บทที่ 2 ชีวิตใหม่ (1/2)
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้
“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร”
เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา
“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น
“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ”
ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และไม่ได้จะยียวนกวนประสาทเขาต่อไปแต่อย่างใด เพราะคิดดูแล้วสิ่งที่เขาเอ่ยขึ้นมาเมื่อครู่ก็ถูกต้อง ในเมื่อตอนนี้เธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยยี่สิบปีเพียงเท่านั้น
“ผมไม่คิดจะมีลูกสาวแบบคุณ” เสียงของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด จนเธอรู้สึกหงุดหงิด
“นี่คุณ!”
เธอชี้หน้าใส่เขา ก่อนที่เขาจะหันใบหน้าหล่อเหลากลับมา พร้อมกับส่งฝ่ามือใหญ่เข้ามารวบนิ้วมือที่กำลังชี้หน้าของเขาอยู่ ก่อนจะเอ่ยบอกปีให้เธอได้รับรู้
“1980” เขาตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะผินใบหน้ากลับไปพร้อมกับทอดสายตาออกไปนอกบานหน้าต่างรถ โดยไม่ได้เอ่ยบทสนทนาใด ๆ กับเธอ
หลังจากนั้นฉินเจินเจินก็นั่งเงียบและไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกไป ดวงตาคู่สวยยังคงมองบรรยากาศในยุค 1980 ที่อยู่รอบกายให้เต็มตา แม้ความเป็นอยู่ในยุคนี้จะไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับยุคที่เธอจากมาก็ไม่เป็นอะไร ขอเพียงให้เธอได้เจอกับผู้คนที่จริงใจ นั่นคงจะเป็นของขวัญที่ล้ำค่าในการเกิดใหม่ของเธอแล้ว
รถยุโรปเคลื่อนตัวไปตามเส้นทาง ก่อนจะมาถึงแนวป่าทอดยาวหลายกิโลเมตร เบื้องหน้าคือคฤหาสน์ใหญ่โตหรูหรา มีนายทหารยืนอารักขาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าประตู ฉินเจินเจินมองเห็นตัวอักษรจีนที่ปรากฏบนป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่ "คฤหาสน์ผู้บัญชาการทหารแห่งลั่วหยาง" เธอก็ถึงกับอ้าปากค้างกระพริบตาปริบด้วยความตกตะลึง
'มิน่าเล่า เขาถึงได้ดูร่ำรวยนัก' ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดพ่อแม่ของเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงอยากจะขายเธอให้กับนายทหารคนนี้ เห็นทีพ่อเลี้ยงและแม่ของเธอคงได้เงินไปมากโข ดูจากหน้าที่การงานและอิทธิพลของบุรุษผู้นี้นับว่าเป็นคนใหญ่คนโตเลยทีเดียว
"คุณชาย มาถึงพอดีเลยค่ะ คุณนายใหญ่ท่านแวะมาเยี่ยมเยียนคุณ"
ทันทีที่รถคันหรูจอดสนิทอยู่ทางด้านหน้าของคฤหาสน์ใหญ่โตหรูหรา ลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้าที่เป็นคนขับก็ลงจากรถเพื่อเปิดประตูให้กับผู้เป็นเจ้านาย หญิงวัยกลางคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยภายในคฤหาสน์ก็รีบเดินเข้ามาหาเขา เพื่อแจ้งการมาถึงของคุณนายใหญ่ให้กับท่านผู้บัญชาการได้ทราบ
"อืม"
ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบสนิทและไร้รอยยิ้ม มีเพียงเสียงตอบรับภายในลำคอเท่านั้น ร่างสูงของเขาหยุดยืนอยู่ด้านข้างรถเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาหาเธอแล้วเอ่ยบอกด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วไม่น่าจะอภิรมย์เท่าใดนัก
"ไม่ลงหรือยังไง หรือว่าคืนนี้เธอจะนอนอยู่บนรถ"
คิ้วได้รูปอันแสนจะคมเข้มย่นจนเกือบจะชนกัน ผู้บัญชาการยังคงส่งสายตาตำหนิให้กับเธอไม่ขาดสาย จนรอยยิ้มจาง ๆ ของเธอหายไป เหลือเอาไว้แต่เพียงริมฝีปากที่งุ้มเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ 'หน้าตาก็ดี แต่ปากนั่นกลับมีสุนัขมากมายเสียเหลือเกิน'