บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 : ช่างน่าหงุดหงิด 1/1

ตอนที่

[5]

ช่างน่าหงุดหงิด

ในยามนี้เหยาลี่ซือเห็นใบหน้าของบุรุษหลงตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว มันเกินกว่าที่นางคาดหมายเอาไว้มาก เพราะบุรุษผู้นี้รูปงามอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

แต่นางไม่ได้มีจิตพิศวาสอันใดต่อเขาแม้เพียงนิดนอกจากความหมั่นไส้เท่านั้น

เมื่อครู่เขาว่าอันใดนะ!

สตรีป่าเถื่อนเช่นนั้นหรือ......

เขากล้าเอ่ยเรียกผู้ที่เสียสละเวลาอันมีค่า ที่สามารถทำเงินได้มากมายเพื่อลงไปช่วยเขาว่า....สตรีป่าเถื่อนเช่นนั้นหรือ!

แบบนี้ต้องตบให้หัวหลุดเลยดีหรือไม่!

ด้านเซียวไจ้เสวียนในยามนี้การมองเห็นและสติของเขากลับมาเป็นแทบจะปกติแล้ว และยามนี้ก็สามารถเห็นใบหน้าของสตรีป่าเถื่อนที่ตบหัวเขาได้อย่างชัดเจน

นางช่าง......

งาม

งามแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน

แต่.....ถึงจะให้งามอย่างไร สตรีป่าเถื่อนก็ยังคงเป็นสตรีป่าเถื่อนอยู่ดี เมื่อครู่นางว่าจะตบอันใดเขานะ..... สายตาของนางมองไปที่จุดนั้นของเขาใช่หรือไม่ อยู่ดี ๆ ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

นอกจากเป็นสตรีป่าเถื่อน ยังเป็นสตรีโรคจิตอีกหรือ!

“ไจ้เสวียนเจ้าใจเย็น ๆ นะ แม่นางคนงามผู้นี้ เป็นผู้ที่กระโดดลงไปช่วยเจ้า” จิ้นปู้รีบกล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายจ้องที่แม่นางคนงามด้วยความดุดันทั้งยังไม่ละสายตา

“ใช่ ๆ ไจ้เสวียนแม่นางเทพเซียนผู้นี้ เป็นผู้ที่กล้าหาญทั้งยังงดงาม เป็นผู้ที่ลงไปช่วยเจ้าด้วยตนเอง”

“แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ลงไปช่วยข้า!!” ไจ้เสวียนเอ่ยเสียงดัง เขาตั้งสติของตนได้แล้วแต่ดูคล้ายว่าสหายของเขาทั้งสองจะไม่!

มาครบถ้วนทั้งแม่นางคนงาม ทั้งแม่นางเทพเซียน หากตัดเรื่องความงดงามออกไป สตรีผู้นี้ก็คือสตรีป่าเถื่อนชัด ๆ ดูสายตาที่นางมองเขา หาใช่แบบแม่นางทั่วไปอย่างแน่นอน เมื่อมองสตรีแปลกหน้าเสร็จก็เบนสายตากลับมามองหน้าสหายพร้อมแผ่ความกดดันออกไปทันที

“จะ...เจ้าก็รู้ว่าพวกข้าว่ายน้ำไม่เป็น...” สองสหายเขียวเหลือง กล่าวเสียงสั่น

“โง่งม โง่งมนัก!” พวกเขาเปิดโอกาสให้สตรีป่าเถื่อนมาช่วยเหลือเขาได้อย่างไร!

