บทที่ 5
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
สุดที่รักถอนใจเมื่อวางสาย จากบริษัทที่หล่อนไปสมัครงานทิ้งไว้เรียบร้อยแล้ว
เรากำลังพิจารณาอยู่ค่ะ...
ที่ไหนๆ ก็พูดแบบนี้จนหล่อนท้อ ทำไมงานมันถึงหายากหาเย็นนักนะ หญิงสาวสมัครไว้แล้วเกือบจะสิบบริษัท แต่ก็ไม่มีผลตอบกลับมาสักบริษัท ใครๆ ก็อยากได้คนหน้าตาดีๆ หุ่นดี เรียนจบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ ไปเป็นเลขานุการ
คนหน้าตาจืดๆ ตัวเล็กๆ สวมแว่นหนาอย่างสุดที่รักนี่มันผิดนักหรือไงที่เรียนมาทางนี้ สงสัยต้องลดมาตรฐานตัวเองก่อนจะอดตาย คราวนี้ที่ไหนรับสมัครงาน ก็ต้องเอาไว้ก่อนล่ะ แม้ว่าจะไม่ตรงกับที่เรียนมาก็เถอะ เงินที่ได้มาเริ่มจะร่อยหรอ สุดที่รักไม่อยากให้แม่เป็นห่วง เลยไม่ได้บอกว่าตัวเองตกงานและส่งเงินไปให้เป็นปรกติ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเมื่อไปเยี่ยมแม่และย่า สุดที่รักก็ทำร่าเริงซ่อนความกังวลไว้ข้างในอย่างมิดชิด หญิงสาวนอนแผ่ลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยๆ เหลือบตามองนาฬิกา แล้วก็ลุกขึ้น เตรียมอาบน้ำ แต่งตัว วันนี้ต้องลุยรอบบ่ายกันอีกสักรอบ หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างเรียกกำลังใจให้ตนเอง แล้วก็ขึ้นชั้นบนไปจัดการตัวเอง
หลังจากสมัครงานไปได้สองสามที่ สุดที่รักก็เริ่มหิว เพราะตอนออกมายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง หล่อนเดินเข้าไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ แต่ท่าจะอร่อย เพราะกลิ่นน้ำซุปหอมโชยยั่วน้ำลายเอามากๆ แถมคนก็ยังหนาแน่น แม้จะเป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว
เมื่อตักเกี๊ยวน้ำเข้าปากคำแรก สุดที่รักก็รู้แล้วว่าทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้ เพราะอร่อยเอามากๆ แม้จะไม่มีป้ายว่าใครต่อใครมาชิมก็เถอะ เจ้าของร้านทำน้ำใบเตยหอมชื่นใจไว้ให้ดื่มฟรีด้วย เมื่อกำลังเริ่มกินบะหมี่แห้งต้มยำเป็นชามที่สอง หล่อนก็เห็นชายร่างใหญ่ท่าทางภูมิฐานก้าวเข้ามาในร้าน เขาดูหรูเกินกว่าจะมาทานอาหารในร้านเล็กๆ แบบนี้ และเหมือนว่าจะสนิทกับลุงเจ้าของร้านเป็นอย่างดี ฟังได้จากเสียงที่ทักกันดังลั่นร้าน
“เปี๊ยก เอาเหมือนเดิมนะ สองเลย”
“ได้ครับ คุณภัทร”
“วันนี้หิ้วท้องมารอกินเลยนะเนี่ย ดีนะที่ไม่หมดไปเสียก่อน”
“วันนี้เปิดร้านช้าไปหน่อยครับ เลยยังพอเหลือ”
ลุงเจ้าของร้านพูดไป มือก็ทำไปอย่างคล่องแคล่ว ภัทรกวาดตามองไปรอบๆ ร้านที่ไม่มีที่ว่างเลย มีที่เดียวตรงที่หญิงสาวร่างเล็ก ผมหยิกฟูนั่งอยู่ เขาก้าวไปตรงที่หล่อนนั่งแล้วเอ่ยถามเสียงสุภาพ
“ขอนั่งด้วยได้ไหมหนู”
“ได้ค่ะ”
สุดที่รักยิ้มให้เขา แล้วก้มหน้าทานบะหมี่ในชามตัวเองต่อ ภัทรมองหญิงสาวตรงหน้า แล้วอมยิ้ม หล่อนหน้าตาเหมือนการ์ตูนเพราะแว่นหนาสีขาวที่สวมอยู่ และผมฟูๆ นั่นด้วย ใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากบางสวยของหล่อนดูคุ้นตายังไงก็ไม่รู้
“ได้แล้วครับ”
