ตอนที่ 3
สวนปาล์มแห่งนี้สิ้นสุดลงเสียที เพื่อที่เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสีความศิวิไลของเมืองใหญ่ที่เธอคุ้นเคย
“ป้าจะพาเดินดูรอบๆ บ้านนะคะ คุณฟ้าจะได้คุ้นเคยกับที่นี่”
ป้าเอียดบอกพลางชักชวนให้เธอเดินตามออกมาภายนอกบ้าน อธิบายคร่าวๆ ว่าอะไรเป็นอะไร
ฟ้าใสยอมรับว่าบ้านไม้ของนายหัวเมฆคนนี้ใหญ่โตและกว้างขวางมาก ความอลังการของมันช่วยสะท้อนถึงฐานะของเขาได้เป็นอย่างดีว่าคงต้องร่ำรวยมากแน่ๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่มีปัญญาสร้างบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้ แล้วยังมีครอบครัวคนงานสวนปาล์มและยางพาราอีกหลายสิบชีวิตที่เขาต้องดูแลรับผิดชอบ
“นายหัวเมฆดุมั้ยคะป้า”
เสียงใสเอ่ยถามสตรีผู้สูงวัยกว่าด้วยความอยากรู้
“นายหัวเป็นคนใจดี ใจกว้างค่ะ... คนงานทุกคนรักนายหัว แกใจดีแต่ก็เด็ดขาดในกฎระเบียบของการทำงาน ตามประสาคนที่เป็นนาย มีลูกน้องมากมายให้ต้องดูแล”
ป้าเอียดว่า
เรือนไม้หลังใหญ่ปลูกสร้างเป็นสไตล์เรือนไทยแบบภาคกลางผสมภาคใต้ กระดานทุกแผ่นและเสาทุกต้นล้วนทำมาจากไม้ หลังคาบ้านมุงด้วยกระเบื้องขอแบบโบราณ หน้ามุกและเชิงชายประดับประดาเอาไว้ด้วยไม้แกะสลัก อวดลวดลายวิจิตรบรรจงสะดุดตาของผู้พบเห็น
จากสไตล์ของการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยที่ได้เห็น ทำให้หญิงสาวอดจินตนาการไม่ได้ว่าใบหน้าของนายหัวเมฆคนนี้คงสุดแสนจะเฉิ่ม เชย หรือไม่ก็โบราณคร่ำครึสมกับรสนิยม
“ห้องพักโอเคมั้ยคะคุณฟ้า”
ป้าเอียดถามหลังจากใช้เวลาพักใหญ่ๆ พากันเดินชมส่วนต่างๆ จนทั่วอาณาบริเวณของบ้านไม้หลังงาม ก่อนจะพาหญิงสาววกกลับเข้ามาตามโถงทางเดินที่ทอดยาวมาถึงใต้ถุนเรือน ขึ้นบันไดมายังห้องพักซึ่งจัดเตรียมเอาไว้ให้ฟ้าใส
“โอเคค่ะ… แต่ มันจะมีตุ๊กแกมั้ยคะป้า”
หญิงสาวทำท่าขนลุกขนพอง ถามด้วยน้ำเสียงหวาดๆ เพราะเธอกลัวตุ๊กแกที่สุด
“อุ๊ย… ตุ๊กแกกับบ้านไม้มันเป็นของคู่กันค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ตุ๊กแกพวกนี้กินแมลง มันไม่มีพิษมีภัย ไม่ทำอันตรายคนหรอกค่ะ”
“อึ๊ย! พูดแบบนี้แสดงว่ามีใช่มั้ยคะ”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละค่ะ”
คนถูกถามตอบยิ้มๆ ก่อนจะพาหญิงสาวก้าวลงบันไดมายังชั้นล่าง แล้วเดินนำเข้าไปในโรงครัวซึ่งอยู่ตอนท้ายของเรือน เรื่อยไปจนถึงหลังบ้าน แนะนำว่าตรงไหนคือห้องครัวและห้องซักล้างซึ่งแลเห็นเครื่องซักผ้าตั้งอยู่
“จานชามล้างตรงนั้น… ซึ่งหนูจะต้องช่วยป้า แล้วตรงนั้นสำหรับซักเสื้อผ้า”
สตรีสูงวันทำท่าชี้นิ้วสั่งงานนั่นนี่
“อะ… อะไรนะ?”
ฟ้าใสกระทืบเท้าอยู่ในความคิดอย่างคุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเอง
“อย่าบอกนะว่า… หนูจะต้องทำงานบ้านพวกนี้ เอ่อ… ซักผ้า แล้วก็ล้างจานเอง”
นิ้วเรียวดุจดั่งลำเทียนชี้ไปที่เครื่องซักผ้า ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยแตะงานพวกนี้ เพราะว่าบ้านที่กรุงเทพฯ มีคนใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง
“แน่สิจ๊ะ… ผ้าก็ซักเครื่อง ไม่ได้เหนื่อยตรงไหน”
“แล้วที่นี่ไม่มีคนใช้หรือคะ?”
“ไม่มีจ้ะ… ปกติป้าเป็นคนดูแลทุกอย่างให้นายหัว ระหว่างอยู่ที่นี่หนูจะต้องช่วยป้าอีกแรง… เข้าใจนะ คุณพ่อหนูกำชับฝากนายหัวเอาไว้ว่าให้ป้าช่วยสอนงานบ้านงานครัวให้หนู”
“เอ่อ… ค่ะ… ”
หญิงสาวพยักหน้าฝืนๆ ยอมรับอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก แต่จะทำอย่างไรได้
“เอาเป็นว่าตอนนี้ป้าขอมอบหมายงานให้หนูสองอย่างตามที่นายหัวสั่งเอาไว้… คือซักผ้ากับล้างจาน”
“ค่ะ… ”
ฟ้าใสตอบเสียงเศร้า ยกหลังมือขึ้นมาพิจารณาลวดลายดอกไม้น่ารักที่เพ้นท์เอาไว้บนเล็บเคลือบมันเงางามทั้งสิบนิ้ว นึกในใจว่ามือนุ่มนิ่มที่เฝ้าทะนุถนอมมานาน ถึงคราวด้านจนดูไม่จืดก็คราวนี้
“อยู่ที่นี่หนูต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่วันนี้ยังไม่ต้องทำอะไร พรุ่งนี้ค่อยช่วยงานป้า”
บอกสั้นๆ แล้วสตรีสูงวัยก็เดินจากไปด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม ด้วยตอนนั้นยังมีงานในโรงครัวเล็กๆ ที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังของเรือนใหญ่รออยู่ แลเห็นคนงานซึ่งเป็นผู้หญิงชาวบ้านสองคนกำลังช่วยกันตระเตรียมอาหารเที่ยงเอาไว้สำหรับเลี้ยงคนงานในสวนยางและสวนปาล์มเหมือนที่เคยทำเป็นกิจวัตรประจำวัน
ฟ้าใสกวาดสายตาแลไปรอบๆ อาณาบริเวณของสวนปาล์มกว้างใหญ่ การที่เป็นคนแปลกที่แปลกถิ่นทำให้รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าเธอพาตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธออยากมาซะที่ไหนล่ะ หากไม่ใช่เป็นเพราะบัญชาของบิดาเธอคงไม่มีวันมาเหยียบที่นี่
“มาอยู่แบบนี้เหมือนติดคุกดีๆ นี่เอง… โธ่… คุณพ่อนะคุณพ่อ ไม่น่าลงโทษกันแบบนี้เลย”