ด้านเหยาลี่ซือก็ได้แต่เบ้ปากผู้ที่กล่าวหาว่าผู้อื่นโง่งม มิใช่ตนเองหรือที่โง่งมที่สุด โง่งมจนเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งที่แม่น้ำเย็น ๆ นั่นแล้ว

“สตรีป่าเถื่อน เจ้ากำลังนินทาข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่ ข้ารู้นะ”

“หึ ข้ามิได้ชื่อสตรีป่าเถื่อน แต่เจ้าคงไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าชื่อว่าอันใด และใช่ ข้ากำลังนินทาเจ้า” นางก้าวเข้าไปใกล้เขา ส่งผลให้อีกฝ่ายขยับกายถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ‘สายตานั้น...ช่างน่ากลัวนัก’ ไจ้เสวียนคิด

“ข้ากำลังนินทาบุรุษที่โง่งมที่สุดที่ข้าเคยพบเจอมา เพียงแค่ผิดหวังในรัก ก็คิดจะเอาชีวิตมาทิ้งที่แม่น้ำเย็น ๆ แล้ว ช่างน่าขันนัก”

“ข้าไม่...” ไจ้เสวียนคิดจะตอบโต้

“ไม่อันใด เจ้าคิดว่าแค่กระโดดน้ำก็จบแล้วหรือ รู้หรือไม่ว่ามันเดือดร้อนผู้อื่น ที่ข้าต้องอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะเจ้า!”

“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ามาช่วย!!” เขาตะโกนขึ้น

“ข้าก็ไม่ได้อยากช่วย!!” แต่นางก็ตอบกลับอย่างทันควัน “แต่เหล่าสหายสมองทึบของเจ้าบอกให้ช่วย”

“เจ้าปฏิเสธก็ได้นี่”

“ข้าเพียงแค่รำคาญสายตา ที่เหล่าสหายของเจ้าที่เอาแต่เดินไปเดินมา ร้อนรนแต่ก็ไม่ทำอันใด” ยิ่งเหยาลี่ซือกล่าว ทั้งจิ้นปู้และอานฉวนก็ยิ่งก้มหน้าลง

“อย่าต่อว่าสหายข้า...ข้า”

“และเจ้า.... นอกจากไม่รู้ตัวว่าตนเองผิด ซ้ำผิดแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณผู้ที่มาช่วยชีวิตตนเองไว้อีก อีกทั้งยังต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของเจ้า มันใช้ได้หรือ ท่าทางก็ดูเป็นผู้ที่น่าจะอยู่ในตระกูลสูงส่ง แต่เหตุใดความคิดความอ่านถึงได้ตื้นเขินเช่นนี้ ไหนมีอันใดจะกล่าวก็กล่าวมา”

ไจ้เสวียนอ้าปากพะงาบ ๆ อยู่นานในที่สุดอีกฝ่ายก็กล่าวจบ

“ขะ...ข้าไม่ได้ผิดหวังในรัก จนจะฆ่าตัวตาย คนอย่างข้าเซียวไจ้เสวียนผู้เพียบพร้อม ไยจะต้องทำเช่นนั้นด้วย ข้าเพียงร้อนเลย...อยาก...อยากเล่นน้ำเท่านั้น มีแต่เจ้าที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” กล่าวจบก็จ้องมองนางอย่างไม่พอใจ

“อ้อออออออออ” เหยาลี่ซือลากเสียงยาว “ข้าขอโทษที่ไปขัดขวางการเล่นน้ำของเจ้า เช่นนั้นก็ลงไปเล่นอีกสักทีเป็นอย่างไร” กล่าวจบนางก็ลากอีกฝ่ายไปที่ใกล้แม่น้ำและออกแรงถีบเขาลงไปทันที

ตู้ม!

“ไจ้เสวียน! /ไจ้เสวียน!”

เมื่อจัดการตัวปัญหาเสร็จนางก็รีบยกกระบุงขึ้นสวมและเดินจากไปทันที

วันนี้วันอะไร นางจึงต้องพบกับเรื่องที่ชวนหงุดหงิดเช่นนี้!

เหยาลี่ซือรีบก้าวเท้าออกไปโดยที่ไม่หันกลับไปมองด้านหลังแต่อย่างใด อีกอย่างตรงนั้นน้ำไม่ลึกมาก ถ้าขึ้นไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ในยามนี้นางไม่ได้มีผ้าคลุมหน้าตาของตนแต่อย่างใด เลยได้แต่รีบจ้ำอ้าวเพื่อกลับบ้านให้เร็วที่สุด

เมื่อกลับถึงบ้านมารดาก็ตกใจกับสภาพของนางเป็นอย่างยิ่ง นางเลยกล่าวว่าไปช่วยคนตกน้ำมา และเล่ารายละเอียดคร่าว ๆ ให้ฟังเท่าที่จะเล่าได้ มารดาจึงค่อยวางใจ เพราะคราแรกคิดว่านางไปมีเรื่องกับผู้ใดเสียอีก

ค่ำคืนนั้นทั้งคืนนางนอนไม่หลับเลยสักนิด รู้แต่ว่ามันหงุดหงิด ยิ่งหลับตาใบหน้าของตัวต้นเรื่องก็มักจะขึ้นมาทุกที มันน่าตบให้หัวหลุดนัก หรือไม่ตอนที่ถีบอีกฝ่ายควรจะถีบให้แรงกว่านั้นอีก

คิดแล้วก็หงุดหงิด!

ปกตินางไม่เป็นเช่นนี้ แต่เขาทำให้นางดูดิบเถื่อนมากขึ้น

เมื่อตื่นเช้ามานางก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม เมื่อซ่งต้าเหม่าส่งคนมาขอให้นางไปเป็นอนุอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นหน้านางด้วยซ้ำ กล่าวเพียงว่าเคยเห็นนางเดินผ่าน เลยถูกใจอยากให้นางจะไปเป็นอนุในจวน ทั้งที่จวนของเขาในยามนี้ก็อัดแน่นไปด้วยอนุที่มีเรื่องตบตีกันลอยมาให้ได้ยินแทบจะทุกวัน เห็นทีนางจะต้องรีบจัดการเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะมากวนใจนางเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้นเสียที นางจึงบอกให้มารดาไล่คนของเขากลับไปก่อน เดี๋ยวหลังจากนั้นนางจะจัดการเอง

“ซือเออร์ วันนี้จะไปส่งผักที่จวนตระกูลเซียวหรือ” เมื่อไล่คนของซ่งต้าเหม่าไปแล้ว มารดาจึงเอ่ยถามนางขึ้น

“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่”

“แล้วเหตุใดทำหน้าครุ่นคิดเช่นนั้น มีอันใดหรือไม่”

“นั่นก็......”

ที่จริงแล้ว.....นางสนิทกับฮูหยินของตระกูลเซียวค่อนข้างมาก ด้วยอีกฝ่ายเป็นสตรีที่งดงามและจิตใจดี นางจึงเป็นคนส่งผักให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ทั้ง ๆ ที่ตระกูลขุนนางตระกูลอื่นจะเป็นคนของนางเป็นผู้ที่ไปส่งให้เสียมากกว่า แต่เหตุที่นางครุ่นคิดจนมารดาต้องเอ่ยถามนั้น เพราะเมื่อวานนี้บุรุษผู้นั้นกล่าวว่า เขาคือ เซียวไจ้เสวียน

เช่นนั้นเขาก็คือคนตระกูลเซียว จะใช่ตระกูลเซียวเดียวกันกับที่นางส่งผักให้เป็นประจำหรือไม่ แต่ตระกูลเซียวในเมืองหลวงก็มีเพียงตระกูลเดียวเท่านั้น เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งหาคำตอบไม่ได้ ไปส่งแล้วค่อยถามเซียวฮูหยินอีกทีละกัน

เมื่อนางเตรียมผักที่จะนำไปส่งให้ตระกูลเซียวเสร็จเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปทางด้านเขตหรูหราของเมืองหลวงที่เหล่าขุนนางตระกูลใหญ่มักจะอยู่อาศัยกัน ตระกูลเซียวก็เป็นหนึ่งในนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel