บทย่อ
ฉินเจินเจินอกหักเพราะรักเด็กจนหัวใจวาย กลับได้มาเกิดใหม่ในร่างเด็กสาวแรกรุ่น ยุค 80 ที่กำลังจะถูกขายให้กับผู้บัญชาการวัยสี่สิบปี เมื่อชะตาชีวิตถูกสลับ การมีสามีที่แก่กว่าหลายปีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
บทนำ ผมจะซื้อเธอ
“นี่คุณ รีบปลุกลูกสาวตัวดีของคุณเร็วเข้า หากนานกว่านี้ ผู้บัญชาการเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเราแย่แน่”
“อาฉวน คุณไม่เห็นหรือว่าฉันปลุกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ตื่น จะมาขี้เซาอะไรกันตอนนี้นังลูกไม่รักดี” คนที่โดนเร่งเร้าให้ออกแรงปลุกก็เริ่มจะมีน้ำเสียงที่หงุดหงิดเช่นเดียวกัน
“โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หาง่าย ๆ นะคุณ รีบปลุกลูกสาวของคุณซะ ด้วยความหวังดี” บุรุษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่รื่นหูเท่าไรนัก ซ้ำยังมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจ
เสียงสนทนาที่ฟังดูคล้ายกับคนทะเลาะกันระหว่างชายหญิงที่ไม่คุ้นหู ผ่านเข้ามาในภวังค์ความคิด แม้จะยังคงหลับตาแต่ก็รับรู้ได้ถึงบทสนทนาที่ชัดเจนมาก พอให้รู้ว่าเสียงนั้นช่างน่ารำคาญและรบกวนการนอนมากเพียงใด ‘แต่เดี๋ยวนะ !’
ฉินเจินเจิน ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะกวาดมองไปรอบกาย จนเจอเข้ากับหนึ่งหญิงหนึ่งชายในวัยกลางคนที่กำลังส่งฝ่ามือเข้ามาปลุกด้วยท่าทางรีบร้อน
“พวกคุณเป็นใครกัน เข้ามาในคอนโดของฉันได้อย่างไร”
เธอเอ่ยถามออกไป พร้อมกับยันกายลุกขึ้นพิงหมอนอิงใบใหญ่ ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง เพื่อมองหาเด็กหนุ่มคนรักของตัวเอง แต่ทว่ากลับไม่พบแม้แต่เงา อีกทั้งบรรยากาศรอบกายก็ดูไม่คุ้นตาเลยสักนิด
“แหม นังตัวดี ตื่นขึ้นมาก็ทำเป็นความจำสั้นขึ้นมาเลยเชียว” เสียงเล็กแหลมตวาดขึ้นจนเธอสะดุ้ง ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวบริเวณศีรษะ
อ๊ะ
ฝ่ามือเรียวบางยกขึ้นกดบริเวณขมับด้านขวาที่เต้นตุบ ๆ ด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ความทรงจำของใครบางคนจะแทรกซึมผ่านเข้ามา ในภาพความทรงจำของเธอ เด็กสาวในวัยยี่สิบปี ถูกกดขี่ และถูกทำร้ายร่างกาย ให้ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก
สองสามีภรรยาที่ยืนส่งใบหน้าเกรี้ยวกราดนั่นคือแม่บังเกิดเกล้า ฉินซื่ออิง และพ่อเลี้ยงจอมโลภ หยางตงฉวน ที่กำลังวางแผนขายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อแลกกับเงินมากมายให้กินหรูอยู่สบายโดยไม่ต้องเปลืองแรงทำมาหากิน อีกทั้งยังมีเงินก้อนโตเอาไว้ใช้ต่อทุนเล่นการพนัน
และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกบังคับขายให้กับคนใหญ่คนโต แต่เป็นนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยความที่เธออ่อนแอมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว จึงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อเธอออกไป ด้วยเพราะกลัวเธอจะตายก่อนที่จะทำตัวให้คุ้มกับค่าเงินที่พวกเขาต้องจ่าย
ในค่ำคืนที่แสนเดียวดาย ฉินเจินเจิน ต้องเก็บตัวอยู่ภายในห้องนอนอันแสนคับแคบ ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เธออยากจะหนีโลกนี้ไปให้ไกลแสนไกล เพื่อจะไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือในการหาเงินของแม่กับพ่อเลี้ยงผีพนัน เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ จนกระทั่งโรคหัวใจกำเริบและหัวใจวายตายในที่สุด
ความทรงจำมากมายไหลวนเข้ามาให้เธอได้รับรู้ แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคนอย่างเธอต้องมารับรู้ด้วยในเมื่อเธอเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็ตั้งสติใหม่ให้ดีอีกครั้ง เพื่อทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้มีสติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ฝ่ามือหยาบใหญ่ ก็กระชากท่อนแขนที่เล็กลงของเธอให้ลุกจากที่นอนด้วยความทุลักทุเล
“ลีลาอยู่ได้ หากครั้งนี้ผู้บัญชาการไม่ซื้อตัวแกออกไป เห็นทีฉันคงเลี้ยงแกต่อไปไม่ได้อีกแล้วเช่นกัน” หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับในความทรงจำของเด็กผู้หญิงคนนั้น ฉุดกระชากแขนของเธอจนขึ้นสีแดงก่ำ
“เลิกทำหน้าเหมือนจะตายเสียที ฉินเจินเจิน !”
ผู้ชายที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมตวาดขึ้น ก่อนจะเดินนำหน้าออกจากห้องไป ในขณะที่เธอกำลังงงวยกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอถูกลากตัวให้เดินผ่านกระจก เธอกลับจ้องมองอย่างไม่ละสายตา เมื่อกระจกบานโตสะท้อนร่างของเธอในตอนนี้
นั่นไม่ใช่ร่างของเธอ ฉินเจินเจินไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อยและเป็นเด็กสาวอย่างที่มองเห็นอยู่ในตอนนี้ แต่คือร่างของเด็กสาวที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำเมื่อครู่
ร่างเล็กที่สะท้อนผ่านกระจกนั้นช่างบอบบางจนแทบจะเหลือแต่กระดูก ใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งชีวิตชีวา ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยขีดข่วน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นกี่เพ้าเก่าซอมซ่อ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !” เธอสบถออกมา ภายในความคิดทั้งสับสน และฉงนไปพร้อมกัน
“แกว่าอะไรนะ !” ผู้เป็นพ่อเลี้ยงหันมาถาม ทั้งที่ปากยังคาบบุหรี่เอาไว้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
เธอเอ่ยขึ้น หลังจากที่พยายามเรียบเรียงเรื่องราวอยู่นาน นี่ไม่ใช่ร่างของเธอ และที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของเธอด้วยเช่นเดียวกัน
เพียะ
ฝ่ามือของฉินซื่ออิงตวัดเข้ากับใบหน้าของเธออย่างแรง จนได้กลิ่นของเลือดที่อบอวลอยู่ภายในปาก ฉินเจินเจินแค่นยิ้มออกมาเมื่อจู่ ๆ ก็ต้องมาโดนตบอย่างไร้ซึ่งสาเหตุ
“แกสิหุบปาก พูดจาแบบนั้นกับพ่อเลี้ยงของแกได้ยังไงกัน” แม่บังเกิดเกล้าของเด็กหญิงเอ่ยขึ้น หลังจากที่ตบหน้าลูกสาวจนเลือดกลบปากด้วยความทารุณ
“พอได้แล้วซื่ออิง ประเดี๋ยวหน้าเธอเป็นรอยจะเสียราคากันหมด” หยางตงฉวนเอ่ยปราม ก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
ร่างบางที่มีเพียงโครงกระดูกถูกดันออกไปยังเบื้องหน้า ก่อนที่ฉินเจินเจินจะเข่าอ่อนเพราะไร้เรี่ยวแรงจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง แต่กลับไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“ผู้บัญชาการหวัง นี่ฉินเจินเจินลูกเลี้ยงของผมเอง ที่เคยบอกเอาไว้ หวังว่าจะถูกใจท่านนะครับ” พ่อเลี้ยงของเธอรีบแนะนำ ก่อนจะกัดปากด้วยท่าทางกักขฬะ
เธอเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่นั่งประสานมืออยู่บนโซฟาเก่า ๆ เขาอยู่ในเครื่องแบบทหารสีเขียวอมน้ำตาลที่ดูไม่คุ้นตา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นนายทหารยศสูงอย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม และท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่ตามช่วงวัย ดวงตาของเขาคมกริบและแข็งกร้าว มิหนำซ้ำยังไร้ความรู้สึกใด อายุอานามของบุรุษเบื้องหน้าน่าจะราว ๆ สี่สิบปี ที่ยังดูดีและหล่อเหลาไปทุกระเบียดนิ้ว
“เธอมีอะไรให้ผมสนใจอย่างนั้นหรือ”
เสียงทุ้มเข้มที่ฟังดูไพเราะจับใจ แต่กลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเอ่ยกับพ่อเลี้ยงของเธอ พร้อมกับเงยใบหน้าที่คมคายขึ้นมองด้วยสายตาที่เย็นชา
“โธ่ท่านผู้บัญชาการ เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบ หากพาตัวเธอไปอาบน้ำอาบแต่งตัวดี ๆ สักหน่อย ก็น่าจะพอขึ้นเตียงกับท่านได้อยู่นะครับ อย่างน้อยความบริสุทธิ์ของเธอก็ยังมี”
หยางตงฉวน ผู้เป็นพ่อเลี้ยง รีบเดินเข้าไปเพื่อนำเสนอเธอให้กับผู้ชายที่เขาเรียกว่าผู้บัญชาการด้วยความหว่านล้อม
“หากผู้บัญชาการไม่ถูกใจ ก็รับซื้อเธอเอาไว้เป็นคนใช้ก็ได้นะคะ งานบ้านหรืออาหาร อาเจินทำได้หมด” แม่บังเกิดเกล้าของเธอช่วยเสริมกับสามีใหม่อีกแรง ด้วยท่าทางรีบร้อนที่จะขายเธอออกไปให้พ้นหูพ้นตา
ฉินเจินเจินได้แต่ส่ายหน้าไปมา ที่มันยุคไหนกันแล้ว ยังจะมาขายลูกกินง่าย ๆ แบบนี้อีก เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของนายทหารคนนั้นด้วยความจับจ้อง ก่อนจะมองสำรวจบุรุษผู้นั้นด้วยความพินิจอีกครั้ง การแต่งตัวเช่นนี้ กับคำเรียกขานว่าผู้บัญชาการ
‘หรือว่านี่คือยุคสาธารณรัฐ’ เธอคิดได้เพียงเท่านี้ ทั้งบรรยากาศการแต่งกายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นผ่านตาจากหนังสือและจอโทรทัศน์มาบ้าง
‘ฉินเจินเจินนี่เธอตายแล้วเกิดใหม่ มาอยู่ในร่างของยัยหนูที่น่าสงสารคนนี้อย่างนั้นรึ’ ยังไม่ทันจะได้มีว่างเว้นให้นึกคิดย้อนไปถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในร่างของเด็กสาวนามว่าฉินเจินเจิน เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้นพร้อมกับถ้อยคำที่ทำให้เธอกระพริบตาปริบ ตัวชา เพราะทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้
“ผมยินดีจะซื้อเธอ”