ตอนที่ 2
อยู่กันมาจนป่านนี้หนูยังไม่รู้อีกหรือว่าคุณพ่อเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว”
“ฮือๆ… แม่ไม่ช่วยฟ้า”
หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายเมื่อมารดาไม่ยอมใจอ่อนเหมือนเช่นหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
นางวงศ์เดือนเห็นลูกสาวร้องไห้ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าฟ้าใสจะต้องไปอยู่ไกลถึงจังหวัดกระบี่ หากแต่อีกใจของหล่อนกลับนึกสนับสนุนความคิดของผู้เป็นสามี เพราะว่าถ้าขืนตามใจฟ้าใสมากไปกว่านี้รับรองว่าคงเสียคนเข้าสักวัน
“ลองไปอยู่ดูสักพักนะลูก… สวนปาล์มของเพื่อนคุณพ่ออยู่ในป่าในเขาก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทุรกันดารจนไม่มีไฟฟ้าใช้สักหน่อย”
“โธ่… ฟ้าอยากตายเสียจริงๆ แทนที่คุณแม่จะเข้าข้างฟ้า แต่กลับสนับสนุนความคิดพิเรนทร์ของคุณพ่อเสียนี่”
หญิงสาวเบะริมฝีปากเป็นเชิงต่อต้านมารดา หลังจากพยายามขอความเห็นใจแล้วไม่เป็นผล
“เอาน่ะ… ไม่เป็นไรหรอกลูก ลองไปอยู่ภาคใต้สักพัก คิดเสียว่าไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ แม่ว่าบางทีหนูอาจจะชอบชีวิตชนบทก็ได้ สวนปาล์มที่ว่านี้แม่เคยไปเห็นมาแล้วครั้งนึง ที่นั่นเงียบสงบมาก แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ อากาศก็ดี๊ดี ลองไปอยู่ดูก่อน แล้วสักพักแม่กับพ่อจะตามลงไป”
มือเรียวของนางวงศ์เดือนยื่นออกไปลูบศีรษะของลูกสาวด้วยความรักใคร่ พยายามหว่านล้อมให้ฟ้าใสลดความดื้อดึงลงบ้าง
“หนูไม่อยากไปค่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าพรืด พยายามจินตนาการตามที่มารดาบอก แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าคุณหนูที่ชอบนอนตื่นสาย ชีวิตนี้ขาดสามจีและไวฟายไม่ได้ ตื่นนอนขึ้นมาก็ต้องเซลฟี่ ไลค์ แชร์ แชท เม้น เมาส์มอยกับเพื่อนๆ ทางกลุ่มเฟสและไลน์กันทั้งวัน จะไปใช้ชีวิตอยู่ในสวนปาล์มกลางหุบเขาได้ยังไง?
“ฟ้าไม่ไปได้ไหมคะคุณแม่… ถ้าคุณแม่ช่วยอีกแรง ฟ้าเชื่อว่าคุณพ่อจะต้องยอมยกเลิกความคิดบ้าๆ นี่”
หญิงสาวรบเร้าเสียงอ่อน
“ครั้งนี้เห็นทีว่าจะไม่ได้”
นางวงศ์เดือนส่ายหน้าเหมือนรู้ว่าตัวเองใจอ่อนกับลูกสาวคนนี้มามากพอแล้ว
“แล้วเจ้าของสวนปาล์มคนนี้เป็นใครกันคะ?”