เด็กเสิร์ฟเอาบะหมี่แห้งชามหนึ่ง และบะหมี่น้ำชามหนึ่ง มาวางตรงหน้าภัทร เขาเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย สุดที่รักที่อิ่มพอดีมองภัทรอย่างทึ่งๆ ที่กินเอา กินเอาท่าทางอร่อย จนคนมองพลอยอยากกินตามไปด้วย ไม่ถึงสิบห้านาทีบะหมี่ก็หมดเกลี้ยง
“ขอบคุณมากเปี๊ยก อร่อยเหมือนเดิม”
ภัทรล้วงเงินออกมาแล้วส่งให้เจ้าของร้าน และเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากร้าน สุดที่รักเดินไปเพื่อจะจ่ายเงินของตัวเองบ้าง ก็เหยียบเอาเข้ากับกระเป๋าสตางค์สีดำใบหนาที่หล่นอยู่
“สงสัยกระเป๋าเงินคุณลุงคนนั้นหล่นแน่ๆ เลย”
สุดที่รักมองตามร่างสูงใหญ่ ที่เห็นหลังไวๆ แล้วก็วิ่งตาม ภัทรเดินเร็วมาก เขาเดินขึ้นสะพานลอยแล้วข้ามไปยังฝั่งตรงกันข้าม โดยมีร่างเล็กบางของสุดที่รักวิ่งตามไปด้วย หล่อนตะโกนเรียกแต่เหมือนเขาจะไม่ได้ยิน
“คุณลุงค้า คุณลุง กระเป๋าเงินตกค่า”
หล่อนวิ่งมาตามเขาเกือบทันก็ตรงที่ตึกใหญ่ ภัทรผลักประตูบานกระจกเข้าไปข้างใน สุดที่รักตามไปติดๆ ทันที แล้วก็หยุดเอี๊ยด! เมื่อรปภ.มาเบรกหล่อนไว้
“ติดต่อเรื่องอะไรครับ”
“คุณลุงคนนั้นทำกระเป๋าตกไว้ ตอนกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวกับฉันน่ะค่ะ” สุดที่รักพูดหอบๆ
“ของคุณภัทรเหรอครับ งั้นผมจะพาไปหาท่านครับ” รปภ.หนุ่มพาสุดที่รักเข้าไปข้างในตัวอาคาร ที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบหรู
หล่อนมองไปรอบๆ สงสัยลุงคนนั้น จะต้องมีตำแหน่งพอควรแหละที่นี่ ก็รปภ.ที่เดินนำหล่อนอยู่เรียกเขาว่าท่านนี่นา แล้วบริษัทนี้ก็ดูใหญ่โตเอามากๆ คงจะทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สุดที่รักเดาจากบอร์ดที่แสดงถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท
“คุณนารีครับ เรียนคุณภัทรให้ที มีพลเมืองดีเก็บกระเป๋าเงินมาส่งให้นะครับ”
รปภ.รายงานกับประชาสัมพันธ์สาวสวย ที่นั่งหน้าแฉล้มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ หล่อนรีบกดเบอร์โทรศัพท์ภายในหาภัทรและรายงานทันที
สักพักหนึ่ง ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ ท่าทางใจดีก็เดินออกมาจากลิฟต์ เขายิ้มให้สุดที่รักอย่างอบอุ่น
“ขอบใจมากหนู ฉันนี่ชักจะเลอะใหญ่แล้ว ขอบใจมากๆ”
ภัทรว่า แม่สาวที่เขามองว่าหล่อนหน้าตาเหมือนการ์ตูนนั่นเอง ที่เป็นพลเมืองดี ยุคนี้หาคนแบบหล่อนได้ยากเต็มทีแล้ว เงินเขามีอยู่ในกระเป๋าค่อนข้างมาก และเอกสารสำคัญต่างๆ ถ้าหายไปก็คงจะต้องเสียเวลาแย่
“นี่ค่ะ หนูเรียกคุณลุงตั้งนานแล้ว แต่คุณลุงไม่ได้ยิน”
สุดที่รักว่าแล้วส่งกระเป๋าเงินคืนให้ภัทร ขณะนั้นเอง ซองเอกสารที่หล่อนเตรียมมาไว้สมัครงานก็หล่นลงมา ภัทรช่วยสุดที่รักเก็บเอกสารที่กระจัดกระจาย ปลิวออกมา เขามองสำเนาการศึกษา แล้วก็เดาได้ว่าหญิงสาวคงกำลังต้องเดินหางานอยู่แน่ๆ
“ขอบคุณมากค่ะ” สุดที่รักรับเอกสารคืนจากภัทร
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” หล่อนไหว้เขาแล้วจะเดินออกไป แต่ภัทรเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนหนู”
ภัทรล้วงเอาธนบัตรฉบับละพันบาทประมาณห้าใบส่งให้หล่อน
“ค่าสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง”