจนมันกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งเขาไม่สามารถปฏิเสธได้
บ่อยครั้งเข้าจึงเลือกอยู่ห้อง หรือไปทำกิจกรรมยามค่ำที่คนไม่พลุกพล่าน ถ้านึกครึ้มอยากดูหนังในโรงก็เลือกรอบสุดท้าย แต่งตัวมิดชิดไปดูกับแฟน หรือบางครั้งก็เพื่อนสนิทที่มีไม่กี่คน
“เธอเอาถ้วยมาแบ่งด้วยสิ เยอะขนาดนี้ถ้าฉันกินคนเดียวได้หน้าบวมแน่”
“ไม่เป็นไรค่ะ นางยังไม่หิว” ถึงกลิ่นมันจะหอมเย้ายวน แต่การให้นั่งกินข้าวกับเขาสองคนแถมยังหันหน้าเข้าหากันแบบนี้
เธอไม่ชินเลย..
“ไม่หิวก็กินได้ ไปเอาถ้วยมา” สั่งเสียงเข้มจนเธอต้องทำตาม
ชินานางหยิบถ้วยเล็กพร้อมตะเกียบและช้อน หล่อนเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงข้ามเขา คีบเส้นและน้ำใส่ถ้วยของตนเองมือสั่น เพราะมีดวงตาคมจ้องไม่วาง
“ไปเอากิมจิในตู้เย็นมาให้หน่อย” ลุกแล้วลุกอีกจนเผลอบ่นในใจ เธอจัดการนำกิมจิตักใส่จานแล้วมาวางตรงหน้าเขา ทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เผยอปากเล็กน้อย
ทำไมในถ้วยของเธอนอกจากเส้นบะหมี่กับน้ำ ยังมีทั้งหมูสไลด์และไข่ด้วยล่ะ เหลือบมองนับอนันต์ที่คีบเส้นเข้าปากแล้วรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
นี่เขา...ตักให้เธอเหรอ
“กิมจิค่ะ” ยื่นไปตรงหน้าเขา แล้วไม่มีใครพูดอะไรอีก
เธอนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะเริ่มกินอาหารที่ตนเองเป็นคนทำ ซึ่งก็ไม่ได้ปรุงเองเพราะทุกอย่างอยู่ในซอง แค่นำลงต้มเท่านั้นเอง
“เธอรู้จักกับไอ้ต่อนานแล้วเหรอ”
“ค่ะ พี่ต่อเป็นสายรหัส”
“อ้อ” บทสนทนาจบลงอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเขาพยายามชวนคุยแต่ด้วยนิสัยไม่ใช่คนคุยเก่งทุกอย่างมันถึงจบลงง่าย และตนก็ไม่ใช่สายชอบชวนคุยเสียด้วย
เป็นครั้งแรกที่ได้มานั่งกินข้าวกับดาราดังในห้องของอีกฝ่าย เธอเกร็งเหมือนกันเพราะปกติถ้ามาหาเขาก็คือตอนเช้าที่เตรียมอาหารและมารับไปกองถ่าย เดี๋ยวนี้ชินานางเริ่มเรียนรู้งานได้รวดเร็ว ช่วยท่องบทหรืออธิบายคอนเซ็ปการถ่ายแบบในแต่ละครั้ง
หล่อนถามพี่มณมาแล้วว่าหน้าที่นี้ควรทำอะไร ช่วยเหลือชายหนุ่มตรงไหนบ้างอย่างละเอียด เมื่อรับหน้าที่มาแล้วก็ต้องไปให้สุด ถึงจะเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่พอเห็นเงินในบัญชีเพิ่มก็ยิ้มไม่หุบ
“เอ่อ คุณนับเคยเรียนเศรษฐศาสตร์เหรอคะ” ชักจะเงียบเกินไปจนเธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาบ้าง
“ใครบอกเธอ”
