บทที่ 2 ชีวิตใหม่ (2/2)
ฉินเจินเจินกลอกดวงตาไปมา พร้อมกับพ่นลมหายใจ แล้วรีบพาร่างบอบบางที่แทบจะเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกของตัวเองลงจากรถแล้วเดินตามเขาเข้าไปยังด้านใน ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนรับใช้
"คุณแม่ มานานแล้วหรือครับ" เขาเอ่ยทักทายสตรีทรงอำนาจที่นั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางราวกับนางพญาอยู่บนโซฟาหนังสีดำสนิท
"ซานเย่ แม่เพิ่งมาถึงเมื่อครู่ มานั่งกับแม่เร็วเข้า แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก"
สตรีวัยกลางคนที่ยังคงดูดีและอ่อนเยาว์เอ่ยขึ้นพร้อมกับกวักมือเรียกลูกชายเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม แต่ทว่าดวงตาสวยหวานคู่นั้นกลับแข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นเธอที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังของเขา
"ครับแม่"
"นั่นใครกันน่ะ ซานเย่" ผู้มีศักดิ์เป็นคุณนายใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับเธอ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะโผล่ใบหน้าออกไปเพื่อทักทายคนเป็นมารดาของท่านผู้บัญชาการ เขากลับผลักเธอให้หันหลังแล้วเอ่ยสั่งคุณป้าที่เจอด้านหน้าให้มาพาตัวเธอออกไป
"ป้าหวังครับ พาเธอไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ช่วยหาเสื้อผ้าและอาหารให้กับเธอด้วยนะครับ อ่อ แล้วก็พาเธอไปยังห้องนอนของผม" ผู้บัญชาการหนุ่มเอ่ยสั่งยาวเหยียด แม้ว่าป้าหวังคนนั้นจะงงงวยอยู่บ้าง แต่ก็รีบเข้ามาจูงมือเธออกไปตามคำสั่งของเขาในทันที
"ค่ะ ๆ คุณชาย"
"ซานเย่ บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน ดูไม่มีหัวนอนปลายเท้าเสียยิ่งนัก" คุณนายหวังสะบัดใบหน้าแรงด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันหน้ากลับมาส่งสายตาที่คาดคั้นให้กับลูกชายที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงนั่งด้านข้างของเธอเมื่อครู่
"ผมซื้อเธอมาจากหยางตงฉวนครับแม่ เธอน่าสงสาร" เขาตอบมารดาออกไปโดยไม่คิดจะปิดบังแต่อย่างใด
"อะไรนะ! ซานเย่ ลูกคิดว่าลูกเปิดมูลนิธิอย่างนั้นหรือ หยางตงฉวน เจ้านั่นมากเล่ห์จะตายไป อีกหน่อยไม่ต้องมารีดไถเงินลูกเช้าเย็นเลยรึ" คุณนายหวังส่งเสียงดังที่บ่งบอกว่าเธอไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกชายทำลงไปเลยแม้แต่น้อย
"โธ่ คุณแม่ ตงฉวนไม่กล้าต่อกรกับผมหรอกครับ แม่อย่ากังวลไปเลย แล้วอีกอย่างเธอก็ตัวเล็กเท่านั้น จะเลี้ยงเอาไว้ก็คงไม่สิ้นเปลืองเท่าไรหรอกครับแม่"
หวังซานเย่ หรือผู้บัญชาการเอ่ยอธิบายให้กับคุณนายหวังผู้เป็นมารดาฟังด้วยความไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ปกติเขามักจะเป็นคนนิ่งขรึมและนิ่งเงียบ แต่เหตุใดวันนี้เขาต้องมานั่งอธิบายอะไรยาวเหยียดทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย
"หึ แม่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น แล้วนี่ซื้อเธอมาจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร นางบำเรอแม่ไม่ว่า แต่ถ้าจะซื้อมาให้ออกหน้าชูตาแม่ไม่ยอมเด็ดขาด" คุณนายหวังนั้นรู้ดีว่าบุตรชายมีนิสัยใจคอเช่นไร หากจะทัดทานคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งนัก มีเพียงเอ่ยดักคอเอาไว้ก็เท่านั้น
"แม่ครับ เธออายุน้อยกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกของผมได้อยู่แล้วนะ" เขาเอ่ยปฏิเสธ แต่กระนั้นก็ยังเอ่ยได้ไม่เต็มปาก เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของเธอ
"น้อยไปน่ะสิ เด็กสาววัยนี้ช่างหอมหวานนัก อีกทั้งลูกของแม่ก็หย่าร้างมานาน แต่ก็เอาเถอะหากลูกจะมีเธอไว้ระบายความใคร่แม่ก็ไม่ติดอะไร แต่จำไว้ว่าสะใภ้ตระกูลหวังจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่มีพื้นเพตกต่ำเช่นนี้" คุณนายหวังเหยียดริมฝีปาก เธอไม่ยินยอมเป็นแน่หากลูกชายคนโตของเธอคว้าผู้หญิงเช่นนั้นมาเป็นคุณนายเล็กของตระกูลหวัง
"ครับแม่ ว่าแต่ที่คุณแม่มาหาผม มีเรื่องอะไรหรือครับ" เขาเอ่ยรับปากออกไปแบบส่ง ๆ เพื่อตัดจบบทสนทนาเรื่องนี้ ก่อนจะเอ่ยถามจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมเยียนของมารดา
"นั่นปะไร เกือบลืมไปเสียแล้วเชียว อีกสามวันหวังไห่เถิงกับภรรยาจะกลับจากยุโรป แม่จะให้น้องมาอยู่ที่นี่กับลูกก่อน เอาไว้ซ่อมแซมคฤหาสน์ตระกูลหวังเสร็จเมื่อไร แม่จะให้น้องย้ายเข้าไปอยู่"
"ครับแม่" เขาตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนที่คุณนายหวังจะเดินทางกลับ
ผู้บัญชาการทหารนั่งอยู่บนโซฟาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกคิดขึ้นได้ว่าเขายังมีน้องชายร่วมสายเลือดอีกคนหนึ่งของตระกูล แต่ด้วยความไม่สนิทสนิม เพราะหวังไห่เถิงใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเสียนาน ทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ก่อนที่ร่างสูงจะหยัดกายลุกขึ้นเพื่อขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า