“นายหัวเมฆจ้ะ เค้าเป็นลูกน้องเก่าตอนที่คุณพ่อยังเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ก่อนจะผันตัวไปทำสวนปาล์มจนร่ำรวยติดอันดับเศรษฐีของภาคใต้”
“เป็นเพื่อนคุณพ่อ… แบบนี้แสดงว่านายหัวเมฆคนนี้ต้องแก่มากแล้วสิคะ”
ฟ้าใสตั้งข้อสังเกตถึงคนที่เธอจะต้องไปอยู่ในความดูแลของเขาชั่วคราว
“นายหัวเมฆยังไม่แก่จ้ะ… อ่อนกว่าคุณพ่อเป็นสิบปีแน่ะ เค้าเป็นเพื่อนรุ่นน้องของคุณพ่อ ตอนนี้อายุเฉียดสี่สิบเห็นจะได้”
นางวงศ์เดือนไขข้อข้องใจของลูกสาว รู้สึกโล่งใจที่เห็นท่าทีโอนอ่อนของฟ้าใส ภายหลังจากหญิงสาวใจเย็นลง
“ให้ตายเถอะโรบิ้น… ให้ดับดิ้นเถอะโรเบิร์ต นี่ฟ้าจะต้องลงไปใช้ชีวิตช่วงซัมเมอร์ในสวนปาล์มกลางหุบเขาจริงๆ หรือนี่?”
‘นรกชัดๆ’ หญิงบ่นอุบอิบในใจพลางยกมือขึ้นกุมขมับแล้วส่ายหน้า ตัดพ้อว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเธอ
นางวงศ์เดือนจ้องมองดูท่าทางของลูกสาวด้วยแววตาเห็นใจระคนขบขันในเวลาเดียวกัน นึกในใจว่าถ้าสามีของหล่อนไม่ขู่เสียงเข้มว่าจะตัดพ่อตัดลูก จะตัดออกจากกองมรดก เห็นทีว่าเป็นตายยังไงงานนี้ฟ้าใสคงไม่ยอมแน่ๆ
สัปดาห์ต่อมาฟ้าใสก็ถูกส่งตัวให้มาอยู่ในสวนปาล์มของนายหัวเมฆ สมตามความตั้งใจของนายบุญชัยผู้เป็นบิดาที่อยากแยกเธอออกจากกลุ่มเพื่อนๆ เกเรด้วยการให้มาใช้ชีวิตอยู่ในสวนปาล์มทางภาคใต้ ห่างไกลแสงสีความศิวิไลของเมืองคอนกรีต
เมื่อได้มาเห็นสวนปามล์ด้วยตาของตัวเอง ฟ้าใสจึงได้รู้ว่าแม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ห่างไกลความเจริญ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่สามารถพบเห็นได้จากเมืองกรุงที่เธอจากมาก็คือความร่มรื่นเขียวขจีของผืนป่าอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้
เนื้อที่หลายร้อยไร่ของสวนปาล์มกว้างขวางโอบล้อมไปด้วยป่ายางพาราหนาแน่น และอีกสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับเธอตั้งแต่วันแรกของการมาเยือนก็คือรอยยิ้มของผู้คนท้องถิ่น ท่ามกลางสำเนียงภาษาใต้แม้จะแปร่งแปลก แต่ฟังดูจริงใจจนรู้สึกได้
“ปกตินายหัวเมฆไม่ได้อยู่ประจำที่นี่หรือคะป้า?”
ตอนที่มาถึงหญิงสาวยังไม่เจอหน้าเจ้าของสวนปาล์มที่ได้ยินคนงานพากันเรียกเขาว่า ‘นายหัว’ จึงเอ่ยถามกับนางละเอียด สตรีสูงวัยร่างท้วม ผิวคล้ำ ใบหน้าคมขำที่คนงานเรียกชื่อหล่อนว่า ‘ป้าเอียด’ จนติดปาก
“ตอนนี้หายหัวเมฆไปมาเลเซียจ้ะหนู จะกลับมาถึงก็คงค่ำๆ”
นางละเอียดบอกกับหญิงสาว
อันที่จริงฟ้าใสไม่ได้ใส่ใจนักว่าเจ้าของสวนปาล์มคนนี้จะพักอาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะมันไม่มีความสำคัญกับเธอเลยสักนิด ด้วยจิตใจของเธอในตอนนั้นเอาแต่จดจ่อเร่งวันเวลาขอให้ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผู้เป็นบิดาคาดโทษเอาไว้ว่าเธอจะต้องอยู่ที่