“หา..พี่ต่อค่ะ พี่ต่อเป็นคนบอก” พอจะบอกว่าหาในอินเตอร์เน็ตก็รู้สึกแปลก จึงยืมชื่อพงพนามาตอบและดูเหมือนเขาจะเชื่อสนิทใจ
“เรียนตอนปริญญาตรีน่ะ ฉันเคยคิดว่าเรียนจบแล้วจะขอทุนไปต่อโทเศรษฐศาสตร์ที่เยลแต่ก็เข้าวงการซะก่อน” ชื่อมหาวิทยาลัยค่อนข้างมีชื่อเสียงจนเธอทึ่งในความสามารถของเขา นับอนันต์เป็นคนเรียนเก่งที่ไม่ชอบโอ้อวดตนเอง
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะทำได้ดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือวงการบันเทิง ไม่แปลกใจที่จะมีคนรักมากมาย อีกทั้งงานเข้ามาไม่ขาดสาย
“คุณเก่งจังเลยนะคะ ทำได้หลายอย่าง”
“ไม่อยากยอมรับหรอก แต่ก็..อือ จริง” หล่อนถึงกับหลุดขำเมื่อเห็นชายหนุ่มทำเป็นยืดอกอย่างภาคภูมิใจ มันไม่ได้ดูน่าหมั่นไส้สักนิด
เริ่มรู้สึกว่าระยะห่างของตนกับเจ้านายถูกย่นให้ใกล้กันมากขึ้น เขาไม่ได้เย็นชาเหมือนวันแรกที่เจอและค่อนข้างอะลุ้มอล่วยให้หลายอย่าง ถึงได้บอกว่าเขาคือคนที่สมควรถูกรัก
แฟนคลับของนับอนันต์โชคดีจริงๆ ที่มาชอบผู้ชายคนนี้
“แล้วคุณเข้าวงการบันเทิงได้ยังไงคะ” เริ่มสนุกกับการพูดคุย หล่อนเพิ่งมีโอกาสคุยเรื่องส่วนตัวกับเขาครั้งแรก ปกติก็คุยแต่เรื่องงานหรือต่อบทให้ชายหนุ่ม
“เดินซื้อหนังสือแล้วพี่มณเข้ามาทัก ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอกแต่พี่เขาตื้อเลยยอมไปแคสโฆษณา ลากยาวไปเล่นละครเรื่องแรกแล้วก็มาจนถึงตอนนี้แหละ” เป็นโอกาสที่เดินเข้าไปหาเขาเองโดยไม่ต้องวิ่งตามฝันเหมือนหลายคน
ทุกอย่างมันง่ายดายจนเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันสำคัญ เล่นละครเรื่องแรกดังเป็นพลุแตกทั้งที่เป็นแค่พระรอง หลงระเริงกับฝีมือตนเองจนโดนวิจารณ์ว่าแสดงแข็ง เขาถึงต้องเข้าเรียนการแสดงยกใหญ่จนเรื่องต่อมาได้ทำให้ทุกคนได้เห็นว่านอกจากหน้าตาหล่อเหลา ฝีมือด้านการแสดงก็ไม่ได้ด้อยสักนิด
“คุณเลยได้แจ้งเกิด”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” คุยไปกินไปก้มมองถ้วยอีกครั้งอาหารก็หมดเสียแล้ว ดวงตาละห้อยเสียดายที่มันหมด แต่จะให้กินต่อก็คงไม่ไหวเพราะอาหารพวกนี้ไม่ได้สารอาหาร ยังส่งผลเสียต่อร่างกายถ้ากินติดต่อกันหลายวัน
เขาจึงเลือกจะซ่อนมันเอาไว้ในที่หายาก เพื่อจะไม่ต้องเห็นให้เจ็บปวดเพราะไม่สามารถกินได้
“เอาอีกไหมคะ เดี๋ยวนางไปทำมาให้” วางช้อนกับตะเกียบจะไปทำให้เขาอีกซอง แต่ถูกห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอก ฉันอิ่มแล้ว” ถ้าเขากินอีกพรุ่งนี้คงหน้าบวมกว่านี้แน่